วันนี้ (21 มี.ค.) เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. นำตัว น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ "ฟ้า" ผู้ต้องหาในคดีฐานผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไลฟ์เฟซบุ๊ก เปิดคลิปเปลือยหน้าอกหญิงสาว กลับมาสอบสวนต่อที่ บก.ปอท. หลังนำตรวจค้นที่บ้านพัก ย่านมีนบุรี ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการอายัดคอมพิวตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึง บก.ปอท. เจ้าหน้าที่พยายามพาตัว น.ส.กนกพรรณ หลบเลี่ยงสื่อมวลชน รวมถึงกีดกันไม่ให้บันทึกภาพ
ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า น.ส.กนกพรรณ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด โดยเจ้าหน้าที่ได้ย้ายห้องสอบสวน และไม่มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจค้นที่ห้องพักของ น.ส.กนกพรรณ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
ล่าสุด เวลา 19.00 น. นางปรวิสา รุ่งเรืองวิโรจน์ หรือ "ติ้ง" ผู้ที่ปรากฎในคลิปร่วมกับ น.ส.กนกพรรณ ได้เดินทางมาพร้อมทนายส่วนตัว เพื่อสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ว่า ตนมีรายชื่ออยู่ในหมายจับด้วยหรือไม่ หลังมีชื่อปรากฎในสื่อฯ
นางปรวิสา เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับ น.ส.กนกพรรณ อยู่ตลอดเวลา โดย น.ส.กนกพรรณ มีความกดดัน ร้องไห้ น้อยใจที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการเร็วมาก ต่างจากคดีของตนเองที่เคยแจ้งความกับ ปอท. ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
หลังจากนั้น นางปรวิสา ได้เดินทางต่อไปที่ สน.ร่มเกล้า พร้อมกับสามีนักร้องดัง นายศร ศรศักดิ์ และทนายความส่วนตัว เพื่อไปแจ้งความ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในข้อหาหมิ่นประมาทและแจ้งความเท็จ กับทาง พ.ต.ท.วิชิต เสนานอก รอง ผกก. สอบสวน สน.ร่มเกล้า
โดย นางปรวิสา บอกว่า ทราบข่าวว่า "ฟ้า" ถูกจับตัวไปที่ ปอท. ส่วนตัวไม่กังวล เพราะหากทำผิดก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าเรื่องใดที่ไม่เป็นความจริง ตนจะไม่ยอมเด็ดขาด พร้อมที่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยวันที่ตนทราบว่า นายอัจริยะ แจ้งความตนและ "ฟ้า" ในข้อหานำข้อมูลลามกอนาจาร เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ตาม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(4) ตนได้ไปดูสำนวนแจ้งความก็พบว่าไม่ถูกต้อง จึงรีบไปแจ้งความกลับไว้ที่ สภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ในข้อหาแจ้งความเท็จ
หลังจากนั้นวันต่อมา ตนได้ฟังคำสัมภาษณ์ของ นายอัจฉริยะ พบว่ามีบางประโยคที่กล่าวหาตนว่า มีสามีหลายคน จึงได้รีบไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ว่าถูก นายอัจฉริยะ หมิ่นประมาท เพราะตนรู้สึกอับอาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากตนมีคนในวงการบันเทิงรู้จักเยอะพอสมควร อีกทั้งพ่อและแม่ของตน ก็มีชื่อเสียงระดับจังหวัด ซึ่งคุณพ่อไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ด้าน นายอนุศักดิ์ พิทักษา ทนายความของ นางปรวิสา กล่าวเสริมว่า ในข้อหาแจ้งความเท็จ พบว่านายอัจฉริยะ แจ้งความไม่จริงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นวันที่ไลฟ์สด ความจริงเป็นของปีที่แล้ว ไม่ใช่วันที่ 1 มีนาคม 2561 ขณะเดียวกัน "ฟ้า" ไม่ได้นำลงยูทูป แต่มีคนอื่นนำคลิปวีดิโอ โพสต์ลงในยูทูป ซึ่งความจริงคลิปไลฟ์สดนั้นได้ลบไปนานแล้ว ส่วนช่วงเวลาที่บอกว่าไลฟ์สดตอน 10.00 น. ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งสังเกตจากคลิปได้ว่า ขณะที่ไลฟ์สดบรรยากาศมืดแล้ว
ในส่วนของ นายศร นักร้องชื่อดัง สามีของติ้ง เผยว่า วันนี้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับ นายอัจฉริยะ เนื่องจากได้ดูคลิปที่ นายอัจฉริยะ ได้ให้สัมภาษณ์ มีคำหนึ่งที่ตนรู้สึกไม่พอใจ คือคำที่เรียกตนว่า “ไอ้” นั้นล้ำเส้นเกินไป รวมถึงกล่าวหาว่า ตนมีภรรยาน้อย จึงรู้สึกไม่เป็นธรรม และอยากจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
โดยอยากถามกลับว่า ส่วนตัวรู้จักกันหรือไม่ เพราะหากเป็นเพื่อนตนก็คงจะไม่โกรธ แต่นี่ไม่ใช่เพื่อน ตนอยู่หน้าจอทีวีมากว่า 20 ปี สิ่งดีๆ ที่สร้างไว้มีมากมาย จึงอยากสอนให้ นายอัจฉริยะ รู้ว่าที่ทำให้ตนต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง นายอัจฉริยะ ก็ต้องรับผิดชอบ
ทั้งนี้ทนายความ กล่าวเสริมว่า วันนี้ได้ลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากผู้เสียหายเป็นบุคคลสาธารณะ ความเสียหายเยอะมาก ทั้งเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และทำให้โลกโซเชียลเข้าใจผิดอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า ตนเป็นผู้เข้าไปแจ้งความกับทาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยพบว่า "ฟ้า" เคยไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ก ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ตนสามารถไปกู้ไฟล์มาได้ พบว่าในไลฟ์สดได้เปิดภาพหน้าอกผู้หญิงจากโทรศัพท์ ถือว่าเป็นภาพลามกอนาจาร
โดยตนได้มอบหลักฐานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนนำไปสู่การออกหมายจับ หากไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่คงไม่ดำเนินการ ขั้นตอนต่อไปคงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนไม่มีอำนาจที่จะไปก้าวล่วงได้ ส่วนเรื่องที่ น.ส.กนกพรรณ ระบุว่า เตรียมจะแจ้งความกลับตนในข้อหาแจ้งความเท็จ นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ไม่ได้สนใจเรื่องดังกล่าว
ส่วนกรณีที่ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน เลื่อนรับทราบข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่กองปราบในวันนี้ ตนรู้สึกแปลกใจ เนื่องจาก เจ้าตัวเดินทางไปร้องเรียนหลายหน่วยงานได้ แต่กลับไม่เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียก แต่ตนรู้สึกชื่นชม ครูปรีชา , นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ "เจ๊บ้าบิ่น" และน.ส.พัชริดา พรมตา หรือ "เจ๊พัช" ที่เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกตรงทุกครั้ง
หลังจากนี้ นายแผน จะถูกออกหมายจับหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่การส่งหมายเรียก นายแผน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ส่งไปยังบ้านที่ จ.กาญจนบุรี ทั้งที่ นายแผน อยู่กรุงเทพ เจ้าหน้าที่ได้ทำถูกแล้ว เพราะเป็นการส่งตามภูมิลำเนา
ส่วนกรณี ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย เดินสายแจ้งความตน นายอัจฉริยะ ระบุว่า ตนไม่ได้กังวลและอยากให้อีกฝ่ายพูดจริงทำจริง ส่วนที่มีการกล่าวว่าตนไม่ได้เป็นทนายความ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้อื่น และการที่สังคมมองว่า คดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน กลายเป็นเรื่องเป็นราวบานปลาย ตนมองว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้ลุกลามบานปลาย แต่เมื่อมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของตน ตนก็ต้องใช้กฏหมายจัดการ จากนี้จะมีคนถูกจับอีกหลายคน แต่ไม่ขอบอกว่ามีใครบ้าง