นอกจากจะเป็นแก้วตาดวงใจของทุกคนในบ้านแล้ว "น้องพอล" ยังเป็นขวัญใจเหล่าชาวโซเชียลที่ตามดูความน่ารักสดใสตั้งแต่เกิดจนตอนนี้อายุ 2 ขวบ 5 เดือนแล้ว ล่าสุด "พ่ออั๋น ภูวนาท" ได้พา น้องพอล และ ป้าเอ๋ พี่สาวสุดที่รักมาอัปเดตความน่ารักและพัฒนาการหลัง น้องพอล ได้เข้าโรงเรียน ซึ่งทั้ง แด๊ดดี๊อั๋น และ คุณป้าเอ๋ ถึงกับเอ่ยปากยอมรับในพัฒนาการของ น้องพอล เลยว่าเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมากๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "สุเทพ สีใส" ภูมิใจลูกสาวรักการเรียน พร้อมกับสารภาพเคยน้อยใจที่ลูกสาวไม่ค่อยคุยด้วย
- "พี่อ้อย-พี่ฉอด" กับประสบการณ์การเป็น "ศิราณีหัวใจ" ถึง 15 ปี
- "แม่ก้อย ทาริกา" ตำนานหญิงเล็กแห่งบ้านทรายทอง พร้อมเผยที่มาฉายา "ผู้จัดใจบุญ"
- "อ้อย กะท้อน" ดังระดับซุปเปอร์สตาร์แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัด ช้ำหนักถึงขั้นเลิกร้องเพลง!
- "นิ้ง โศภิดา" เปิดใจครั้งแรก! เผยความลับตอนประกวดที่ไม่เคยบอกใคร
- "จุ๊บจิ๊บ เชิญยิ้ม" อวดตะกรุดวัดดัง เชื่อช่วยให้รุ่งเรือง-รอดตายปาฏิหาริย์
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ช่วงนี้เข้าโรงเรียนแล้ว เห็นว่าตอนเช้าจะร้องไห้เป็นพิธี
อั๋น ภูวนาท : ผมคิดว่าเด็กคนอื่นๆ เป็นแบบนี้เหมือนกันนะ ลุ้นวันต่อวันว่าเช้านี้จะยังไง จะร้องไหม แต่จริงๆ เขาไม่เคยเกลียดโรงเรียนเลย แต่เขาอยากให้เราเข้าไปด้วยเท่านั้นเอง ต่อให้เขาร้องหนักแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าพอครูเดินมา จะโผไปหาครู แล้วจะหยุดร้องเลย หันมาหาเราแล้วก็บ๊าย บาย
อั๋น ภูวนาท : ที่ผ่านมีคนส่งข้อความมาเยอะมาก ทำไมให้น้องพอลไปโรงเรียนเร็ว แต่ผมอยากจะบอกว่าเราเห็นการเปลี่ยนแปลงจากการที่น้องพอลไปโรงเรียนเยอะมาก ครูจะบอกอะไรเรามาเยอะ มีอะไรตรงไหนที่น่ากังวลแล้วเราไม่เคยคิด เช่น น้องพอล กินข้าวเองไม่เป็น ซึ่งเราเองเราฟังยังตกใจว่าลูกเรากินข้าวเองไม่เป็นเหรอ ด้วยเหตุผลว่าเราอยากให้เขากินเยอะ เราเลยป้อน และน้องพอล ไม่เก็บของ เราก็จะไม่ทันสังเกตว่าเขาไม่เก็บ เพราะว่าผมแย่งเก็บของตลอด เป็นคนกลัวรก เราก็จะเก็บๆ เขาไม่มีโอกาสได้เก็บ เขาเลยไม่รู้ และน้องพอลใช้คนอื่นเก่ง เขาจะบอกว่าอยากเอาอันโน้น เก็บให้หน่อย
ป้าเอ๋ : อย่างเวลาเขาอยู่กับเรา เขาก็จะชี้ว่าจะเอาอันนั้น อันนี้ เราก็ไปหยิบมาให้เขา เป็นการที่เราซัพพอร์ตเขาตลอดเวลา
