จากกรณีญาติรวมตัวร้องสื่อที่ สน.สำเหร่ กรุงเทพฯ มีเหตุพ่อแท้ ๆ ข่มขืนเด็กหญิงเอ ลูกสาววัย 13 ปี ทุบตีนานนับเดือน ซึ่งเคยเข้าแจ้งความเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
วันที่ 3 พ.ย. 63 ญาติได้พาตัวเด็กหญิงเอ วัย 13 ปี มาสอบปากคำที่ สน.สำเหร่ กรุงเทพฯ ภายในห้องสอบสวนเด็ก โดยยายและเด็กหญิงเอได้เข้าไปให้ปากคำร่วมกันเพื่อรวบรวมหลักฐานออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้เป็นพ่อ
ซึ่งทางญาติให้ข้อมูลว่า เดิมทีเด็กหญิงอาศัยอยู่กับยายมาตั้งแต่เกิดในบ้านย่านบุคคโล กระทั่ง 1-2 ปีก่อน พ่อแท้ ๆ ของเด็กหญิง ได้พ้นโทษออกจากคุกในคดียาเสพติด จนในช่วงต้นปี 2563 เด็กเริ่มโตเป็นสาว พ่อที่มีอาชีพเป็นยามแฟลตทหารเรือ ก็หลอกล่อเด็กหญิงไปกระทำชำเราในป้อมยาม ทำเช่นนี้มาตลอดประมาณสัปดาห์ละครั้ง
ช่วงหลังเด็กหญิงเอเริ่มติดต่อกับเพื่อนทางสื่อออนไลน์ พ่อไม่พอใจจึงเริ่มตบตี เตะ ทำให้เด็กหญิงเอทนไม่ไหว จนวันที่ 14 ต.ค. 63 หลบหนีโดยหลังเลิกเรียน เด็กหญิงได้หลบหนีพ่อและเดินทางไปยังบ้านยาย มาบอกญาติทางแม่ เมื่อรู้ก็รีบมาดำเนินคดีทันที
วันที่ 4 พ.ย. 63 นายบูม (นามสมมติ) ลุงของเด็ก เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับแม่ของเด็กหญิงเอ ส่วนยายของเด็กหญิงเอก็เป็นน้าสาวของตน ด้านแม่ของเด็กหญิงเอนั้นติดคุกไปตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่อง ทำให้ยายของเด็กไม่มีที่พึ่ง กระทั่งเมื่อ 2-3 วันก่อน ยายของเด็กได้มาบอกตนว่าเด็กหญิงเอถูกพ่อข่มขืน ตนก็เห็นว่ามีการแจ้งความตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม และไม่มีอะไรเคลื่อนไหว
ตนจึงได้มาสอบถามทางตำรวจว่าจะดำเนินเรื่องเมื่อไร สุดท้ายตำรวจก็นัดมาสอบปากคำพร้อมกับสหวิชาชีพ ซึ่งตนมองว่าตำรวจดำเนินการค่อนข้างช้า เนื่องจากเข้าแจ้งความตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค. แต่กลับไม่มีการดำเนินการ
ตนยอมรับว่ารู้สึกหดหู่ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น พ่อเด็กไม่น่าก่อเหตุกับลูกของตัวเองแบบนี้ จึงอยากให้เขาได้รับโทษกับความผิด อยากให้ตำรวจจัดการอย่างเด็ดขาด ส่วนเด็กหญิงเอมีอาการซึมเศร้า ไม่ร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน เคยบ่นกับญาติว่าอยากฆ่าตัวตาย
ล่าสุด เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำเหร่ ได้นำกำลังเข้าจับกุมนายสรณ์ อายุ 39 ปี อดีตรปภ. ที่ข่มขืนลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน สามารถจับกุมได้ระหว่างหลบหนีไปกบดานบ้านญาติในพื้นที่ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เบื้องต้น นายสรณ์ให้การปฏิเสธว่าไม่เคยขืนใจลูก ไม่เคยคิดทำอะไรอย่างที่ถูกกล่าวหา
นางอ้อย (นามสมมติ) อายุ 66 ปี เปิดเผยว่า นายสรณ์เป็นลูกเขยของตน ก่อนหน้านี้ก็ได้ข่มขื่นลูกสาวของตน จนลูกสาวตนคลอดหลายชาย ตอนนี้อายุ 16 ปี ตนจึงให้นายสรณ์และลูกสาวอยู่กินกัน จนลูกสาวตนคลอดลูกสาวอีกคนอายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ป.6 แต่นายสรณ์ก็ไม่ทิ้งนิสัยเดิม ข่มขืนลูกของตัวเอง ตนรู้สึกโกธรและเสียใจมาก เนื่องจากตนเลี้ยงหลานมาตั้งแต่แรกเกิด จากนั้นนายสรณ์และลูกสาวของตนก็ถูกจับในข้อหาเสพยาเสพติด เมื่อนายสรณ์พ้นโทษออกมา ก็เอ่ยปากขอลูกไปอยู่ด้วยเป็นครั้งคราว
จนวันที่ 14 ต.ค. 63 หลานเดินทางมายังบ้านของตน บอกกับตนรวมถึงญาติว่าถูกนายสรณ์ข่มขืนมาตลอด 2 ปี ตนจึงได้พาไปแจ้งความทันที ก่อนที่นายสรณ์พร้อมกับแม่เดินทางมาหาตน ขอโทษและเสนอเงิน 10,000 บาทให้เพื่อให้ถอนแจ้งความ แต่ตนไม่รับเงิน เพราะอยากดำเนินคดีกับนายสรณ์ให้ถึงที่สุด