ไฟปริศนาไหม้กุฏิพระวัดดังบุรีรัมย์ส่ออลเวง คาดปมศึกแย่งตำแหน่งเจ้าอาวาส

19 พ.ย. 63

เหตุไฟไหม้กุฎิรักษาการเจ้าอาวาสวัดดังใน จ.บุรีรัมย์ วอดทั้งหลัง ตร.พบหลักฐานไม้ไผ่ เศษผ้าจีวรชุ่มน้ำมัน คล้ายการวางเพลิง ขณะที่กรรมการวัดเผยวัดนี้มีเรื่องขัดแย้งกันมานาน จนเป็นคดีถึงศาล ขณะที่ชาวบ้านก็แตกออกเป็นฝักฝ่าย

ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เข้าตรวจสอบเหตุไฟไหม้กุฏิพระภายในวัดศาลาลอย ม.3 ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังจากชาวบ้านให้ข้อมูลเชื่อว่าน่าจะเกิดจากการวางเพลิง โดยกุฏิดังกล่าวเป็นของพระสุรินทร์ ครุฑรัมย์ อายุ 56 ปี รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดศาลาลอย ได้รับความเสียหายทั้งหลังเนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17พ.ย. 63 ที่ผ่านมา ทรัพย์สินภายในกุฏิมีผ้าไหม 5 ผืน จีวร 20 ผืน พัดลม 3 ตัว และทีวีขนาด 20 นิ้ว 1 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 40,000 บาท ได้รับความเสียหายทั้งหมดเหลือแค่โครงสร้างของกุฏิ

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณรอบกุฏิ พบไม้ไผ่ยาวประมาณ 8 เมตร และมีเศษผ้าจีวรที่ปลายของไม้ไผ่ชุ่มน้ำมันตกอยู่ข้าง ๆ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

เบื้องต้นสอบถามพระสุรินทร์ กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุไปสวดมนต์ที่ศาลาหลังใหญ่ก่อนจะมีพระลูกวัดมาแจ้งว่าไฟไหม้กุฏิ จึงให้พระลูกวัดช่วยดับไฟที่กำลังลุกไหม้ จนสามารถระงับเพลิงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงแต่อย่างใด พอรุ่งเช้าจึงแจ้งให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรอย่างแน่นอน เพราะจากหลักฐานที่พบชัดเจนว่าคล้ายกับการวางเพลิง ประกอบกับกุฏิหลังนี้ติดระบบตัดไฟอย่างดี

1605772160125

พระสุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่ปี 2560 หลังจากเจ้าอาวาสวัดถูกปลดออกจากตำแหน่ง แล้วตั้งอาตมาเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาส มักจะถูกข่มขู่ มีกลุ่มวัยรุ่นขับรถมาก่อกวนตลอด แต่ไม่เคยถือสา ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดถึงขั้นจุดไฟเผา

ด้านนายสรัส ไชยศรีรัมย์ อายุ 76 ปี กรรมวัดศาลาลอย กล่าวว่า ภายในวัดศาลาลอยมีคดีความกันถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งยังไม่จบคดีความ ระหว่างอดีตเจ้าอาวาสวัดที่ถูกเจ้าคณะจังหวัดปลดออก กับรักษาการแทนเจ้าอาวาสคนใหม่ รวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้าน ได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย เหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้เป็นการวางเพลิงชัดเจน ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากการขัดแจ้งกันของทั้งสองฝ่ายภายในวัดเดียวกัน เพราะมีหลักฐานที่ตกในที่เกิดเหตุ ประกอบกับที่ผ่านมาฝ่ายอดีตเจ้าอาวาสมักเคยสร้างเงื่อนไข และขัดขืนคำสังของพระผู้ใหญ่มาโดยตลอด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ แจ้งว่าไม่สามารถให้คำตอบใด ๆ ได้ เรื่องทั้งหมดเจ้าคณะตำบลสะแกซำเป็นคนดูแล ขณะที่เจ้าคณะตำบลสะแกซำยังไม่สามารถให้คำตอบได้เช่นเดียวกัน อ้างว่าเรื่องทั้งหมดอยู่ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่องราวจะจบอย่างไรขึ้นอยู่กับศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วัดศาลาลอย ในอดีตพระครูธรรมประภากร หรือ หลวงปู่เอก ปภากโร เกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดบุรีรัมย์เป็นเจ้าอาวาส และได้มรณภาพไปเมื่อปี 2556 ต่อมามีการแต่งตั้งหลวงพ่อปัญญา เข้ามาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน จนกระทั่งมีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสในการบริหารเงินหลายล้านบาท จนมีการเข้ามาตรวจสอบและเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีมติปลดหลวงพ่อปัญญา ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลสะแกซำ พร้อมกับแต่งตั้งให้พระสุรินทร์ที่ถูกเผากุฏิ เป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดศาลาลอย เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา พร้อมกับให้ขับพระปัญญา ออกจากพื้นที่ แต่พระปัญญาไม่ยอมออกจากวัด จนเกิดเรื่องราวมาโดยตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