อั๋น ภูวนาท : อย่างขึ้นรถ เขาจะถอดรองเท้า เขาก็จะพูดขึ้นมาว่าถอดรองเท้า แต่เขาไม่ถอดเองนะ เขาพูดเพื่อให้คนอื่นถอดให้ เหมือนเขาสั่งทุกอย่าง
ถาม แล้วเมื่อไปโรงเรียน คุณครูเขาปรับน้องพอล แล้วคุณพ่อก็ต้องปรับไปด้วยไหม
อั๋น ภูวนาท : อย่างตอนนี้ เวลาเขาพูดขึ้นมาว่าจะถอดรองเท้า เราก็จะบอกเขาว่าน้องพอล ก็ถอดสิครับ เขาก็พยายามที่จะถอดรองเท้าเอง
ป้าเอ๋ : เราอยู่กับเขาจนชิน จนเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำสิ่งไหนคือปัญหา แต่การที่น้องพอลไปโรงเรียน พอครูมาพูดว่าการที่เขาเขวี้ยงของ แล้วเรามาเก็บ เขาจะรู้สึกว่าเขวี้ยงแล้วเขาไม่ผิด เพราะคนอื่นมาตามเก็บ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าจะมีวิธียังไงให้เขาเก็บของ เพราะพอน้องไปโรงเรียนเร็ว จะทำให้เรามองเห็นปัญหาที่เราไม่เห็น เพราะเราเองอยู่กับเขาทุกวัน มันเป็นพฤติกรรมที่ชิน น้องเองก็ชิน เลยกลายเป็นแบบนั้น
ถาม ตอนนี้เห็นว่าน้องพอลมีนิสัยอย่างหนึ่งเหมือนคุณพ่อ ยืนชมตัวเองหน้ากระจก
อั๋น ภูวนาท : ไม่จริง!!!
ป้าเอ๋ : ไม่ชมตัวเองหน้ากระจก ก็ยืนคุยกับตัวเอง ครูเขาเล่าให้ฟังว่าน้องพอล เขาชอบไปยืนหน้ากระจกแล้วบอกว่าตัวเองหล่อ (หัวเราะ)
อั๋น ภูวนาท : ต้องขอบอกก่อนว่าการที่เขาชมตัวเอง เพราะว่าเราเอาเสื้อผ้า เอาหมวก เอาอะไรมาให้เขาเล่น แล้วบอกว่าน้องพอล วิ่งไปดูกระจกสิ พอเขาวิ่งไปดู เราก็ถามเขาว่าหล่อไหม เขาก็จะมอง แล้วบอกว่าหล่อ เพราะมันเจอคำถามนี้ไง เขาเลยจำคำตอบแบบนี้ ตอนนี้ก็มีเลือกเสื้อผ้าเองแล้วบ้าง แต่ส่วนใหญ่เขาจะบอกว่าเขาไม่ใส่อะไร
ป้าเอ๋ : ถามว่าเหมือนอั๋นไหม คิดว่าเหมือนนะ แต่อั๋นเขาไม่เคยบอกว่าหล่อ แต่จะแสดงออกทางสีหน้าว่าโอเค!!! ผ่าน
ถาม เพราะมีหลานชายน่ารักแบบนี้ เลยทำให้ติดหลานมาก ต้องตื่นหกโมงเช้าทุกวันเพื่อมาเล่นกับน้องพอล
ป้าเอ๋ : ติดมากค่ะ เป็นอย่างเดียวที่เรายอมทำ ต้องตื่นมาเล่นกับเขา ตอนหกโมง เจ็ดโมง เขามาเคาะเรียกที่หน้าห้อง ถ้าเป็นคนอื่นเราก็จะหงุดหงิดนิดนึง ทำไมมาปลุกตอนเช้า แต่สำหรับหลาน ง่วงยังไง เราก็ต้องเล่นกับเขา เพราะเรารักเขามาก น้องพอลทำให้เราเปลี่ยนไปมากๆ ตั้งแต่มีน้องพอล เราไม่เคยนอนตื่นสายเลย
ถาม นอกจากน้องพอลเป็นจุดศูนย์กลางของบ้านนี้แล้ว ยังสร้างการทะเลาะเบาะแว้งให้ พี่อั๋น กับ พี่เอ๋ เรื่องการเลือกชุดให้ น้องพอล
อั๋น ภูวนาท : อย่าเรียกว่าทะเลาะเลย ด้วยธรรมชาติของแต่ละคน เราจะมีความชอบที่แตกต่างกัน ซึ่งพี่ได้เรียนรู้สิ่งนี้ เพราะเราอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ความสวย ความดูดีของแต่ละคน มันจะไม่เหมือนกัน พี่เอ๋เป็นผู้หญิงที่คิขุมาก
