ชาวนาน้ำตาตก "ข้าวเปลือก" ราคาดิ่งเหลือ กก.ละ 6-7 บาท ขาดทุนยับเยิน ขายได้ไม่พอใช้หนี้ วอนรัฐบาลช่วยประกันราคา
วันที่ 20 พ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปี ของชาวนา ใน จ.กาฬสินธุ์ ที่เข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวและนำผลผลิตเมล็ดข้าวเปลือกไปขายตามลานรับซื้อใกล้บ้าน พบว่าต่างประสบปัญหาเดียวกันคือ ค่าแรงเก็บเกี่ยว ค่าขนส่ง สูงขึ้น ขณะที่ราคาขายข้าวเปลือกตกต่ำอย่างมากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวนาประสบปัญหาขาดทุน
นายปี วรรณศรี อายุ 68 ปี ชาวนาบ้านนาเชือก ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปีของตนและชาวนาปีนี้ แทนที่จะดีใจที่ได้ขายข้าว นำรายได้มาใช้หนี้ค่าปุ๋ยเคมี และเหลือใช้หนี้ ธ.ก.ส. และเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในครัวเรือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าขนมลูกหลานไปโรงเรียน แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดใจ น้ำตาตกใน เพราะนำข้าวไปขายแล้วเหมือนไม่ได้เงิน เนื่องจากแหล่งรับซื้อให้ราคาต่ำเพียง กิโลกรัมละ 6-7 บาท เท่านั้น ขณะปีที่ผ่านมาได้ถึง กก.ละประมาณ 10 บาท พอหักค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่าง ทั้งค่ารถไถ ค่ารถเกี่ยว ค่าขนส่งแล้ว ขาดทุนยับเยิน ทั้งนี้หากขายข้าวได้ในราคา กก.ละ 9-10 บาท เมื่อนำมาหักลบกลบหนี้กับต้นทุนแล้วก็พอจะมีกำไรบ้าง
นายปี กล่าวอีกว่า หากเทียบส่วนต่างระหว่างรายได้กับต้นทุนการผลิตต่อไร่แล้ว แตกต่างกันมาก โดยเฉลี่ยผลผลิตข้าวเปลือกได้ไร่ละประมาณ 300-400 กก.ขาย กก.ละ 6-7 บาท ได้ประมาณ 1,800-2,400 บาท หรือไม่เกิน 2,100-2,800 บาท ขณะที่รายจ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ 400 บาท ค่าปุ๋ย 600 บาท ค่ารถไถ 600 บาท ค่ารถเกี่ยว 800 บาท ค่าขนส่ง 500 บาท รวมประมาณ 2,900 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าสารกำจัดวัชพืช ค่าแรงและค่าสูบน้ำ สรุปคือขายข้าวขาดทุน ทุกวันนี้ชาวนาที่นำข้าวไปขายแล้ว ได้แต่พากันนั่งปรับทุกข์เพราะขายข้าวไม่ได้เงิน ส่วนคนที่ได้เงินคือเจ้าของรถเกี่ยวข้าว รถขนส่งข้าว และร้านขายปุ๋ยเคมี อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องรัฐบาลช่วยประกันราคาข้าวให้ชาวนาด้วย เพราะสิ่งที่ชาวนาได้รับจากการขายข้าวคือขาดทุน ไม่มีเงินใช้หนี้ จึงตกอยู่ในสภาพเจ็บปวดใจและบอบช้ำไปตามๆ กัน