ทนายชี้ หาก "จ๊อด" เป็นต้นเหตุทำ "ตาจรูญ" ตายแจ้งหาข้อเพิ่มได้ บอกทำผิดไม่ควรสู้คดี

จากกรณีที่ นายจรูญ มีพันธ์ หรือ ตาจรูญ อายุ 82 ปี อาชีพขี่ซาเล้งเก็บของเก่าขาย ถูกนายนราธร โสดติยัง หรือ จ๊อด อายุ 21 ปี ทำร้ายร่างกายด้วยการเตะจนล้มหัวฟาดหมดสติ จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต่อมานายจ๊อด ได้เข้ามอบตัว รับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกาย ส่วนตาจรูญมีอาการทรุดหนัก กระทั่งเสียชีวิตเมื่อคืนที่ผ่านมา (29 มี.ค.) จากการติดเชื้อในกระแสเลือด

ล่าสุดวันนี้ (30 มี.ค.) นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง ระบุว่า หากศาลยังไม่ได้พิจารณาคดี หรือยังไม่มีการตัดสินคดี พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ สามารถแจ้งข้อกล่าวหาหรือคำฟ้องเป็นเจตนาทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 มีโทษหนักกว่า คือ จำคุก 3-15 ปี ทั้งนี้ ต้องมีผลยืนยันที่แน่ชัดจากแพทย์ว่า การติดเชื้อในกระแสเลือดของคุณตามีสาเหตุจากอะไร หากมีสาเหตุจากอาการเจ็บป่วยอื่นที่มีมาก่อนหน้าที่ถูกนายจ๊อดทำร้าย เช่นการผ่าตัด การเสียชีวิตก็อาจจะไม่เกี่ยวกับนายจ๊อด และไม่สามารถเอาผิดอะไรเพิ่มได้ แต่หากเป็นผลสืบเนื่องจากการที่คุณตาถูกทำร้าย เช่นติดเชื้อในกระแสเลือดจากแผลกดทับ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เนื่องจากการถูกทำร้าย ถือว่าเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของนายจ๊อด จะมีความผิดเข้าข่าย ฆ่าคนโดยไม่เจตนาแต่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ ศาลเคยมีคำพิพากษามาแล้วหลายคดี

ทีมข่าวถามต่อว่า หากทนายเกิดผลเป็นทนายฝ่ายของคุณตา จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทนายเกิดผลกล่าวว่า ข้อเท็จจริงค่อนข้างชัดเจน ตรงกับข้อกฎหมาย คือมีเจตนาทำร้ายร่างกาย แต่เราคงไปเพิ่มโทษ เป็นเจตนาฆ่าไม่ได้ คงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย แต่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตนคงจะต้องฟ้องหรือแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี และอาจจะฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเพิ่มเติม หลังจากที่คุณตาเสียชีวิต เช่น เรียกค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะถ้ามี รวมถึงเป็นโจทย์ร่วมดำเนินคดีอาญากับพนักงานอัยการ แต่ในทางกลับกัน หากตนเป็นทนายความของนายจ๊อด และเห็นพฤติการณ์ของลูกความแบบนี้ ตนจะบอกให้นายจ๊อดรับสารภาพ สำนึกผิด เยียวยาครอบครัวของคุณตา ตนคงไม่แนะนำให้นายจ๊อดต่อสู้คดี แต่หากจะสู้คดีก็ต้องรอความชัดเจนจากแพทย์ก่อนว่าคุณตาเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด