กรณีที่สมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ "Mintar Lekdee" โพสภาพนิ่งพร้อมวิดีโอ ทะเบียนรถแท็กซี่ ภาพบาดแผลที่แขนซ้ายและวิดีโอขณะที่มีการโต้เถียงกับคนขับรถแท็กซี่ พร้อมระบุข้อความในทำนองว่า "เมื่อแท็กซี่ชวนคุยเรื่องการเมือง และเขาไล่เราลงจากรถ เพราะปฏิเสธที่จะคุยเรื่องการเมือง และบอกว่าทำงานมาทั้งวันเหนื่อยแล้วไม่อยากคุย ก่อนถูกด่าทอถึงพ่อแม่ เพียงเพราะแค่ไม่แสดงความคิดเห็นเท่านั้นเอง" กระทั่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์
ล่าสุดวันที่ 26 พ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.มินตรา เหล็กดี อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (วันที่ 25 พ.ย.63) เกิดขึ้นขณะที่ตนกำลังเดินทางจากศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เพื่อไปสะพานใหม่ และขึ้นรถแท็กซี่ เวลา 18.45 น. ซึ่งคนขับรถแท็กซี่ กำลังเปิดวิทยุฟังข่าวเกี่ยวกับการเมือง เหตุการณ์และสถานกาณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน
จากนั้นคนขับรถแท็กซี่ ถามตนว่า "ไม่ไปร่วมชุมนุมที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) สำนักงานใหญ่เหรอ" ตนตอบกลับว่า "ไม่ได้ไป วันนี้ทำงาน" จากนั้นคนขับแท็กซี่ ก็ฟังวิทยุต่อ พร้อมพูดแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ในทำนองที่ว่า "ไม่โอเค ไม่เห็นด้วยกับการไปชุมนุมที่ SCB" จากนั้นคนขับแท็กซี่ก็ถามความคิดเห็นของตนเกี่ยวกับการเมือง ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ตนจึงตอบกลับไปว่า "ขอไม่ตอบ ไม่แสดงความคิดเห็น เพราะเหนื่อย" ทันใดนั้นคนขับรถแท็กซี่ก็ปิดวิทยุ ก่อนพูดไล่ตนลงจากรถ
ทั้งนี้ตนยอมรับว่ารู้สึกโมโห ที่คนขับแท็กซี่ไม่มีเหตุผล จึงถามกลับไปว่า "นี่คือเหตุผลที่พี่พูดไล่ผู้โดยสารกลางทาง เพียงเพราะไม่แสดงออกความคิดเห็นทางการเมืองเหรอ" คนขับพูดสวนกลับว่า "โง่แล้ว ยังอวดฉลาด" ซ้ำยังพูดว่า "พ่อแม่ไม่สั่งสอน มึงกลับไปดูแลพ่อแม่มึงให้ดีเถอะ ดูแลอนาคตตัวเองให้ดี" จากนั้นก็เริ่มมีปากเสียงกันบนรถ พูดจาหยาบคาย ด่าทอกัน กระทั่งตัดสินใจบอกให้จอดรถทันที และเมื่อตนเตรียมจะลงรถ คนขับแท็กซี่ก็พยายามล็อกประตู ดึงแขนและกระเป๋าไว้ไม่ให้ลง เพราะตนไม่ยอมจ่ายเงิน ซึ่งเหตุผลที่ไม่ยอมจ่ายเงิน เพราะก่อนหน้านี้คนขับรถเป็นคนพูดไล่ตนลงจากรถ แต่สุดท้ายตนยอมจ่ายเงินค่าแท็กซี่ จำนวน 170 บาท เพราะอยากลงรถอย่างปลอดภัย พร้อมบอกกับคนขับแท็กซี่ก่อนลงรถว่า "เก็บเงินวันนี้ไว้ให้ดี อาจจะต้องใช้จ่ายเป็นเงินค่าปรับให้หนู"
นอกจากนี้ในระหว่างทางที่มีการถกเถียงกันนั้น คนขับรถแท็กซี่ หยิบเสื้อสีเหลืองที่อยู่ในลิ้นชักหน้ารถฝั่งข้างคนขับออกมาโชว์ และบอกว่าอยู่ในกลุ่มนี้ ทำงานเพื่อปกป้องสถาบัน ตนยอมรับว่ารู้สึกกลัว มองว่าคนขับไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะให้บริการ และเห็นว่าควรเปลี่ยนอาชีพใหม่ เนื่องจากหากมีพฤติกรรมแบบนี้ ก็อันตรายกับผู้โดยสาร และยิ่งตนเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว คนขับแท็กซี่ก็มีอารมณ์โมโหรุนแรง และจะหันไปใช้บริการเดินทางด้วยแกร็บคาร์ดีกว่า เพราะไม่มีปัญหา อีกทั้งมีการจัดการคนขับรถได้ดี
ภายหลังเกิดเหตุ น.ส.มินตรา เดินทางไปตรวจร่างกาย ที่โรงพยาบาลซีจีเอช สายไหม เนื่องจากตนมีรอบแผล เป็นรอยแดง 2 จุด ก่อนนำใบผลตรวจร่างกาย ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ที่ สน.คันนายาว ในเวลา 21.00 น.
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสุภาพ ศุภกิจรัตนากุล คนขับรถแท็กซี่ เปิดเผยว่า ตนรับผู้โดยสารจากศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ซึ่งผู้โดยสารให้ไปส่งที่พหลโยธิน 52 ตนก็ทำหน้าที่ขับรถแท็กซี่ตามปกติ จากนั้นได้ถามผู้โดยสารว่า "ได้กลิ่นอาหาร น้ำหอมไหม" แต่ผู้โดยสารไม่ได้ตอบอะไร ตนจึงขับรถต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นวันที่รถติดมาก ซึ่งระหว่างทางตนมีการเปิดวิทยุเพื่อฟังข่าวไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของการชุมนุม จากนั้นจึงพูดขึ้นว่ารถติดมากเพราะสาเหตุมาจากการชุมนุม จากนั้นตนก็ถามผู้โดยสารเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุม แต่ผู้โดยสารตอบกลับมาว่า "ไม่ฟังการเมือง ปวดหัว"
จากนั้นบรรยากาศในรถแท็กซี่เริ่มตึงเครียด ตนจึงบอกกับผู้โดยสารว่า "เปลี่ยนใจก็ได้นะ เปลี่ยนคันใหม่ก็ได้นะ" แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการเอ่ยคำพูด "ไล่ผู้โดยสารลงจากรถ" จากนั้นตนและผู้โดยสารก็มีการพูดตอบโต้ เถียงกันไปมา ด้วยคำหยายคายและอารมณ์โมโหทั้งคู่ ผู้โดยสารก็ด่าทอตนว่า "หุบปาก ๆ ๆ ๆ" ก่อนที่ผู้โดยสารจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ไว้
นายสุภาพ คนขับแท็กซี่ เล่าต่อว่า ระหว่างทางผู้โดยสารจะเปิดประตูรถลงเอง ทั้ง ๆ ที่รถขับอยู่เลนกลางถนน ตนจึงบอกว่า "ลงไม่ได้นะ ลงไม่ได้นะ" พร้อมเอื้อมมือไปจับกระเป๋าห้าม เนื่องจากหวั่นอันตรายกลัวเกิดอุบัติเหตุ จังหวะนั้นผู้โดยสารไม่ยอมปิดประตูรถ ตนจึงกล่าวขอโทษ พร้อมเอื้อมมือผ่านตัวผู้โดยสารไปดึงประตูให้ปิดเข้ามา กระทั่งถึงจุดที่ผู้โดยสารอยากลง จึงจอดรถให้ลงตามปกติ พร้อมชำระค่าโดยสาร ตนพูด "ขอบคุณ" แต่ผู้โดยสารตอบกลับว่า "ไม่ต้องขอบคุณ เดี๋ยวได้เจอกันพรุ่งนี้"
ทั้งนี้ นายสุภาพ คนขับแท็กซี่ ยืนยันว่า ไม่ได้ไล่ผู้โดยสาร ไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือกระชากแขน ไม่มีการแตะเนื้อต้องตัวแต่อย่างใด ส่วนบาดแผลที่เกิดขึ้น ที่แขนข้างขวาที่เป็นรอยแดงนั้น ให้พิสูจน์ตรวจไปตามขั้นตอนกฎหมายได้เลย ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่า ตนหยิบเสื้อสีเหลืองออกมานั้น ยืนยันว่าไม่ใช่เสื้อสีเหลือง แต่เป็นเสื้อสีส้มที่ตนสวมใส่อยู่ในขณะนี้ เป็นเสื้อที่มอบให้นักโทษของโครงการกำลังใจในพระดำริ เมื่อตอนที่ตนได้รับตอนที่ถูกขังที่เรือนจำ จ.ศรีษะเกษ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งถูกคุมขังในข้อหา "พยายามฆ่า" ติดคุกเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม นายสุภาพ คนขับแท็กซี่ ปฏิเสธไม่ได้ยุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องการเมือง และไม่พูดคุยการเมืองอย่างแน่นอน และอยากฝากถึงคู่กรณี อย่าดูถูก เหยียดหยามอาชีพคนขับรถแท็กซี่ เพราะทุกอาชีพล้วนแต่มีเกียรติ พร้อมบอกว่า จะไม่ขอโทษคู่กรณีเด็ดขาด และถามกลับว่า "ขอโทษทำไม" และถึงตนจะผิดก็ไม่มีความจำเป็นต้องขอโทษ ถ้าหากมีความผิดตามกฎหมายจริง ก็รับโทษความผิดไปตามขั้นตอนกฎหมาย และจากเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่รู้สึกเครียด เป็นเรื่องสนุกสนาน เพราะไม่ได้ไปฆ่าคนตาย
อย่างไรก็ตาม สอบถามไปยัง ร.ต.ท.ปาฏิหาริย์ วัฒนประคัลภ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.คันนายาว ระบุว่า เบื้องต้นผู้เสียหาย เข้ามาลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้แล้ว และมีการสอบปากคำเบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้จะมีการนัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมกับเจ้าหน้าที่ขนส่ง เข้ามาพูดคุยกันในวันที่ 30 พ.ย.63 ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป