ทำเอาหลายคนที่เห็นถึงกับต้องเอ่ยปากทักผู้กำกับคนเก่ง "พชร์ อานนท์" ถึงรูปร่างที่เปลี่ยนไป จากคนที่รูปร่างเจ้าเนื้อ ผอมเพรียวลงในเวลาไม่กี่เดือน จนทำเอาหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าป่วยหรือเปล่า งานนี้เจ้าตัวมาเคลียร์ชัดในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ว่าที่ผอมลงเพราะตัวเองตั้งใจลดน้ำหนัก พร้อมยังเผยวิธีเปลี่ยนตัวเองจนผอมลง และเล่าถึงเปิดบริษัทใหม่ของตัวเองหลังตกงานฟ้าผ่า ประกาศตั้งใจกลับมาเป็นนักปั้นมือทองอีกครั้ง แถมยังนำธุรกิจใหม่ร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพระดับพรีเมียม อย่าง "NDO Sushi เอ็นโดะ ซูชิ" มาให้ชิมกันถึงที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "อั๋น ภูวนาท" อัปเดตพัฒนาการ "เบบี้พอล" หลังเข้าโรงเรียน แฮปปี้ลูกชายมีพัฒนาการที่ดี
- "สุเทพ สีใส" ภูมิใจลูกสาวรักการเรียน พร้อมกับสารภาพเคยน้อยใจที่ลูกสาวไม่ค่อยคุยด้วย
- "พี่อ้อย-พี่ฉอด" กับประสบการณ์การเป็น "ศิราณีหัวใจ" ถึง 15 ปี
- "แม่ก้อย ทาริกา" ตำนานหญิงเล็กแห่งบ้านทรายทอง พร้อมเผยที่มาฉายา "ผู้จัดใจบุญ"
- "อ้อย กะท้อน" ดังระดับซุปเปอร์สตาร์แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัด ช้ำหนักถึงขั้นเลิกร้องเพลง!
- "นิ้ง โศภิดา" เปิดใจครั้งแรก! เผยความลับตอนประกวดที่ไม่เคยบอกใคร
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ช่วงนี้ดูแลตัวเองมาก ดูแข็งแรงขึ้น เพรียวขึ้น
พชร์ อานนท์ : จริงๆ เราเป็นคนกินเยอะมาก แต่ล่าสุดเราไปชั่งน้ำหนักแล้วเห็นน้ำหนักของตัวเองคือรับไม่ได้ ขึ้นไปถึง 82 เลย เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว อ้วนเกินไป เลยหักดิบเลย เริ่มแรกคือไปหาหมอก่อน หมอก็ให้ยามากิน กินไปตอนเช้า เที่ยงคืนคือตัวสั่น หัวใจเต้น ต้องไปโรงพยาบาลเลยเพราะเราแพ้ยา พอหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้กินอีก เราเลยตั้งต้นใหม่ คิดเอง อดเอง ควบคุมอาหารเอง งดแป้งเลย ข้าว ขนมปังเป็นศูนย์เลย อะไรที่เป็นข้าว เป็นของทอด เราก็ไม่กิน เน้นเป็นพวกผัก เช่น ผัดผัก ต่างๆ พอเราทำจนชิน กระเพาะเราก็จะเล็กลง ก็จะไม่หิว เราจะไม่กินน้ำหวาน น้ำอัดลม แล้วขนมสาคู กล้วยบวชชี คือสิ่งที่เราชอบมากเรา ไม่กินไม่แตะเลย หลังจากนั้นคือ พอผ่านไป 1 เดือน เรารู้สึกได้เลยว่ากางเกงเก่าๆ ใส่ได้เหมือนเดิม พอสองเดือน ยิ่งผอมลงไปอีก จาก 82 ตอนนี้เหลือ 68 ได้ครับ แต่ใจจริงอยากจะให้เหลือ 62 กิโล เพราะตอนเราอายุ 30 เราน้ำหนักประมาณนั้น ที่เราลดมาได้ขนาดนี้ ทุกอย่างอยู่ที่เรา อยู่ที่ใจเรา เราเคยคุยกับหมอ ซึ่งหมอบอกว่าการลดน้ำหนักคือ 80 เปอร์เซ็นต์อยู่ที่อาหาร ถ้าเรากินเข้าไปเท่าไหร่ เราก็ต้องออกมาให้ได้เท่ากับที่เรากิน แต่เราทำไม่ได้ไง เพราะการที่เราออกกำลังกายคือได้แค่ 20 เปอร์เซ็นต์เอง แล้วเราก็จำเลยว่ายิ่งกิน เรายิ่งอ้วน โรคก็ยิ่งมา แต่เราโชคดีมากที่ก่อนหน้านี้เราไม่ได้เป็นโรคอะไรเลย
ถาม ถ้าเราอยากกินขนมที่เป็นพวกน้ำตาลบ้าง จะทำยังไง
พชร์ อานนท์ : เราก็กินพอให้หายอยากกินแค่นั้น อยากเราจะกินทับทิมกรอบ เราก็กินแค่ ทับทิมกรอบ 2 เม็ด แล้วเรากินน้ำอีกนิดหน่อย เราต้องสร้างวินัยให้กับตัวเอง
ถาม เราผอมลงเร็วขนาดนี้ กลัวโดนคำถามไหม ว่าป่วยหรือเปล่า เป็นอะไรหรือเปล่า
พชร์ อานนท์ : ไม่ๆ เลย เรารู้อยู่แก่ใจ เราว่าเราลดได้ เพราะมีคนมาทักแล้วว่าป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่เป็นๆ เราตั้งใจลดจริงๆ
พชร์ อานนท์ : ซึ่งวิธีการกินของเราอีกอย่างคือเรากินถึงแค่หกโมงเย็น แล้วมากินอีกครั้ง เที่ยงวัน เที่ยงวันถึงหกโมงเย็น กินอะไรก็ได้ยกเว้นแป้ง เราไม่ได้ออกกำลังกายอะไรเลยนะ เราแค่ไปเดิน เดินช้อปปิ้งอะไรแค่นั้น
ถาม ตอนนี้ได้ร่างใหม่แล้ว กำลังจะเตรียมทำหน้าใหม่ด้วย
พชร์ อานนท์ : ไปเล่นแอพหนึ่ง แล้วเรารู้สึกว่าโครงหน้าของเรามันดีอยู่แล้ว เราเลยประกาศในไอจีของเราเลยว่าหมอคนไหน โรงพยาบาลไหนที่เกาหลี ทำหน้าเราเป็นแบบนี้ได้ เราจะไปทำ ถ้าเขาเปิดประเทศ ก็มีคนทักมา ติดต่อมานะ ว่าทำได้ไปเติมไขมันทำให้หน้าเราแน่น กรีดตาแล้วจะทำให้ตามันชัดขึ้น ถ้าเขาทำให้เราได้รูปหน้าแบบที่เราใช้แอพทำ เราก็ยอมเสียเงินนะ
ถาม มาคุยถึงเรื่องข่าวบ้าง จริงหรือเปล่าที่มีข่าวว่าพี่พชร์ โดนไล่ออกจากงาน
พชร์ อานนท์ : ไม่ได้ไล่ แต่เราถูกหักหลัง เรารู้สึกว่าเราทำงานเต็มที่ แต่เอาเราไปเม้าท์ลับหลัง ทำเราเสียหาย หักหลังเรา ไม่เป็นไร เราก็ไปเปิดบริษัทใหม่เลย เรารู้สึกว่าเรามีความสามารถในการทำงาน ถ้าไม่เอาเรา ไม่เป็นไร เพราะเราไม่ใช่คนเลียเก่ง เราทำงานเต็มที่ แล้วที่ออกมาคือผลงาน หนังที่เราทำออกมาคือได้เงินทุกเรื่อง เราเป็นผู้กำกับทำเงินอันดับ 3 ของประเทศนะ ท่านมุ้ย อันดับ 1 แล้วก็ GTH อันดับ 2 แล้วเราอันดับ 3
ถาม เพราะเราเป็นผู้กำกับที่ดื้อมากจริงไหม
พชร์ อานนท์ : ไม่ดื้อ แต่เพราะเราว่าเรารู้เยอะกว่าเขา แล้วเขาไม่ชอบคนเก่งกว่าเขา เขาเลยกำจัดเราออก เราก็ไม่สนใจอยู่แล้วเพราะเราก็ออกมาเปิดบริษัทใหม่ แล้วกำลังจะทำหนังใหม่อยู่แล้ว บริษัทนี้ไปกู้ธนาคารมา แล้วก็ร่วมกับคุณแม่ท่านหนึ่งที่สนิทกัน ซึ่งชื่อบริษัทของเรา คือ บริษัท โพสิทีฟติ้งกิ้ง ชื่อภาษาไทยคือสมองกูใครที่อยากเป็นนายทุนมาทำหนังก็สามารถติดต่อเข้ามาได้เลย หนังตลก หนังตลาด เพราะเราทำหนังแมสอยู่แล้ว เราต้องการได้เงิน ใครสนใจที่จะมาเป็นนายทุนมาคุยกันครับ ปีนี้อาจจะติดโควิด แต่ปีหน้าทุกอย่างอาจจะดีขึ้น ลองมาคุยกันนะครับ
ถาม มาเปิดบริษัทใหม่ของตัวเอง มีแพลนจะเปิดหนังใหม่แล้วด้วย
พชร์ อานนท์ : วางไว้เปิด 4 เรื่องเลย แต่จะเปิดก่อน 2 เรื่อง คืออีแต๋วพระโขนง(ใครฆ่าหมากู) แต่ไม่ได้เกี่ยวกับแม่นาคพระโขนงนะ แต่มันเป็นเรื่องที่อยู่ในยุคพระโขนง ส่วนอีกเรื่องทำมาจากการ์ตูนเล่มละบาทในสมัยก่อน แล้วอีกเรื่องคือหนังสายวาย บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง เรื่องนี้อยากให้เป็นแนวโรแมนติกแบบแมนๆ
ถาม ซึ่งนอกจากเป็นผู้กำกับที่ฝีมือดีแล้ว ยังเป็นนักปั้นมือทองอีกด้วย และก็พูดว่าจะไม่ปั้นใครอีกแล้ว
พชร์ อานนท์ : ก็พูดว่าจะไม่ปั้นใคร แต่สุดท้ายเราทำหนัง แล้วเราก็มีเด็กอยู่ในสังกัด เราก็ให้ค่าตัวทุกคนแพงอยู่แล้ว เราก็อยากช่วยทุกคน แต่พอช่วยก็โดนหักหลังแทงข้างหลัง เราก็โกรธนะ แต่สุดท้ายการให้อภัยคือการแก้แค้นที่ดีที่สุด ตอนนี้ก็ปั้นเด็กใหม่ขึ้นมาอีก เพื่อให้เล่นหนังที่เรากำลังจะทำปีหน้ามาแน่นอน