จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคารพักอาศัยกลางกรุงเทพฯ ย่านเพชรบุรีตัดใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บมากกว่า 60 คน โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.00น. ของวันนี้ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
วันนี้ (3 เม.ย.) ทีมข่าวเดินทางมาที่กรมการพลังงานทหาร ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซอยเพชรบุรี 18 ซึ่งเปิดเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย
นายนพพร ธีระวชิรกุล อายุ 43 ปี ผู้ประสบภัย เปิดเผยนาทีหนีตาย ระบุว่า ขณะเกิดเหตุ ตนนอนหลับอยู่ในห้องที่ชั้น 8 กระทั่งเวลาประมาณตี 2 ตนได้ยินเสียงคนโวยวาย จึงตื่นขึ้นมาเปิดประตูออกไปดูที่หน้าห้อง เห็นกลุ่มควันเต็มพื้นที่ ขณะนั้นตนตกใจ จึงรีบปิดประตูทันที จากนั้นรีบแต่งตัว หยิบกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะวิ่งหนีออกมาจากห้องพัก
นายนพพร ระบุว่า ขณะไฟไหม้ ตนเดินออกมาได้เพียง 10 ก้าว ควันเต็มไปทั่วตึก ตอนนั้นตนคิดว่าตัวเองคงจะไม่รอด เพราะเริ่มหายใจไม่ออก แต่ในใจก็คิดว่าจะเดินไปต่อ หรือกลับไปที่ห้องพัก เมื่อตัดสินใจวิ่งไปต่อ โดยใช้วิธีการเดินจับราวบันไดไปเรื่อยๆ จนเมื่อใกล้ถึงโถงลิฟท์ พบว่าบริเวณนั้นร้อนมาก ซึ่งตนไม่ทราบว่าไฟไหม้ที่ชั้นไหน แต่คาดว่าจุดที่ไฟไหม้น่าจะอยู่ใกล้ตัวมาก จึงเดินต่อไปถึงโถงบันไดกลาง แล้ววิ่งลงมาที่ชั้นล่าง พร้อมกับกลั้นหายใจไปด้วย ก่อนจะออกมาจากตัวอาคารได้
นายนพพร เล่าต่อว่า ความรู้สึกตอนนั้น ตนเหมือนคนตาบอด เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย จนออกมาถึงที่ชั้นล่าง โดยตั้งแต่ขั้น 5 ลงมา ควันก็เริ่มจางลง หลังจากลงมาแล้วประมาณ 10 นาที รถดับเพลิงคันแรกเข้ามาถึง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเริ่มฉีดน้ำดับได้
ทั้งนี้ ตนดีใจมากที่มีชีวิตรอดออกมาได้ โดยตัวเองอยู่อาคารนี้มานานกว่า 10 ปี ก็ไม่เคยเกิดเหตุเช่นนี้ แต่ยอมรับว่าภายในอาคารไม่มีระบบดับเพลิงแบบสปริงเกอร์ รวมถึงไฟบันไดฉุกเฉินก็มองไม่เห็น ระบบดูดควันก็ไม่มี อีกทั้งตลอดทางที่ตนลงมาจนถึงชั้นล่าง ก็ไม่ได้ยินเสียงกริ่งเตือนภัย การซ้อมดับเพลิงก็ไม่เคยมี ตนยังแอบคิดว่า หากได้ซ้อมหนีไฟคงจะเป็นประโยชน์มาก ส่วนตัวไม่ได้บาดเจ็บอะไร มีเพียงมีการสำลักควันไฟเพียงเล็กน้อย
ขณะที่
นายสุรวิทย์ ศิริวิทยรัตน์ อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เขตดุสิต ซึ่งเข้ามาช่วยระงับเพลิงตั้งแต่ช่วง 02.30 น. ที่ผ่านมา ซึ่งเล่าเหตุการณ์ว่า ขณะที่เข้ามาตอนนั้น เหตุการณ์ชุลมุนเป็นอย่างมาก จุดเกิดเหตุมีควันเยอะ และมีผู้ติดอยู่บนอาคารเป็นจำนวนมาก
