จากกรณีอุบัติเหตุรถท่องเที่ยว 2 ชั้น ชนเกาะกลาง บริเวณถนนทางหลวง 304 จังหวัดนครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และบาดเจ็บ 32 ราย เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา กระทั่งล่าสุดผู้รอดชีวิต ซึ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลเริ่มมีอาการที่ดีขึ้น โดยผู้รอดชีวิตรายหนึ่ง เล่านาทีระทึกและเชื่อว่าเหตุครั้งนี้ คนขับตั้งใจที่จะฆ่าลูกทัวร์ เพราะระหว่างที่รถเริ่มเสียหลัก ได้เห็นคนขับทิ้งพวงมาลัยรถแล้ววิ่งหนี ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น (อ่าน:
เหยื่อรถทัวร์มรณะ แฉ! เชื่อคนขับตั้งใจ “ฆ่า” ยกทัวร์ เห็นกับตาทิ้งพวงมาลัย กระโดดหนีออกประตูฉุกเฉิน)
วันนี้ (25 มี.ค.) ทีมข่าวได้เดินทางมาที่วัดดงกระยอมอุดมคุณ ตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยภายในพิธีมีการนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาตั้งบนแท่นกลางลานวัด จำนวน 4 แท่น โดยแต่ละแท่นถูกประดับด้วยซุ้มดอกไม้ ม่านสีขาว และถูกล้อมรอบด้วยผ้าสีดำ ใกล้กันก็จะมีพวงหรีดของหน่วยงานราชการ และจากหมู่บ้านต่างๆ ที่ส่งมาแสดงความเสียใจ ซึ่งมีประชาชนมาร่วมงานมากกว่า 1,000 คน
นางคำปอน สุทธิชุม อายุ 43 ปี ผู้รอดชีวิต ภรรยาของ นายโฆษิต เพชรสังหาร ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ เป็นรายเดียวที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น และขออนุญาตแพทย์ออกมาจากโรงพยาบาล เพื่อมาอำลาสามีเป็นครั้งสุดท้าย เปิดเผยว่า ปกติแล้วตนและครอบครัวจะเดินทางไปทำบุญต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใช้บริการรถทัวร์ โดยวันแรกที่เดินทางก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งวันกลับ (21 มี.ค.) ตนนั่งอุ้มหลานบริเวณชั้น 1 ด้านหลังของคนขับ ส่วนสามี และพี่สาว ขึ้นไปร้องเพลงกันอยู่บริเวณชั้น 2
ขณะเดียวกัน ตนรู้สึกว่ารถทัวร์ขับเร็วผิดปกติ จึงประกาศผ่านไมค์โครโฟนว่า "ใจเย็นๆ ขับช้าๆ ชลอความเร็วหน่อย เดี๋ยวก็แวะทานข้าวแล้ว" หลังจากนั้นไม่นานรถก็สั่นสะเทือนอย่างแรง จนต้องหาที่จับเพื่อยึดไว้ ขณะนั้นทุกคนในรถเงียบสงบ ซึ่งตนคิดในใจว่า จะต้องเกิดเหตุร้ายแรงแน่นอน ตนเองทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดหลานแนบอก อย่างแนบแน่น และนั่งลงกับพื้น หลังจากนั้นรถกระแทกอย่างแรง และไม่รู้ว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วมาก พอรู้สึกตัวมีเหล็กขนาดใหญ่ทับขาตนอยู่ ตนพยายามร้องขอความช่วยเหลือ และพยายามฟังเสียงของคนอื่น แต่แทบไม่มีเสียงอะไรเลย เพราะขณะนั้นเงียบ และมืดมาก ตนสังเกตด้านซ้ายมือพบร่างผู้เสียชีวิต ถูกเหล็กขนาดใหญ่ทับบริเวณศรีษะนอนแน่นิ่ง จากนั้นไม่นานมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ และนำตนมาส่งโรงพยาบาล
นางคำปอน กล่าวว่า พอวันถัดมา (22 มี.ค.) ตนก็พยายามสอบถามจากลูกสาวว่า สามีอยู่ที่ไหนไปตามหาให้เจอ ซึ่งลูกสาวพยายามตรวจสอบ ตอนนั้นยอมรับว่า ใจไม่ดีแล้ว จนกระทั่งลูกสาว กลับมาบอกว่า สามีเสียชีวิตแล้ว และบอกว่า สภาพศพสมบูรณ์ ใบหน้ายิ้มแย้ม หัวแตกนิดหน่อย และคาดว่าตับแตก พอตนได้ยินอย่างนั้นรู้สึกช็อกไปชั่วขณะ ทำอะไรไม่ถูก เพราะสามีถือเป็นเสาหลักของบ้านที่คอยดูแลทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามวันนี้จะมาร่ำลาครั้งสุดท้าย อยากจะบอกกับผู้เสียชีวิตว่า คิดถึงทุกคน และเสียใจ ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับตระกูลของตน เพราะที่ผ่านมาทุกคนขยันทำมาหากิน ไม่น่าจะต้องมาสูญเสียอะไรร้ายแรงแบบนี้ ซึ่งหลังจากตนต้องกลับโรงพยาบาลเพื่อไปรักษาตัว
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ใครไม่โดนกับตัวไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไร ตนคงไม่ไปเที่ยวไหนอีก และคงจะไม่ใช้บริการรถทัวร์อีกแล้ว เพราะรถทัวร์ 2 ชั้น ค่อนข้างสูง เวลาเข้าโค้ง รถจะเอียงน่ากลัว
ขณะเดียวกันทีมข่าวเดินทางมาที่วัดป่าพุทธมงคล ตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจะมีการฌาปนกิจร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 9 ราย เช่นกัน โดยภายในงานเริ่มมีประชาชนเข้าเดินทางเข้ามาร่วมแสดงความเสียใจ และเจ้าหน้าที่เข้ามาอำนวยความสะดวกประชาชนในพื้นที่ประมาณ 200 นาย
บรรยากาศทั่วไปภายในงานมีประชาชนต่อแถวเพื่อเคารพร่างผู้เสียชีวิต บางรายเข้าไปไหว้ที่หน้าโลงศพ พร้อมกับถ่ายภาพเก็บไว้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับชาวบ้านที่มาร่วมงานฌาปณกิจ ซึ่งชาวบ้านรายนี้กล่าวเพียงว่า ตั้งแต่ทราบข่าวก็หาเวลามาเคารพศพผู้เสียชีวิต ไม่คิดว่าทุกคนจะต้องมารับชะตากรรมขนาดนี้
จนกระทั่งเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่นำดอกไม้จันทน์ แจกประชาชนที่มาร่วมงาน เพื่อนำไปวางหน้าโลงศพผู้เสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพไปวางบนกองฟอนเพื่อฌาปนกิจ โดยเรียงจาก 1.นางสมพิษ สุทธิชุม อายุ 52 ปี, 2.นายประยุง วังพิกุล อายุ 50 ปี, 3.นางบุญชิต สุทธิชุม อายุ 55 ปี, 4.นางทองสอน ปรีวิลัย อายุ 49 ปี, 5.นางนภาวรรณ จำปาศรี อายุ 55 ปี, 6.ด.ญ.พรรณวดี ถิตย์ถนอม อายุ 13 ปี, 7.ด.ช.ธนาธิน พลไกรษร อายุ 6 ปี, 8.ด.ญ.ธนัญชนก ขันธบูรณ์ อายุ 9 ปี และ 9.ด.ญ.ปวีณ์สุดา วังพิกุล อายุ 14 ปี
เมื่อเจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล เริ่มจุดไฟประชุมเพลิง ก็มีเสียงประทัดดังจำนวน 10 ครั้ง และมีการโปรยทาน ขณะเดียวกันเจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล ได้พรหมน้ำมนต์ เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับประชาชนที่มาร่วมงานด้วย และในเวลา 19.00 น. จะมีการสวดพุทธมนต์เพื่อบำเพ็ญกุศลให้ผู้เสียชีวิต
ส่วนวันที่ 28 มี.ค. ญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมด จะมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อร่วมกันเก็บเถ้ากระดูกไปบำเพ็ญกุศล การฌาปนกิจศพแบบกองฟอนนี้ ถือเป็นพิธีแบบโบราณ คือประกอบพิธีในพื้นที่โล่งกว้าง หลังจะเสร็จสิ้นพิธีการแล้ว จะต้องรอ 3 วัน เพื่อให้ความร้อนของกองฟืนหมดไปก่อนจึงจะเก็บเถ้ากระดูก
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทาง บ้านของ
นายกฤษณะ จุฑาชื่น หรือ
เก อายุ 44 ปี คนขับรถทัวร์ที่เกิดเหตุ ในตำบลอุ่มเม่า อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยได้พบกับ
นางสาวบุผา นาไชทอง อายุ 36 ปี น้องสาวของภรรยา นายกฤษณะ ได้เปิดเผยว่า กรณีที่มีลูกทัวร์ออกมาบอกว่า คนขับกระโดดหนีออกประตูฉุกเฉินขณะเกิดเหตุนั้น ตนก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร แต่เท่าที่ทราบคือช่วงเวลานั้นมีคนขับ 2 คน คือ มีนายกฤษณะ และ นายยนต์ แต่ขณะเกิดเหตุตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนขับ และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบนายยนต์ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีคนออกมาบอกตนว่าคนขับคือคนผิวดำ โดยมี นายกฤษณะ นั่งอยู่ข้างๆ
ก่อนเกิดเหตุ นายกฤษณะ มาบอกตนว่าจะไป จ.จันทบุรี แต่ยังไม่ได้พักผ่อน เหนื่อยล้าไปหมด จนกระทั่งตนทราบว่าเกิดอุบัติเหตุ จึงโทรศัพท์ไปหานายกฤษณะ แต่ไม่มีคนรับสาย และไม่สามารถติดต่อได้
นางสาวบุผา กล่าวว่า ในใจลึกๆ ตนสงสัยว่าคนชื่อ "ยนต์" เป็นคนขับรถทัวร์ในวันเกิดเหตุ และฝากบอกนายยนต์ว่า ถ้าไม่ได้ขับรถทัวร์ในวันนั้น เหตุใดจึงไม่ออกมาสู้หน้า
ส่วนเรื่องติดสารเสพติดนั้น ตนก็ไม่ทราบรายละเอียด เพราะในทุกๆ วันจะแยกย้ายกันไปทำงาน และกลับบ้านมาช่วงเย็น เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกับนายกฤษณะ ปกติแล้วนายกฤษณะจะเป็นคนนิสัยดี ไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร เพราะนายกฤษณะ มีลูกต้องดูแลถึง 3 คน และเท่าที่ทราบ นายกฤษณะ เป็นญาติกับเจ้าของบริษัทกันเองทัวร์ แน่นอน เพราะพ่อแม่ของนายกฤษณะ เป็นลูกหลานของบริษัทนี้ ตนคิดว่าเจ้าของบริษัททัวร์แห่งนี้ กำลังปกปิดอะไรบางอย่าง