จากกรณีโลกโซเชียลมีเดียกล่าวถึง "แก๊งบิ๊กไบก์ ทริปน้ำไม่อาบ" ที่นิยมออกทริปหน้าหนาว ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ขี่รถเร็วจนชาวบ้านเดือดร้อน ล่าสุด ชนจักรยานยนต์ของนางหนู ภูลายยาว อายุ 71 ปี เสียชีวิตคาที่ ขณะที่กำลังจะกลับรถเพื่อเดินทางกลับบ้าน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 8 พ.ย. 63 ตำรวจ สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกัน บนถนนทางหลวงหมายเลข 21 สระบุรี - หล่มสัก บริเวณจุดกลับรถ หมู่ 6 บ้านหนองยาว ต.หนองแจง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 40 ปี มีบาดแผลถลอกตามร่างกาย และใบหน้า ขับรถจักรยานยนต์ บิ้กไบก์ ยี่ห้อ kawasaki สีเขียว ทะเบียน 1ขย 641 กทม.
วันที่ 12 พ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังงานศพของนางหนู ผู้เสียชีวิต ตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดโคกยาว ต.หนองแวง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ก่อนพิธีเผาศพมีครอบครัวของผู้ตายได้นำอาหารมาเรียกผู้ตายให้ทานข้าวที่บริเวณหลังเมรุ ทางครอบครัวก็ต่างพากันแสดงความเสียใจ ร้องไห้เป็นระยะ
นายบุญหลาย ภูลายยาว สามีของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุภรรยาได้บอกกับตนว่าเขาจะไปซื้ออาหารที่ตลาดนัด ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร กระทั่งขากลับภรรยาตนได้ถูกรถบิกไบก์ชนเสียชีวิต หลังจากเกิดเหตุ ตนก็รีบออกไปดูเหตุการณ์ที่จุดเกิดเหตุ ภรรยาของตนได้เสียชีวิตแล้ว สภาพนอนคว่ำหน้ากลางถนน อาการแน่นิ่ง ตนเรียกภรรยา ภรรยาก็ไม่ตอบ
ตั้งแต่ภรรยาตนเสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนก็มีอาการหลง ๆ ลืม ๆ คิดว่าภรรยายังไม่เสียชีวิต และยังอยู่กับตนเสมอ เพราะตนทำใจไม่ได้ วันแรกที่ทราบข่าว ตนเสียใจถึงขั้นไม่ยอมกินข้าว ตนติดใจคนก่อเหตุที่ขับรถชนภรรยาตน และตนก็อยากให้เขามาขอโทษ
สำหรับภรรยาตนเป็นผู้หญิงที่นิสัยดี เอาอกเอาใจตนเก่ง ตนคิดถึงภรรยามาก วันนี้ก่อนพิธีเผาศพ ตนก็ได้เรียกภรรยากินข้าวที่หลังเมรุ ถ้าย้อนกลับไปได้ ตนจะขอให้เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เป็นตนที่เสียชีวิตแทนภรรยา เพราะตนสงสารภรรยา ส่วนตัวรู้สึกโกรธแค้นผู้ก่อเหตุ แต่จะให้ตนไปฆ่าเขา ตนก็ทำไม่ได้ อยากฝากถึงคนก่อเหตุ ให้เขาขับขี่ด้วยความเร็วลดลงกว่านี้ รวมถึงคนอื่น ๆ ที่ขับขี่ถนนเส้นนี้ ให้ขับขี่ระมัดระวัง และดูชาวบ้านด้วย ปกติตนจะกินข้าวกับภรรยา แต่ตอนนี้ตนก็ไม่ได้กินข้าวกับภรรยาแล้ว คิดถึงภรรยามาก
นางประกาย ภูลายยาว ลูกสาวคนที่ 2 ของผู้เสียชีวิต ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 15 ต.หนองแวง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ แม่ของตนขับรถมอเตอร์ไซค์ไปซื้อกับข้าวที่ตลาดนัด ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ตอนกลับบ้าน บริเวณจุดกลับรถ หมู่ 6 บ้านหนองยาว ถูกรถบิ๊กไบก์ชนจนร่างกระเด็นออกจากรถไปประมาณ 2 เมตร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนคนก่อเหตุ เป็นผู้ชายได้รับบาดเจ็บมีรอยช้ำตามร่างกาย และเบ้าตาถลอก