โดยเจ้าหน้าที่เริ่มดับเพลิงจากบริเวณชั้น 6 ซึ่งคาดว่าเป็นจุดต้นเพลิง โดยจุดดังกล่าว เป็นบริเวณห้องชาล์ป เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้ที่ชั้น 6 แต่ความร้อนที่สะสม ทำให้ไฟลุกขึ้นที่ชั้น 8 อีกครั้ง จึงทำให้การทำงานล่าช้ามากขึ้น
ทั้งนี้ ที่มีข่าวกรณีที่ระบุว่า มีนักศึกษาชาวเวียดนามสูญหายไป จากการตรวจสอบอาคารทั้งหมดโดยละเอียดแล้ว ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม และไม่มีผู้ติดค้างอยู่ภายใน แต่ส่วนตัวคาดว่า อาจเป็นหญิงรายแรก ที่นำตัวลงมา หลังพบว่าหมดสติอยู่ในอาคาร ซึ่งตนเห็นมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยเหลือในเบื้องต้นด้วยการทำซีพีอาร์ หญิงรายดังกล่าวอยู่ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ตนจำใบหน้าไม่ได้ เนื่องจากขณะนั้นเหตุการณ์ค่อนข้างชุลมุน
ในส่วนของตัวอาคาร พบว่า ขณะที่ตนมาถึง ไม่มีเสียงสัญญาณกริ่งเตือนภัยแต่อย่างใด มีเพียงเสียงกริ่งจากตึกด้านข้างที่ดัง ซึ่งผู้ประสบภัยทั้งหมด ถูกนำตัวลงมาทางบันไดกลางของอาคาร และเป็นทางลงทางเดียว จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก ส่วนบันไดหนีไฟเป็นบันไดลิงด้านหลัง เจ้าหน้าที่ไม่เลือกใช้เนื่องจากมืด และอันตราย
ด้าน
นายกมล ลิมประชัย ผู้ดูแลอาคาร เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนนอนอยู่หลังห้องสำนักงานที่ชั้น 1 ปรากฎว่า มีเจ้าหน้าที่รักาาความปลอดภัย โทรศัพท์มาแจ้งตนว่า เกิดเพลิงไหม้ ตนจึงรีบขึ้นวิ่งไปดู พบว่ามีไฟลุกอยู่ในห้องชาล์ป (ห้องมิตเตอร์ไฟฟ้าของห้องพัก) ชั้นที่ 4 ตนจึงนำถังดับเพลิงมาช่วยฉีดดับไฟ ก่อนที่จะเรียกรถกู้ภัยให้มาระงับเหตุ
โดยหลังเกิดเหตุ พบว่าโครงสร้างไม่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากไฟลุกที่ห้องมิเตอร์ไฟ ขณะนั้นตนก็จำไม่ได้ว่ากริ่งสัญญานดังหรือไม่ เพราะชุลมุน โดยยอมรับว่า ตลอด 20 ปี ที่ตนดูแลตึกนี้มา ก็ไม่เคยเกิดเหตุเช่นนี้มาก่อน
ส่วนเรื่องของการเยียวยาผู้พักอาศัยนั้น ยืนยันว่า จะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาทั้งหมด รวมทั้งจะมีการออกค่าเช่าสำหรับผู้ที่ออกไปพักที่อื่นให้ ในช่วงที่ปิดปรับปรุงอาคาร รวมทั้งอาคารก็มีประกันภัย จึงมั่นใจว่าจะรับผิดชอบได้แน่นอน ส่วนเรื่องระบบความปลอดภัยของอาคาร ยืนยันว่า มีถังดับเพลิง และมีไฟฉุกเฉินที่ถูกต้อง