จากกรณีตำรวจกองปราบปราม ร่วมกันจับกุมนางสาวขวัญตา หรือ ขวัญ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระยอง ลงวันที่ 13 มี.ค. 46 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยจับกุมได้บริเวณด่านตรวจบริษัทขนส่งจำกัด หมู่ที่ 4 ต.สระพัง อ.เขาย้อย จ.ระยอง
สืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2543 ผู้ต้องหาได้คบหากับนายปรีชา หรือ เก๊า ผู้ร่วมก่อเหตุที่ถูกจับกุมแล้วก่อหน้านี้ ทั้งคู่อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าในอำเภอเมืองระยอง ต่อมากลางปี 2544 นายสมชัย ผู้ตายได้ไปติดพันหญิงสาวในเชิงชู้สาว กระทั่งนายปรีชาจับได้ว่าแฟนสาวสนิทกับผู้ตาย จึงวางแผนกับพวกปล้นฆ่าผู้ตาย เนื่องจากรู้ว่าผู้ตายเป็นคนที่ค่อนข้างมีฐานะ
โดยวันที่ 25 พ.ย. 2544 ได้ให้นางสาวขวัญตาออกอุบายชักชวนผู้ตายออกมานั่งเล่น ที่บริเวณชายทะเลอำเภอเมืองระยอง ก่อนที่นายปรีชากับพวกจะใช้อาวุธมีดที่เตรียมมากระหน่ำฟัน และแทงผู้ตายจากด้านหลังจนเสียชีวิต จากนั้นได้ปล้นเอาสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท
ต่อมาปี 2546 ศาลจังหวัดระยองอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา และจับกุมตัวนายปรีชาได้ ส่วนนางสาวขวัญตา หลบหนีคดีนาน 18 ปี ก่อนที่ตำรวจจะสืบทราบว่ากำลังโดยสารรถประจำทางมุ่งหน้าไปจังหวัดสงขลา จึงไปสกัดจับได้ เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
นายวอ (นามสมมติ) อายุ 51 ปี อาของนางสาวขวัญตา เปิดเผยว่า ตนเองไม่รู้ว่าคนที่ตำรวจจับไปชื่อว่านางสาวขวัญตา หรือ ตุ๊กตา แต่ถ้าเป็นหลานของตัวเองที่ไปก่อเหตุดังกล่าว แล้วหนีคดีมานาน ตนเองก็ค่อนข้างตกใจ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีพิรุจหรือสิ่งบอกเหตุว่าไปก่อเหตุร้ายแรงไว้ ซึ่งยังจำได้เสมอว่าทุกครั้งที่ขวัญตากลับมาบ้าน จะมาดูแลย่าที่ป่วย แต่เจ้าตัวก็อยู่ไม่ติดบ้าน มักจะเดินทางไปหลายที่ ที่สำคัญก็มักจะมีการเปลี่ยนแฟนบ่อยครั้ง จนไม่รู้ว่าคนไหนคือแฟนปัจจุบันบ้าง
ทั้งนี้ ส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจถ้าหากหลานไปก่อเหตุ แต่ในมุมของครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะไม่รวย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเดินเรื่องขอประกันตัว คงปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และตอนนี้เพียงแค่รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา เพื่อแจ้งและยืนยันอีกครั้งว่าบุคคลที่ตำรวจจับกุมไปนั้นเป็นหลานตัวเองจริงหรือไม่
วันที่ 6 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นถนนสุขุมวิท ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ตามภูมิลำเนาของผู้เสียชีวิต นางจอยย อายุ 52 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุ 25 พ.ย. 63 ตนออกไปจากบ้านสามโมงเย็น และไปอยู่ที่บ้านพี่ชาย จากนั้นนางสาวขวัญตา พยายามโทรหาสามีของตนเองมาหลายครั้งเพื่อให้ไปหาที่ชายหาด จนญาติ ๆ รำคาญ และออกจากบ้านไปเวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งสามีตนเองรู้จักกับนางสาวขวัญตาได้ประมาณ 3 เดือน เนื่องจากนางสาวขวัญตาทำงานอยู่ที่สถานบริการแห่งหนึ่ง เพราะสามีชอบไปเที่ยวกลางคืน มาทราบอีกครั้งตอนเช้าว่าสามีหายไป ตามกระทั่งจนบ่ายโมง พบว่าถูกแทงอยู่ทะเลแล้ว
แต่ตนเองคาใจว่าตำรวจชุดจับกุมไม่รายงานความคดีทางคดีกับตนเองเลย ตั้งแต่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจับผู้ต้องหาคนแรกได้แล้ว ตนเองคาใจปมการฆ่า เพราะหวังชิงทองไม่น่าทำถึงขั้นเอาชีวิต อาจจะมีปมขัดแย้งอื่นหรือไม่ ตนยังรู้สึกว่าอยู่แบบตายทั้งเป็น อีกทั้งต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คนโดยไม่มีสามีเคียงข้าง
ผ่านมา 18 ปีแล้ว ตนคิดว่าน่าจะไม่เจอคนร้ายแล้ว คิดว่าตำรวจคงไม่ได้สนใจ เพราะผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว และรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้ และตนก็ยังอยากทราบความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด