"นิโคล เทริโอ" ควงลูกชายสุดที่รัก "ทิกเกอร์" เผยเรื่องราวชีวิตรักทั้งน้ำตา กับความรักครั้งหนึ่งที่ทำให้ตัวเองอกหักจนปางตาย เพราะเห็นคาตาว่าคนที่ตัวเองคบ จูงมืออยู่กับผู้หญิงคนอื่น ขนาดมีคนเตือนเรื่องความเจ้าชู้มาเพียบ แต่ก็ไม่ฟัง จนได้เห็นด้วยตาตัวเอง ยอมรับเป็นรักแท้ที่เจ็บที่สุดในชีวิต พร้อมเปิดใจว่าชีวิตแต่งงานคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หวานใจ...?? หลายคนสงสัยหลัง "นิโคล เทริโอ" โพสต์แคปชั่นหวาน "love you"
- "นิโคล" ปรึกษา "ทิกเกอร์" ทุกเรื่อง ไม่เว้นเรื่องรัก!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ตั้งแต่เดินเข้ามาในวงการ ก็โดนปรามาสไว้ว่าเทปสองสามแสนก็บุญมากแล้ว
นิโคล : ใช่ค่ะ ตอนนั้นก็คือว่าไม่ดีนะคะ 2-3 แสน ณ ตอนนั้น เราก็ประชุมกันว่าอุปสรรคของเราคืออะไร เราเตี้ย อายุก็เยอะแล้ว ตอนนั้น 24 ถือว่าเยอะ และเป็นลูกครึ่งที่ไม่สวย กี้ก็ยิ้มสู้ เราไม่ได้รู้สึกแย่นะคะ เราเป็นคนทำงานหนึ่งคนที่รู้สึกว่าจะต้องแก้ปัญหายังไง ซึ่งในมุมทำงานของคนสมัยนั้นคือต้องกะเทาะข้อดีข้อเสีย เพื่อจะหาอะไรก็ตามที่ห่อหุ้มตัวเรา เพื่อให้นอกเหนือจากการฟังเพลงแล้วเราจะได้มีภาพลักษณ์ที่ถูกใจด้วยออกมา และก็ได้ออกมาเป็นตัวเราจริงๆ
ถาม และเมื่อหาตัวตนของเราเจอ ทำเพลงชุดแรกออกมาเท่าไหร่
นิโคล : 1 ล้านตลับ ภูมิใจ ไม่ได้ภูมิใจแค่เรา ทั้งทีมประสบความสำเร็จ ทุกคนมีรอยยิ้มแฮปปี้ พี่นิ่มเคยเตือนว่าระวังนะ ชีวิตมันจะเปลี่ยน และก็เปลี่ยนจริงๆ ค่ะ ตอนแรกไม่เข้าใจว่าพี่นิ่มหมายถึงอะไร เผอิญวันที่เขาปล่อยเพลงกะโปโล เขาปล่อยคืนวันสงกรานต์แล้วกี้อยู่พัทยา เล่นสาดน้ำอยู่แล้วมีคนเรียกเราว่านิโคล เพราะกี้ผมสั้น ลุคเราตอนนั้นคือเหมือนใน MV เลย พอเขาเห็น เขาก็ฉีดน้ำใส่ มีแป้งมาตบใส่เรา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่ได้มีใครมาเล่นแบบนี้เลย แล้วเราก็ตกใจว่าอะไร แล้วก็มีคนวิ่งตาม เรียกชื่อเรา ตอนแรกก็ดีใจ แต่ก็เริ่มกลัว เพราะเราวิ่งหนี เขาก็วิ่งตาม หลังจากนั้นคือเดินถนนไม่ได้อีกเลย
ถาม เพราะความดังเลยไปโดนใจเสี่ย มาขอแต่งงานเลยตอนนั้น
นิโคล : มีค่ะ ตอนนั้นไม่มีผู้ชายมาจีบกี้เลย เพราะคิดว่าเราเป็นทอม ผมสั้น มีจดหมายมาเป็นกระสอบเลยตอนนั้น แล้วมีอันหนึ่งหนาๆ หน่อย เป็นเสี่ยนี่แหละ เขียนจดหมายยาวมาก ขอแต่งงาน พร้อมที่จะให้บ้าน ที่ดิน เขาจะอยู่จังหวัดหนึ่ง พอเวลากี้ไป เขาจะมาให้รู้เลยว่าเขาคือคนที่ขอเราแต่งงาน ซื้อผลไม้ให้แม่ เขาเข้าทางแม่ไงคะ แม่ก็เริ่มเคลิ้ม กี้ก็แบบต้องเตือนแม่ ไม่ๆๆ นะคนนี้ ไม่