ส่วนคนก่อเหตุกลับจากไปเที่ยวที่ภูทับเบิก และตอนที่เกิดเหตุ กลุ่มนี้เขามาด้วยกันมีรถจักรยานยนต์ประมาณ 10 คัน เหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้ ตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับแม่ของตนเอง เนื่องจากแม่ของตนเป็นคนที่ขับรถด้วยความระมัดระวังมาตลอด ส่วนกลุ่มคนก่อเหตุ ตนก็ได้ข้อมูลมาว่าเขาขับมาด้วยความเร็ว ขณะที่พ่อของตนตั้งแต่เกิดเหตุก็ทานข้าวไม่ค่อยลง และหลง ๆ ลืม ๆ คิดว่าแม่ไม่เสียชีวิต พ่อจะถามหาแม่ตลอด
ด้านครอบครัวและญาติของผู้ก่อเหตุ เดินทางมาร่วมงานศพ พ่อของผู้ก่อเหตุ กล่าวสั้น ๆ ว่า วันนี้ตนและญาติได้เป็นตัวแทนลูกชายมาร่วมแสดงความเสียใจ ซึ่งลูกชายยังมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตาทั้ง 2 ข้าง จึงไม่ได้มาร่วมงานศพด้วยตัวเอง แต่ลูกชายก็ฝากตนมาบอกว่าเขาเสียใจ ถ้าเขามาได้ก็จะบวชหน้าไฟให้กับผู้เสียชีวิต
เบื้องต้น ตนเองนำเงินสด 20,000 บาท มาช่วยเหลืองานศพ และหลังจากเสร็จงานศพ อาจจะมีการพูดคุยถึงรายละเอียดการเยียวยากับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้ง
ด้านนายสัมฤทธิ์ ริมเถื่อน หรือ เสือดุสิต แก๊งจักรยานยนต์ ทริปน้ำไม่อาบ เปิดเผยว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่กลุ่มตนเอง เพราะถ้าดูจากรถจักรยานยนต์ก็ไม่ใช่แล้ว กลุ่มตนใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาวาซากิ ทูทรี 150 ซีซี มีอายุประมาณ 20 กว่าปี จึงยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งโซเชียลและสังคมเหมารวมกันไปเอง แก้ตัวอะไรก็เท่านั้น ที่ผ่านมาก็โจมตีกัน เพราะไม่อยากให้จัดกิจกรรมแบบนี้ และไม่รู้เช่นกันว่าบิ๊กไบก์ที่เกิดเหตุวันนั้นเป็นของกลุ่มใคร
ตนขอยืนยันว่าการเดินทางของกลุ่มตนเอง เริ่มเดินทางวันที่ 7 พ.ย. 63 เวลา 04.00 และเดินทางกลับวันที่ 8 พ.ย. 63 ซึ่งแบ่งการเดินทางเป็น 3 กลุ่ม คือเช้า กลางวัน โดยเฉพาะบางคนกลับช่วงเย็นก็มี ซึ่งช่วงนี้ส่วนใหญ่นำรถยกขึ้นรถสไลด์ เพราะอันตราย "ญาติผู้เสียชีวิตไม่ได้โทษกลุ่มตน และมีการเครียร์กันเรียบร้อย เรื่องน่าจะจบ ดังนั้น ขอสังคมหยุดโจมตีกลุ่มตน พวกตนไม่ใช่ขยะ"
พร้อมฝากว่าในความเป็นจริงทุกสังคมมีทั้งคนดี คนดื้อปะปนกันไป เหตุการณ์ที่ผ่านมากลุ่มตนเองจะมีผิดกันบ้าง แต่สังคมก็เหมารวม เพราะปลาเน่าตัวเดียว ก็เน่าทั้งกลุ่ม ซึ่งต้องรับสภาพให้ได้ จึงไม่ค่อยอยากตอบโต้ใคร เลือกที่จะเงียบ เพราะคนไทยลืมง่าย "ที่ผ่านมากลุ่มทำความดีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่มีใครพูดถึง แต่เมื่อมีเหตุไม่ดี กลับมีแต่คนโจมตี"