ถูกยกให้เป็นแมวเก้าชีวิตของวงการบันเทิง หลังพระเอกดัง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" เจอมรสุมรุมเร้า จนเข้าใจสัจธรรมชีวิต มีขึ้นย่อมมีลง ล่าสุดได้มาอัปเดตชีวิตใหม่หลังผ่านมรสุมรุมเร้ามามามากมาย ในรายการ ต้มยำอมรินทร์ โดยเจ้าตัวเผยว่าตอนนี้กลับมาอยู่ไทย สานฝันตัวเองอีกครั้งในการสร้างวงดนตรี "The Circus" และได้ปล่อยเพลง โอ้วแม่สาวน้อย พร้อมทั้งย้อนอดีตในช่วงมรสุมชีวิต จากเป็นตัวประกอบกลายมาได้เป็นซุปตาร์มีรายได้นับไม่ถ้วน แต่กลับต้องเจอขาลง ไม่มีงาน 2 ปีเต็ม ลำบากถึงขั้นต้องไปเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน ร้องเพลงกลางคืน ยืนขายตั๋วฟุตบอลที่ต่างประเทศ แต่เพราะความไม่ย่อท้อต่อชะตาชีวิต ทำให้กลับมามีวันนี้ได้ พร้อมทั้งโอดเสียดายทิ้งโอกาสแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดไป เพราะรายได้ไม่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวในตอนนั้นได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "พี สะเดิด" ปล่อยเพลง "เขาเรียกผมว่าเอเรน" เอาใจแฟนคลับวัยรุ่น!
- 6 สาว BNK48 สู่การเติบโตเป็นกลุ่มดาวดวงใหม่ "LYRA" ฝึกหนักจนถึงขั้นเสียน้ำตา!!!
- "แหม่ม วิชุดา" รับคบแฟนมา 10 ปี แต่ไม่ขอแต่งงาน-มีทายาท พร้อมโชว์หน้าใหม่ไฉไลกว่าเดิม!
- "แม่ผ่องศรี วรนุช" จากเด็กรับใช้คณะละคร สู่นักร้องลูกทุ่งระดับตำนาน
- "จตุรงค์" เปิดใจไม่ไปอยู่บ้านใหม่ "ใบเฟิร์น" เพราะน้อยใจ
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ห่างหายจากวงการเพลงไปนานมาก 5 ปี แต่ดูโตขึ้น ดูนิ่งขึ้น เพราะว่าเราเจออะไรมาเยอะในช่วงชีวิตที่ผ่านมา
ฟิล์ม รัฐภูมิ : จริงๆ อาจจะเกี่ยวเพราะโตตามวัยด้วย ประสบการณ์ต่างๆ หนาแน่นขึ้นตามวัย
ถาม ช่วงที่มีข่าวเยอะๆ ตอนนั้น สูงสุดคืนสู่สามัญเลย ตอนนั้น ฟิล์ม เป็นหนึ่งในตัวท็อปเลยนะ รับมือยังไงบ้างในเหตุการณ์ครั้งนั้น
ฟิล์ม รัฐภูมิ : สำหรับผมไม่ได้ผ่านอะไรมากและยากเลย เพราะทางคุณพ่อ คุณแม่ ครอบครัว ผู้มีพระคุณ หรือว่าเฮียฮ้อ เขาก็สอนให้เราเป็นคนธรรมดาอยู่แล้ว ไม่เคยหลงระเริงอะไรเลย แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งเราไม่มีงานทำเลย กลับมาเป็นคนปกติ ไม่มีงานทำสองปี คิดถึงแฟนๆ เท่านั้นเอง เพราะเคยเจอทุกวัน ร้องเพลงทุกวัน เช้าละคร เย็นคอนเสิร์ต เป็นแบบนี้เกือบ 10 ปี แต่พอมาเป็นแบบนี้ เราคิดถึงเขามากกว่า แต่มันก็ทำให้เราได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ทำให้เราค้นพบอะไรบางอย่างว่าเราทำแบบนี้ก็ได้ ช่วงที่ผมหายไปตอนนั้นก็ไปอยู่ต่างประเทศส่วนใหญ่ ด้วยความที่ผมไปบวชมาแล้ว ไม่มีผม แล้วถูกพักงานด้วย จะไปแอบรับงานก็ไม่ดี เฮียฮ้อเลยบอกว่า ฟิล์ม ไปต่างประเทศไหม ไปเรียนไหม เราก็โอเค เพราะเป็นอีกหนึ่งความฝันของเราด้วย เราอยากไปอยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว เลยได้ไปอยู่ พอไปอยู่แล้ว ก็คำนวณว่าเราจะอยู่กันยังไง เพราะสองปีผมเอาแม่ไปด้วย ปกติที่ผ่านมาผมจะเป็นเสาหลักของครอบครัว แล้วสองปีไม่มีเงินที่เราหามาได้ เราต้องใช้เงินเก่า บวกกับเราต้องไปอยู่ เราเลยต้องจัดการเรื่องเงินให้ดี ตอนนั้นก็ไปสมัครเป็นคนล้างจานในร้านอาหารไทย หกเดือนแรกผมล้างจานอย่างเดียวเพราะว่ายังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง จำเมนูไม่ได้ แต่พอเราได้ใช้เวลาเรียนรู้ เราก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นพนักงานบริการ ตอนนั้นคนที่เห็นเราก็เริ่มตกใจ ร้านก็ขายดีมากขึ้น แฟนๆ คิดถึงเรา มาหาเรา แล้วก็ถ่ายรูป ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ามันเป็นแบบนี้ เงินมันหายากมากเลยนะ เมื่อก่อนตอนเป็นศิลปิน ไปยืนไม่นาน ก็ได้เป็นแสนๆ แล้ว เราก็รู้สึกว่าต้องทำธุรกิจต่อยอด เราต้องทำนั้นทำนี่ต่อยอดนะ แล้วถ้ามันเกิดวิกฤตแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ผมจะได้ไม่ต้องไปกลัวคนข้างหลังจะลำบาก เพราะผมดันวางแผนชีวิตที่ผิดไปตอนแรก ตอนที่เราเข้าวงการใหม่ๆ ให้ครอบครัวเราหยุดงานเดี๋ยวเลี้ยงเอง ทั้งชีวิตที่เราเกิดมา เราเห็นแต่น้ำตาของพวกเขา เพราะไม่มีเงิน ทำให้เรารู้สึกว่าเราเห็นพวกเขาลำบากมาทั้งชีวิตแล้ว พอเราทำงานแล้วมีเงิน เราเลยบอกให้ทุกคนหยุด ไม่ต้องทำอะไร แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเขาแก่ เขาเบื่อ เพราะไม่ได้ทำอะไร แต่พอเราเจอช่วงวิกฤตในชีวิต เราแทบประคองพวกเขาแทบไม่ไหว เมื่อผ่านตอนนั้นมาได้ ผมเลยเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนนี้ก็ให้เขาปลูกผัก หากิจกรรมทำกัน
ถาม ตอนนั้นเรามีความรู้สึกอึดอัดกับการที่เราต้องไปล้างจานหรือเสิร์ฟอาหารบ้างไหม
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ไม่รู้สึกเลยครับ ตอนที่อยู่บ้าน ผมเป็นคนล้างจานอยู่แล้ว แต่ผมจะรู้สึกอึดอัดกับคนที่มาดูถูกมากกว่า บางครั้งมีผู้ชายมากับผู้หญิง แล้วผู้หญิงมากรี๊ดเรา แล้วเราเสิร์ฟ เขาก็จะพูดจากับเราไม่ดี อย่างเวลาผมไปร้องเพลงกลางคืนตอนเสาร์ อาทิตย์ เพราะตอนนั้นเราต้องหารายได้ทุกช่องทางเท่าที่ทำได้ ตอนเช้าผมเรียนหนังสือ ตอนเย็นมาเสิร์ฟ ตอนกลางคืนไปร้องเพลง ก็ร้องเพลงไทยทั่วๆ ไป และบางทีผมก็ไปยืนขายตั๋วฟุตบอล เพราะร้านอาหารไทยที่ผมทำเขาอยู่ติดกับสนามฟุตบอล แล้วเขาก็ได้สปอนเซอร์ ได้บัตรฟรีมา เขาบอกว่าเขาดูจนเบื่อแล้ว ผมเลยขอบัตรเขามา แล้วเอาไปขายต่อ แล้วบางทีคนไทยเขาไม่เข้าใจไงครับว่าซุปตาร์ทำไมมายืนขายตั๋ว แต่เพราะความอยู่รอดของผม ตอนไปยืนขายก็มีคนดูถูกเรานะครับ ว่าทำไมมายืนขายแบบนี้
ถาม พอมีคนดูถูกที่เราไปยืนขายตั๋ว เรามีความลังเลไหมที่จะเลิกขาย
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ไม่มีความลังเล เพราะแม่ผมมีความสามารถทำคิ้ว ทำผม เขายังนั่งรถเมล์ไปทำคิ้วให้คนไทยบ้าง ไปอยู่กับแวดวงคนไทยบ้าง แล้วผมเห็นแม่ผมซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นเลย แต่ต้องนั่งรถเมล์ไป พอผมเห็นภาพแบบนั้น ผมเลยไม่รู้สึกเหนื่อยด้วยซ้ำในการใช้ชีวิตอยู่
ถาม แล้วเคยคิดไหมว่าเราจะเป็นแบบนี้ถึงเมื่อไหร่ เราจะได้กลับไปเป็น ฟิล์ม รัฐภูมิ ที่แค่ยกมือขึ้นคนก็กรี๊ดแล้วมั้ย
ฟิล์ม รัฐภูมิ : มันมีสิ่งหนึ่งถ้าเกิดว่าย้อนกลับไปได้ ผมจะกลับไปทำ และไม่เคยเล่าที่ไหนด้วย ผมไปแคส ติดหนังใหญ่ของฮอลลีวูด เรื่อง 47 โรนิน ตอนนั้นเขาหาคนหน้าจีน ญี่ปุ่น ไปเป็น 1 ใน 47 โรนินพอดี พี่สาวผมเป็นคนเห็นประกาศ เขาบอกให้ผมไปแคส พอไปแคส เขาก็ให้เราขี่ม้า ร้องไห้ เราทำได้ทุกอย่าง จนเขารู้สึกว่าทำไมเราเก่งแบบนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเราเป็นใคร แต่ในใจเราตอนนั้นไม่ได้หรอก เพราะภาษาเราก็ไม่ได้ พอเรากลับถึงบ้านก็มีอีเมลล์มาทันทีเลยว่า โอเคนะ แคสผ่าน แล้วมาเป็นแพลนเลยว่า 4 ปีนี้ ทำอะไรบ้าง เรียนการแสดง 2 ปี ยิงธนูฟันดาบ 2 ปี ถ่ายอีก 2 ปี แต่เขาจะมาตารางมาให้ ปีแรกได้กี่บาท ปีที่สองได้กี่บาท ปีสามได้กี่บาท และปีสุดท้ายได้กี่บาท ทุกปีที่เราเรียน ฝึก เราได้เงิน 4 ปี เป็นเงินสองล้านบาท ก็ตกเดือนละ 3-4 หมื่นบาท ใช้เวลาหนึ่งวัน 5-6 ชั่วโมง แต่มันก็ไม่ใช่ 3-4 หมื่นทุกเดือนนะครับ แต่มันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าผมมาวิเคราะห์แล้วก็โทรปรึกษาเฮีย ว่าเอาไงดี นี่คือฝันของผมเลยนะ ผมอยากคว้าสิ่งนี้ ปรึกษากันไปมา เลยตกลงว่าไม่รับ เพราะว่าเลี้ยงชีวิตผมไม่ได้ แล้วผมยังมีคนที่ผมยังต้องดูแลอยู่ แล้วพอผมกลับมาประเทศไทย มีงานทำ ผมมองย้อนกลับไป ผมก็อยากทำตรงนั้นอยู่ แต่โอกาสนั้นมันไม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว
ถาม ถึงจะห่างหายจากวงการบันเทิงไป แต่สิ่งหนึ่งที่ฟิล์ม รัฐภูมิ ไม่เปลี่ยนไปเลยคือความหล่อ แต่ไม่เคยได้ทำศัลยกรรมเพราะเป็นโรคกลัวเข็ม
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ก็ต้องบอกว่าไม่มีผ่าตัด ไม่มีอะไรเลย เพราะแม่ปั้นมาทรงนี้ ผมไม่ได้กลัวเข็มแต่ผมกลัวเจ็บ เพราะผมเคยไปโบท็อกซ์เมื่อนานมากๆ แล้ว ตอนนั้นผมฉีดแล้วยิ้มไม่ได้ แล้วเจ็บ ผมเลยรู้สึกว่าทำไมมันน่ากลัวแบบนี้ เลยไม่ทำ
ถาม ปักหมุดเลยไหมว่าชีวิตนี้จะไม่ยุ่งกับการทำศัลยกรรมเลย
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ไม่ขนาดนั้น ผมไม่ได้ต่อต้าน แต่เราไม่จำเป็นต้องทำ แล้วที่ผ่านมาผมเล่นแต่ละครตลก ไม่จำเป็นต้องหล่ออะไร แต่ละครเรื่องล่าสุดที่มาเล่นกับอมรินทร์ เรื่องตะวันตกดิน ผมก็ช็อคมาก เพราะผมเพิ่งออกมาเป็นอิสระ เพิ่งออกมาจากบ้านเรา เพิ่งมารับละครเรื่องแรก แล้วผมมาเจอกับพี่ฉอดครั้งแรก ผมถ่ายภาพนิ่งอยู่ แล้วพี่ฉอดเรียก ฟิล์ม มานี่หน่อย ผมก็เดินมา พี่ฉอดพูดว่าพี่ว่าต้องฉีดนะ เหนียงต้องเก็บ ผมเลยถามว่าขนาดนั้นเลยเหรอครับ เลยเพิ่งไปฉีดมา
ถาม ทำไมถึงรับแต่ละครตลก ไม่ชอบดราม่า
ฟิล์ม รัฐภูมิ : เพราะผมเคยเล่นแล้วมันเครียดเกินไป พอกลับไปที่บ้าน เราต้องไปจมอยู่กับความทุกข์ อ่านบทแล้วแบบว่าจะเล่นยังไง ต้องทำการบ้านแบบไหน บทก็ต้องจำให้เป๊ะ ที่ผ่านมาเราเจอแบบนั้น ไม่ใช่บทละครไม่ดี แต่เราไม่อยากเล่นแบบนั้น แต่เราขอเล่นแบบตลกๆ นะ
ถาม แต่ทำไมรับเรื่อง ตะวันตกดิน เพราะเรื่องนี้ดราม่าแน่ๆ
ฟิล์ม รัฐภูมิ : เพราะผมชอบละครเรื่องนี้ พออ่านบทแล้วผมรู้สึกว่าเป็นละครเรื่องแรกในชีวิตของผมเลยนะที่รู้สึกเล่นเป็นมนุษย์ มีการอิจฉาริษยา พยายามให้ได้มา หลงระเริง คือมันครบหมด ตามชื่อเลย ตะวันตกดิน มีขึ้นสว่างสดใส แล้วก็ตกมืดไม่มีใครสนใจ เป็นแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าน่าเล่นมากๆ เป็นนักร้อง เราก็รอเพลงดีๆ เหมือนกัน และเราออกมาเป็นนักแสดงอิสระ เราก็อยากได้บทดีๆ เหมือนกัน ต้องขอบคุณพี่ฉอดและทางอมรินทร์
