ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพขณะที่ชายหญิงคู่หนึ่ง กำลังยืนทะเลาะกันอยู่หน้าร้านซักผ้า ย่านหลังวัดบ้านท่อ ต.สันผีเสื้อ อ.เมืองเชียงใหม่ จากนั้นชายที่ปรากฏอยู่ในคลิปวงจรปิด ได้อุ้มหญิงสาวขึ้นรถจักรยานยนต์แล้วขับออกไป ซึ่งหญิงรายดังกล่าวทีสามีแล้วและมีลูก 2 คน
วันที่ 3 พ.ย. 63 หลังจากเกิดเหตุได้มีชาวบ้านที่อยู่ข้างเคียงได้โทรศัพท์แจ้ง 191 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก เมืองเชียงใหม่ ได้รถมาตรวจสอบที่เกิดเหตุในทันที
ที่เกิดเหตุพบว่าเป็นร้านขายของชำ หญิงสาวที่ถูกลักพาตัวไปชื่อ นางสาวส้ม (นามสมมติ) เป็นชาวไทใหญ่ อายุประมาณ 37 ปี เป็นเจ้าของร้านขายของชำ ส่วนชายที่มาลักพาตัวไป คาดว่าเป็นชายหนุ่มคนสนิท อายุประมาณ 28 ปี
นางพรรณี แสนกัน อายุ 48 ปี เจ้าของร้านขายของชำ อยู่ติดกับร้านของนางสาวส้ม เล่านาทีเกิดเหตุว่า ช่วงเกิดเหตุวันนี้ตนได้เดินเข้ามาหานางสาวส้มภายในร้าน จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกัน นางสาวส้มก็ได้ออกมาหาตนแล้วขอความช่วยเหลือจากตน ตนจึงเข้าไปห้ามปราม จากนั้นก็ได้มีการฉุดกระชากกันเกิดขึ้น แม่ฝ่ายชายก็ได้อุ้มขึ้นรถแล้วก็ขับหนีหายไปต นจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนางสาวส้ม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาตรวจจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า นางสาวส้มมีครอบครัว มีสามี มีลูกโดยชายคนดังกล่าวคาดว่าน่าจะเป็นชายที่มาแอบชอบ แต่นางสาวส้มนั้นไม่เล่นด้วย และเลือกครอบครัว ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกเมืองเชียงใหม่ กำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนแกะรอยนำตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี
นายวิรัตน์ อายุ 45 ปี สามีของนางสาวส้ม เปิดใจว่า ตั้งแต่เกิดเหตุมาจนถึงตอนนี้ ตนยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากภรรยา ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร โดยคนที่พาไปนั้นก็เป็นหนุ่มไทใหญ่ อายุประมาณ 28 ปี ซึ่งรู้จักกันในเฟซบุ๊ก
จากนั้นก็ได้แอบคบกัน กระทั่งตนจับได้ ภรรยาก็ขอห่างกับชายคนดังกล่าว แต่ชายคนนั้นกลับไม่ยอม ถึงมาพาตัวภรรยาของตนไปเมื่อช่วงบ่าย ซึ่งตนก็อยากจะให้ทั้งคู่มาพูดคุยกันที่โรงพัก ให้ฝ่ายหญิงเลือกว่าจะเอาอย่างไร จะเลือกใคร
นอกจากนี้ ยังพบว่าหนุ่มไทใหญ่คนดังกล่าว ได้ส่งคลิปเสียงมาข่มขู่ตนอีกด้วย ในลักษณะทำนองว่าจะส่งคนมาฆ่าตน เพราะเขาต้องการตัวภรรยาตน
อย่างไรก็ตาม ตนกับนางสาวส้ม ได้อยู่กินกันมา 10 กว่าปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน ส่วนหนุ่มไทใหญ่คนที่ลักพาตัวไปนั้น ก็เพิ่งรู้จักกันได้แค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง วึ่งตนไม่สามารถแจ้งความได้ เพราะไม่ได้มีการจดทะเบียนตามกฎหมาย
นอกจากนี้ บนเฟซบุ๊กของภรรยาพบว่ามีการโพสต์รูปเจ้าตัวกับชายคนดังกล่าว ซึ่งมีความแปลก เพราะปกติภรรยาไม่ค่อยโพสต์ อีกทั้งเวลาอยู่กับตน ภรรยาก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากเลิกกับตน จึงคาดว่าคนโพสต์รูปน่าจะเป็นชายที่ฉุดภรรยาของตนไปเพื่อจะแสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้น