ถาม แต่เมื่อได้แต่งงานจริงๆ ชีวิตแต่งงานเป็นไปอย่างที่คิดหรือเปล่า หลังจากแต่งงานแล้ว
นิโคล : เป็นค่ะ จนกี้ (พูดด้วยเสียงน้ำตาคลอ) มีทิกเกอร์ การแต่งงานก็เป็นอย่างที่คิด เพราะทิกเกอร์เป็นส่วนที่มาเติมเต็มหัวใจเรา นี่เป็นน้ำตาของความสุข เป็นอะไรที่ดีที่สุด หลายๆ คนมักถามเราว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะเปลี่ยนอะไรไหม เราไม่เคยมีความคิดนั้นแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเราได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมาก็คือลูก
ถาม ในวันที่ตัดสินใจว่าจะเดินออกมาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนเดียว คิดหนักไหม
นิโคล : คิดหนักค่ะ แต่เราก็พยายามเท่าที่ทำได้แล้ว มันเป็นการตัดสินใจที่ถูก เพราะว่าตอนนั้นเรามีสติ นึกถึงลูกเป็นหลัก ความรู้สึกของลูกสำคัญที่สุด เอาความรู้สึกทั้งกี้และพ่อของเขาออกไปก่อนเลย ยิ่งตอนนี้ ยิ่งรู้ว่าเราตัดสินใจถูกต้อง เพราะเราไม่ได้เป็นคู่ชีวิตของพี่แมว จริงๆ แหนวกับพี่แมวคือเนื้อคู่กัน ซึ่งเรากับพี่แมว ตอนนี้เป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน ยังเป็นครอบครัวที่ดีต่อกัน
ถาม ซึ่งบางคนอาจจะรู้สึกแปลกที่ทำไมกลับมาสมัครสมานสามัคคีกันได้ เราใช้เวลานานไหมกว่าจะมาเป็นเพื่อนกัน
นิโคล : กี้ว่ามันเป็นเรื่องปกตินะคะ เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตลอด แม้แต่ต้องมาเซ็นใบหย่า ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าทุกชีวิตมันไม่เหมือนกัน อันนี้เป็นทางออกดีที่สุดแล้วตอนนั้น แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่แมวไปเจอเนื้อคู่ของเขาจริงๆ กี้ไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่แมว แต่ฟ้าลิขิตมาให้เราใช้ชีวิตร่วมกันระยะหนึ่ง แล้วก็ได้มีลูกคือทิกเกอร์ นี่คือฟ้าลิขิตมาและขอบคุณมากๆ จำได้เลยวันที่แจ๊สเปอร์เกิด กี้กับทิกเกอร์ ตื่นเต้นมาก แล้วทิกเกอร์ได้อุ้มน้อง เราไม่เคยมีอะไรที่บางคนจะคิดว่ามันมีอะไรหรือเปล่า ไม่มีเลย แหนว เป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก ดูแลพี่แมวดีมาก และรักทิกเกอร์ เพราะฉะนั้นเป็นอะไรที่เราโชคดีที่มีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นและรักกัน
ถาม การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมีความกลัวอะไรบ้าง
นิโคล : กลัวที่จะเลี้ยงลูกยังไง เพราะว่ามันน่ากลัว เราเป็นศิลปิน ไม่รับงาน หายไปเลย 5 ปี คนลืมกี้ไปแล้ว เราต้องมาเริ่มใหม่ กลับกลายเป็นว่าลูกเป็นแรงบันดาลใจ เป็นพลังที่ขับเคลื่อนเรา ถ้าไม่มีลูกคงจะแย่ เราไม่ได้รักตัวเองเท่ากับรักลูก การที่เราไม่ได้รักตัวเอง เราอาจจะปล่อยตัวเองให้เละเทะ ช่างมันเถอะ
ถาม ย้อนกลับไปถามการเข้ามาเป็นศิลปินดังของนิโคล ความรักที่เข้ามาตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง
นิโคล : ก็ดี เป็นช่วงชีวิตที่ลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟเลยค่ะ ที่ถูกใจคนคนนี้ เพราะเขาน่ารัก เขาพูดคุยสนุกสนาน พูดภาษาอังกฤษและก็เฮฮา เวลาเราเครียดเรื่องงาน เวลาเจอเขา เราหายเครียด เพราะเขาเป็นคนอารมณ์ดี ไม่มีมุมเศร้าเลย ใครอยู่ด้วยก็จะเคลิบเคลิ้ม
ถาม มีคนเตือนไหมว่าเขาเจ้าชู้
นิโคล : ตอนก่อนเป็นแฟนไม่ได้เตือน แต่พอเป็นแฟนแล้ว เตือนเพียบเลย แต่เราก็ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเตือนกัน เพราะเราเชื่อ เราจะทุกข์ กี้เป็นคนไม่เช็คโทรศัพท์ กี้จะถามเขาคำเดียวว่าเรื่องนี้จริงหรือเปล่า ถ้าเขาพูดว่าจริงหรือไม่จริง เราจะไม่สืบ ไม่เชื่อคนอื่นเลย จนกระทั่งเราเห็นด้วยตาตัวเอง ตอนนั้นเขาไม่ค่อยมาหาเรา เพราะงานเขาเยอะ งานเราก็เยอะ โอเคเชื่อๆ แล้วมีอยู่วันนึง เพื่อนรักพาไปกินซูชิที่ทองหล่อ ร้านก็จะเป็นกระจกใหญ่ๆ แล้วนั่งหันหน้าออก เราจะเห็นนอกร้าน ตอนนั้นเรากำลังจะทานแล้วเห็นเขาจับมือกับผู้หญิงคนหนึ่งผ่านหน้ามาเลย แต่เขาไม่เห็นเรา เพราะเรานั่งอยู่ในร้าน จำได้ติดตาเลย เขาใส่เสื้อสีแดง แต่เราก็ไม่ได้ลุยตามไปเคลียร์นะคะ ตอนนั้นช็อก ตัวชา หน้าชาแล้ว กี้ก็โทรหาเขา เขาก็ไม่ยอมรับบอกไม่ใช่ ไม่จริง เราก็บอกเขาว่าเลิกเถอะ ปล่อยเราไปเถอะ เราจะได้เดินต่อได้
ถาม ทำให้อกหักจนถึงขั้นปางตาย ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น
นิโคล : ตอนนั้นจะไปนั่งก็นั่งไม่ได้ จะนอนก็นอนไม่ได้ จะยืนก็ไม่รู้ว่าจะหันไปทางไหน แบบนี้จริงๆ นะคะ แบบบ้านหมุน มันเคว้งคว้างมาก แล้วมีอยู่วันหนึ่งตอนนั้นช่วงคอนเสิร์ต Seven เผอิญพี่ใหม่ เจริญปุระ พักอยู่ชั้นบนที่คอนโดเดียวกันกับเรา ตอนนั้นเราร้องไห้อยู่นะ พอได้ยินเสียงเคาะประตูทุกครั้งคิดว่าคือเขา เรามีความหวัง ถ้าเป็นเขาจะดีใจที่สุด
ถาม ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ซื่อสัตย์ แต่เพราะความรักเลยทำให้เรามีความหวัง ในการเคาะประตูทุกครั้ง คิดว่าเขาจะกลับมา
นิโคล : พี่ฉอดพูดคำนี้ กี้จะร้องไห้ ใช่ค่ะ คิดว่าอาจจะเป็นเขา แต่มันกลายเป็นพี่ใหม่ เจริญปุระ พอเราเห็นพี่ใหม่ เราก็มีพลังขึ้นเพราะพี่ใหม่ เขาเป็นคนมีพลังเยอะ เพราะตอนนั้นกี้ทานข้าวไม่ได้เลย ผอมเป็นก้าง ผอมมาก แล้วพี่ใหม่เขาก็ทำซุป ทำอะไรมาให้เรา จัดใส่ถาดมาวางด้วยดอกไม้สวยเลยแล้วถือมา นิโคลๆ พี่ใหม่ทำซุปมาให้ทาน ทานเยอะๆ นะ ซึ่งดีมาก ทำให้เราหายเศร้า แต่พี่ใหม่ อยู่ๆ ร้องไห้เองแบบจริงจังเลย แล้วบอกเราว่า "เธอฉันอยากได้ห้องแบบนี้" เขาทำบ้านนานมาก แล้วไม่ได้แบบนี้ เรากลายเป็นปลอบพี่ใหม่ จริงๆ แล้วมันดี เพราะทำให้เราลืมความทุกข์ของเรา เพราะได้พี่ใหม่มาดูแล
ถาม เมื่อเราเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้วทำไมต้องรอ
นิโคล : เพราะคิดว่าอย่างน้อยสิ่งที่เขาควรจะทำ ก็ต้องกล้าหน่อย เราไม่ได้จะรั้งไว้ แต่ขอให้เกียรติเรานิดในการบอกเลิก ดีกว่าปล่อยให้เราอยู่ไปอย่างนั้น กี้สอนลูกเลยนะคะ เวลาเราจะคบกับใคร เราคบได้ เราขอเป็นแฟนได้ แต่ถ้าสมมติว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาแล้วเราไปต่อกับเขาไม่ได้ มันคือชีวิต มันไม่ได้มีอะไรมาการันตีว่าเราจะอยู่ด้วยได้ไปตลอดชีวิต แต่ว่าวิธีการเลิกคือสิ่งสำคัญ ถ้าเลิกกันดีๆ พูดกันดีๆ ถ้าเริ่มได้ก็จบได้ แต่ถ้าจบมันต้องรู้มันต้องบอกกัน
ถาม ในความรักครั้งนั้นคือแอบหวังไหม
นิโคล : แอบหวังค่ะ มีช่วงหนึ่งที่ต้องบอกตรงๆ ว่าตอนนั้นกี้อยู่ไม่ได้แล้ว กี้ซึมเศร้าแล้ว ถ้าวันนั้นเขาเดินกลับมา เราก็โอเคที่จะไปต่อนะคะ แต่ถ้าเป็นวันนี้ ไม่แล้วค่ะ วันนี้แข็งแรง วันนี้รู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้เราเจ็บ เราควรเจ็บแล้วจำ แต่ว่าตอนนั้นเรายังไม่พร้อมจริงๆ เรายังโตไม่พอ เรายังอยู่ในช่วงชีวิตที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง มีชื่อเสียง พออะไรมันดี ก็ดี๊ดี อะไรที่แย่ ก็แย่เลย ความรักก็เยอะ มันเป็นอะไรที่เรายังไม่โตพอ แล้วเรื่องมันเยอะไปที่เราจะรับมันได้ ตอนนั้นเราสูญเสียหลายอย่างออกอัลบั้มชุดที่ 3 ก็คือแป้ก แล้วโปรโมทเตอร์เสียชีวิต แฟนทิ้งอีก แล้วโดนผู้จัดการโกงเงินไปอีกไม่รู้กี่ล้าน ซึ่งทุกคนเป็นคนที่เรารักที่เราไว้ใจมาก กี้ จัดแจงตัวเองไม่เป็นเลยตอนนั้น
ถาม แล้วสุดท้ายเรากลับมาเป็นคนเดิมได้ยังไง
นิโคล : กี้เหนื่อยแล้ว กี้หิว คือมันไม่ได้ทานข้าว มันเหนื่อยเอง เหนื่อยกับการเจ็บ เบื่อตัวเอง รำคาญตัวเองด้วยค่ะ แล้วมีอยู่วันหนึ่งเราลุกขึ้นเอง เจ็บที่สุด หยุดได้เองค่ะ เขาก็ไม่ได้มารับรู้สิ่งที่เราเป็น ชีวิตเราต้องดำเนินต่อ เรายังมีพ่อแม่ที่เราต้องดู แล้วเรามาเป็นแบบนี้ เพื่ออะไร นี่เราเสียเวลามามากแล้ว เป็นเดือนๆ เลยงานก็ไม่ดี หน้าก็แย่ โทรม เหมือนเราตัดเลยตอนนั้น แล้วเจอเขาทุกวันนี้ ไม่มีความโกรธเลย เรานึกย้อนกลับไปวันนั้น ทำไมเราต้องเป็นอะไรขนาดนั้นด้วย
ถาม มีช่วงเศร้าๆ แต่ก็ได้ลูกชายเข้ามาเป็นกำลังใจ ปลอบใจอยู่เสมอ
ทิกเกอร์ : เราจะใช้ระยะห่างนิดหน่อย จะได้มีเวลานิดนึง แล้วอีกสักพักเราค่อยเข้าไปคุยกัน เรื่องปัญหา
นิโคล : ส่วนมากทิกเกอร์เขาจะเป็นคนที่เริ่มคุยก่อน เขาจะเข้ามาในห้อง เพราะเราจะแอบอยู่คนเดียวในห้อง เราก็เล่าความจริงให้เขาฟังทั้งหมด เขาอยากรู้เราก็ต้องบอก แต่พยายามไม่ร้องไห้ให้เขาเห็น แต่ก็ร้องอยู่ดี เพราะเรามีอยู่แค่นี้ แค่ลูกถามว่ายูโอเคมั้ย แค่นี้ก็น้ำตาไหลแล้ว
ถาม แล้วทิกเกอร์เข้าใจความสัมพันธ์ของคุณพ่อคุณแม่ยังไงบ้าง
ทิกเกอร์ : ก็ดีครับ ได้มีครอบครัวใหญ่ๆ
นิโคล : เราจะเจอกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่หลักๆ เลยคือ ปีใหม่ คริสต์มาส หรือถ้าพี่แมวเหงา ก็พาแจ๊สเปอร์มา ซึ่งทิกเกอร์กับแจ๊สเปอร์ เป็นคนละแบบ แจ๊สเปอร์จะพูดเก่งมาก ทิกเกอร์เขาน่าจะเป็น ceo ได้เลย เขาเป็นคนตั้งชื่อให้กับน้อง
ทิกเกอร์ : เพราะผมเห็นว่าพ่อชอบแจ๊สครับ ตอนแรกคุณพ่อจะตั้งชื่อน้องว่าแคสเปอร์ แต่เราคิดถึงคำว่าแจ๊ส เลยบอกว่าใส่คำนี้เข้าไปผสมด้วยดีกว่า เลยได้ชื่อออกมาคือแจ๊สเปอร์ครับ
ถาม แล้วทิกเกอร์อยากทำงานในวงการด้านไหนไหม
ทิกเกอร์ : อยากร้องเพลงครับ ตอนแรกไม่ค่อยชอบกีตาร์ แต่สุดท้ายคือก็ชอบ (หัวเราะ) แล้วก็ชอบตีกลอง
นิโคล : ทิกเกอร์เขาเป็นคนทำอะไรจริงจังมาก เรายังไม่ได้ครึ่งของเขาเลย แต่เราก็คอยสนับสนุนสิ่งที่เขาชอบ ที่เขาต้องใช้ ส่วนเรื่องการแสดง แอบฝากพี่ฉอดเลยค่ะ
ทิกเกอร์ : ส่วนมากหลักๆ ตอนนี้ คืออยากโฟกัสดนตรีกับเพลงครับ การแสดงแอคติ้งก็สนใจบ้าง
ถาม แล้วเคยได้ยินเพลงที่คุณแม่ร้องไหม ชอบเพลงไหนของคุณแม่เป็นพิเศษ
ทิกเกอร์ : เปรี้ยวใจครับ
นิโคล : ตอนนั้นที่เราขึ้นคอนเสิร์ต ทิกเกอร์จะเตรียมดอกไม้ ตุ๊กตา เอามาให้ข้างเวที เราจะแฮปปี้ที่สุด เหมือนเขาโตมากับคอนเสิร์ต โตมากับเสียงเพลง น่าจะซึมซับพอสมควร ตอนนี้เขาเซ็นสัญญาเป็นศิลปินแล้ว อยู่ในระหว่างทาง อีกไม่นานน่าจะได้เห็นผลงานของเขาค่ะ ตอนนี้อยู่ในช่วงฝึกหัด พอเราเห็นเขาฝึกขนาดนี้ เรายืนมองดูเขาฝึก ก็ร้องไห้ ร้องไห้เก่งมาก เพราะเราปลื้มในตัวเขา แล้ววันที่เขาเซ็นสัญญา เป็นสัญญาที่เราเซ็นเมื่อตอนที่เราเข้ามาเป็นศิลปิน ซึ่งตอนนี้เป็นชื่อเขา อชิระ เทริโอ แต่เขายังไม่ 18 ก็ต้องมี นิโคล เทริโอ อยู่ข้างล่าง เราไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นสัญญาอันนั้นที่เราเซ็นเมื่อ 20 ที่แล้ว ดีใจมากที่เขาได้เข้ามาอยู่ในบ้านของเรา ที่ทำให้เรามีทุกอย่างในวันนี้ กี้รู้เลยว่าเขาจะปลอดภัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม กี้หมดห่วงจริงๆ