ถาม ส่วนอีกเรื่องในส่วนตัวของฟิล์ม ใครที่ตามในอินสตาแกรมส่วนตัวจะเห็นว่าฟิล์มสะสมรถเยอะมาก
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ปกติชอบรถคลาสสิคอยู่แล้ว เก็บสะสมมาโดยตลอดอยู่แล้ว ซึ่งคนมารู้ว่าเราสะสมมากๆ ช่วงโควิด เพราะตอนนั้นคือ เราทำอะไรกันไม่ได้ แล้วเราเปิดบริษัทโปรดักชั่น ผมเลยไลฟ์คุยเรื่องรถที่ผมสะสม ปรากฏว่าคนชอบ ทำให้มีรายได้กลับมา แล้วได้ทำ ได้พูดในสิ่งที่เราชอบด้วย แล้วพอรายการออกไปคือ คนมาขอซื้อรถจากผมเยอะมาก ตอนนี้เลยกลายเป็นธุรกิจขายรถคลาสสิคโดยตรง เอารถเก่าที่แทบจะพังแล้วนำกลับมาทำใหม่ให้ใช้ได้เหมือนเดิม
ถาม เรื่องรถประสบความสำเร็จไปแล้ว แล้วเรื่องความรักเป็นยังไงบ้าง
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ผมไม่ค่อยมองเรื่องนี้ ไม่ใช่ไม่มีเข้ามา เราไม่ได้สนใจมากกว่า ผมมองว่าอยากให้น้องๆ แฟนๆ ดูผมเป็นแบบอย่าง ได้เห็นถึงการทำงาน ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ส่วนเรื่องมุมความรักของผม ไม่ใช่ไม่อยากให้มองนะ แต่มันไม่มีอะไรน่ามองมากกว่า เพราะเดี๋ยวรักๆ เลิกๆ มันเลยไม่รู้จะมองมุมไหน ในวันที่มีความสุข ใครๆ ก็รู้สึกดี ใครไม่อยากมีโมเมนต์จับมือ กอดแฟน ลงโซเชียลบ้าง แต่ถ้าเลิกกันก็มารุมด่ากันอีก ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย แต่สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนเห็นผมคือสู้ชีวิต ทำงานไม่เคยท้อ ส่วนเรื่องความรัก ผมมองว่ามันไม่จำเป็นเลย เราไม่เห็นว่าเราจะเอามุมนี้ไปให้ใครมอง
ถาม แปลว่าถ้าฟิล์มมีแฟน จะไม่เปิดเผยแล้ว
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ใช่ครับ ผมมองว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราจะหยิบมาพูด เอาให้มันแน่นอนก่อนดีกว่า แต่ในชีวิตจริง ผมให้เกียรติเขา ผมก็รักเขา แล้วผมก็ดูแลเขาดี
ถาม ตอนนี้มีใครมาดูแลหัวใจไหม
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ตอนนี้ผมก็ยังว่างๆ อยู่ครับ
ถาม แล้วเคยมอง อนาคตตัวเองไหมว่าจะเป็น สามี เป็นคุณพ่อ
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ผมคิดมาตลอดอยู่แล้ว อยากมีมาตลอด เพราะผมเคยเลี้ยงเด็ก ชีวิตผม ผมอยากจะเติมเต็มอะไรบางอย่างที่ผมไม่มีในวัยเด็กก็จะใส่ไปให้ลูกในอนาคต ถ้ามีนะครับ