ป้าเอ๋ : อย่าเรียกว่าเราชอบความคิขุเลย เราคิดว่าเด็กในวัยนี้ควรที่จะใส่แบบสีสัน แต่อั๋นเขาชอบสีที่คุมโทน จนเรารู้สึกว่าน้องพอล เขาแต่งตัวเกินวัยไปมาก
อั๋น ภูวนาท : เหมือนเราอยู่ใกล้ใคร เราก็จะแต่งตัวแบบเขาอย่าง เมื่อก่อนเราแต่งตัวเปรี้ยวกว่านี้ แต่พอเราอยู่กับจ๋า เขาแต่งตัวแบบนี้ไง แต่พอมีลูก สิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราชอบก็ไหลไปหาลูก เมื่อก่อนตอนที่ น้องพอล คลอดมาตอนแรกๆ เรายังเลือกสีเลยว่าต้องเป็นสีนี้ นั้นเท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้ไปจำกัดอะไรขนาดนั้นนะ อะไรที่มันลงตัวในแบบของมันเราก็ปล่อยไป เพราะเดี๋ยว น้องพอล จะไม่รู้จักสี แต่เราไม่ชองลายการ์ตูนของน้องพอล ก็เลยจะไม่มีลายการ์ตูน
ถาม น้องพอล จะเป็นเด็กที่มีแผนสูงมาก ขี้แกล้ง แล้วก็จะมีประโยคเด็ดที่จะต่อรองกับครอบครัว
ป้าเอ๋ : เขาเป็นคนที่รู้ว่าถ้าจะขออันนี้ ต้องไปขอจากใคร ถ้าพ่อแม่ไม่ได้แล้ว เขาจะต้องขอใครต่อ และถ้าเขาขอทุกคนแล้วไม่ได้ คนสุดท้ายของเขาคือคุณย่า ซึ่งขอคุณย่าคือได้แน่นอน เพราะคุณย่าประกาศไว้ว่าพวกเธอจะยังไงก็ช่าง ฉันไม่สนใจนะ แต่ถ้าน้องพอล มาขอเขา เขาให้ทุกอย่าง
ถาม คุณหญิงย่าให้ทุกอย่างรวมถึงมรดกหมื่นล้านด้วยหรือเปล่า
อั๋น ภูวนาท : เราไม่ได้รวยขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าได้ ในขณะที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ฉันก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก (หัวเราะ)
ถาม แล้วใครในบ้านที่ น้องพอล ฟังมากที่สุด
ป้าเอ๋ : เขาฟังเป็นเรื่องๆ มากกว่า ต้องเป็นใครห้าม ต้องฟังใคร เพราะทุกเรื่อง น้องพอล บังคับยากมาก เขาจะมีความคิดของเขา เราก็ต้องอธิบาย อย่าคิดว่าเด็กวัยนี้แค่นี้เขาไม่ฟังนะคะ เขาเก็บข้อมูลในหัว อยู่ที่ว่าเขาจะทำหรือไม่ทำ
อั๋น ภูวนาท : เราอธิบายให้เขาฟังมากเหมือนกันและไม่ฝืนเขา ต้องให้เวลาเขา ให้เขาอยากทำเอง เพราะทุกอย่างในโลก ถ้าเรายิ่งไปสั่งเขา จะทำตรงข้าม เพราะฉะนั้นต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ไป
ถาม พี่อั๋นคิดว่าตอนนี้ตัวเองเปลี่ยนไปไหม
อั๋น ภูวนาท : เราเคยดูหนังโฆษณาว่าเด็กเลียนแบบเรา เราไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ เช่น อยู่ที่โรงเรียน ครูจะบอกว่าวันนี้น้องพอล เก็บของแล้วนะ เพราะหลังๆ เราไม่เก็บ เราบอกเขาว่าน้องพอลต้องเก็บนะ แต่มีครั้งหนึ่งครูบอกว่าน้องพอลเก็บของแล้วนะ แต่ใช้เท้าเก็บ (หัวเราะ) เพราะบางครั้งเรารีบๆ เราก็ใช้เท้าเก็บ ขี้เกียจก้ม เราคิดว่าเขาไม่เห็น แต่จริงๆ แล้วเขาเห็น เขาดูเราหมดทุกอย่าง
ป้าเอ๋ : เปลี่ยนการใช้ชีวิตเหมือนกัน อย่างที่อั๋นบอก เราต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เขา การพูดจา ท่าทาง ทุกอย่าง อยากจะบอกว่า น้องพอลคือสิ่งมหัศจรรย์ของที่บ้านเลย เราอยู่ในทุกๆ ช่วงเวลาชีวิตของอั๋นกับจ๋า รักๆ เลิกๆ เราก็คิดว่าเราคงไม่มีหลาน แต่อยู่ๆวันหนึ่งมีน้องพอลขึ้นมา วันที่รู้ว่าจ๋าท้องคือแทบจะกรี๊ดเลย
อั๋น ภูวนาท : ทุกคนได้รู้พร้อมกัน เราส่งคลิปหัวใจเต้นของน้องพอลเข้าไปในไลน์กลุ่มครอบครัว และพิมบอกว่านี่คือครั้งแรกที่เราได้ยินเสียงหัวใจของน้องพอลเต้น ส่วนอีกคนเราก็พยายามอยู่เนอะ แต่เขายังไม่มา แต่ที่พี่เอ๋พูดว่าอยู่ดีๆ เธอก็มีลูกเนอะ เพราะเขารู้มาตลอดว่าเราไม่ชอบเด็ก รำคาญ
ป้าเอ๋ : ไม่ใช่แค่อั๋น ตัวเราก็เหมือนกัน ขึ้นเครื่องบินเจอเด็ก เราก็จะบ่นในใจว่าตายแล้ว แต่ตอนนี้เราเจอเด็กคือเอ็นดู เข้าใจเขา บางทีอยากจะเข้าไปช่วยเขาเลยด้วยซ้ำไป เขาทำให้เราเปลี่ยนไปมากจริงๆ
อั๋น ภูวนาท : ไม่ได้เกลียดเด็กนะ แต่เราแค่ว่าเขาคอนโทรลไม่ได้ ซึ่งในตอนนี้เหมือนกัน น้องพอลนอกจากเติมเต็มให้ครอบครัวเราสมบูรณแล้วยังทำให้เราใจกว้าง ใจเย็น ก็เลยแฮปปี้ไปหมดเลย
อั๋น ภูวนาท : ยังไงฝากรายการอั๋น จ๋า เดอะเรียลลิตี้ รายการนี้เริ่มตั้งแต่ที่เราเดินเข้าห้องคลอดน้องพอล คลอดก่อนกำหนดสองอาทิตย์ได้ ซึ่งรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัท เช้นจ์ 2561 จนมาถึงวันนี้ก็ 4 ซีซั่นแล้ว เห็นตั้งแต่น้องพอลคลอด จนวันนี้น้องพอล โต พูดได้ขนาดนี้ ผมรู้สึกว่าเขาโตขึ้นมาพร้อมกับสายตาของทุกคนที่รักและเอ็นดูเขา อยากฝากทุกคนด้วยนะครับ หวังว่าจะเป็นรายการหนี่งซึ่งเป็นประโยชน์ แล้วผมเจอกับคุณพ่อ คุณแม่ เขาบอกว่าเขาติดตามดูแล้วเหมือนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน เพราะสิ่งที่ผมเจอ หรือสิ่งที่ลูกเป็น มันจะเกิดขึ้นตามวันและวัย เราได้ประโยนช์ไปพร้อมๆ กัน จากที่เราได้ดูอั๋น จ๋า เดอะเรียลลิตี้ นอกจากความสนุกแล้วเรายังแฝงไปด้วยว่าคุณหมอพูดอะไร คุณครูสอนอะไร ของที่ต้องใช้ในแต่ละวัย อะไรที่จำเป็น เราก็เอามาบอกกล่าวเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่ดูในรายการเรา ก็เป็นอีกหนึ่งเรียลลิตี้จริงๆ ไม่มีสคริปต์ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามพวกเรานะครับ