ถือว่าเป็นคุณแม่สุดสตรองอีกหนึ่งคนที่ก่อนหน้านี้ฝ่าดราม่าปัญหาครอบครัว หนี้สินมาแบบสาหัสจริงๆ สำหรับ “ติ๊ก-กนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ” หรือ “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” อดีตภรรยา “หนุ่ม ศรราม” ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเปิดเผยแล้วว่าได้เคลียร์หนี้ในส่วนของเจ้าที่คิดดอกร้อยละ 20 ไปเรียบร้อยแล้ว โดยรวมเป็นเงิน 6 แสนกว่าบาทด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเธอเองทั้งสิ้น
โดยเจ้าตัวเปิดใจเลยว่าที่สามารถผ่านจุดที่มีสภาพจิตใจแย่ที่สุดมาได้ก็เพราะพยายามเอาพลังบวกมาจากลูก อยากจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีที่สุดและเร็วที่สุด หลังจากนี้ก็จะมุ่งหน้าทำงานเพื่อเคลียร์หนี้ที่เหลืออีก 2 ราย คือรายที่ 1 จำนวน 4.6 แสนบาท และรายที่ 2 ถูกแบ่งออกเป็น 3 ก้อน คือ 9 แสนบาท , 3.5 แสนบาท และ 4.5 แสนบาทนั่นเอง
พร้อมกันนี้สาว “ติ๊ก” ก็ได้เล่าถึงโมเมนต์ที่ได้เจอลูก “น้องวีจิ” ทั้งหมด 3 ครั้ง ว่าวันแรก ลูกจำตัวเองไม่ได้ ก็เลยทำให้ตนกลับมาเครียดอีกรอบ แต่พอเจอครั้งที่ 2 ลูกก็เริ่มจำได้ ซึ่งก็ทำให้ตัวเองดีใจมากเหมือนกัน ยิ่งครั้งที่ 3 “น้องวีจิ” ถึงกับวิ่งเข้าหา มาเล่นของเล่นกับตนได้ นอนและหลับบนตักตนได้นานถึง 2 ชั่วโมง แต่สำหรับครั้งต่อไปที่จะเจอลูกก็บอกว่าต้องดูตามความเหมาะสม เพราะตอนนี้พี่หนุ่มก็มีงานเยอะมาก เอาที่พี่หนุ่มสะดวกจะดีกว่า
ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง กลับมาทำงานแล้ว ?
“ตอนนี้กลับมาทำงานแล้วนะคะ พร้อมเต็มที่ทั้งร่างกายและจิตใจค่ะ (ยิ้ม) ตอนแรกยังไม่พร้อมกับการแสดงเท่าไหร่ แต่พร้อมกับงานคนเดียวรีวิวสินค้า คิวบู๊ได้หมด แต่ถ้าเป็นไดอะล็อคยังไม่ได้ ถ้าเศร้ายังไม่ได้ แต่ตอนนี้ได้แล้ว ที่พี่แบงค์ติดต่อมาบอกว่ามันต้องเป็นแม่ที่เปรี้ยว เฉี่ยว แต่มันมีดราม่านะ ก็เลยไม่รับค่ะ (หัวเราะ) บอกไปว่ายังไม่ได้ค่ะพี่ เพราะถ้ามีดราม่ากลัวจะไปตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองที่กำลังจะเอาตัวเองออกมา แต่ตอนนี้ได้แล้ว พร้อมแล้ว ทุกอย่างได้หมดค่ะ”
ตอนนี้สภาพจิตใจแข็งแรงพร้อมทำงานใช่ไหม ?
“แข็งแรงมากแล้วค่ะ (ยิ้ม)”
อะไรที่ทำให้เรากลับมาได้ ?
“เอาพลังงานบวกมาจากลูกค่ะ อยากจะแก้ไขทุกอย่างให้ดีที่สุดและเร็วที่สุด คือถ้าสภาพจิตใจมันไปไม่ได้ มันก็แก้ไขได้ช้า ใช้หนี้คนเขาได้ช้า และจังหวะที่จะได้นอนกอดลูกมันก็จะช้าออกไป”
ตอนนี้ได้เริ่มใช้หนี้หรือยัง ?
“ประกาศตรงนี้เลยนะคะ จริงๆ อุบมาเป็นเวลานานมากแล้ว ที่มาวันนี้ก็อยากจะพูดเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนี้หนี้ดอกร้อยละ 20 ได้เคลียร์ไปหมดแล้ว 6 แสนกว่าบาทค่ะ (ยิ้ม) เงินก้อนนี้มาจากการรีวิวค่ะ การรีวิวของหนูถ่ายทั้งวันนะคะ แต่ตัดมาได้ 2 นาที (หัวเราะ) ลงทุนจ้างโปรดักชั่นถ่ายทั้งวัน คือเอางานต่องาน แรกๆ นั่งแท็กซี่ไปคุยงาน ลำบากมาก ทั้งที่เงินเราก็น้อย มีคนนัดไปถ่ายแล้วก็ไม่มา (เสียงสั่น) เรารอ 2-3 ชม. เหมือนแกล้ง แต่ก็สู้ (ยิ้ม)”
แต่ตอนนี้มีงานเข้ามาใช้หนี้ได้ก้อนหนึ่งแล้วใช่ไหม ?
“ใช่ค่ะ หนี้ดอกร้อยละ 20 ได้ถูกปิดไปหมดแล้วค่ะ ตอนนี้เหลือแค่หนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ยแค่สองเจ้าเท่านั้นค่ะ เจ้าหนึ่งตั้งใจว่าจะให้คนที่เขามีบุญคุณกับเราและเขาเดือดร้อนในการช่วยเหลือเรา เขาจะรับหรือไม่รับไม่เป็นไร แต่เราตั้งใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่เราบอกยอดทั้งหมดไปคือ 3.5 ล้าน เจ้าหนึ่งอยู่ที่ 4.6 แสน คือเจ้าหนึ่งมีสองก้อน อีกเจ้าหนึ่ง 3 ก้อน คือ 9 แสน, 3.5 แสน และ 4.5 แสนค่ะ คือที่ไม่รวบทีเดียวเพราะมันต้องใช้ทั้งหมดไงคะ (หัวเราะ) ก็ค่อยๆ ใช้ไป แต่ก็ใช้ไปเยอะมากแล้วนะภายใน 2 เดือน 6 แสนรวมดอกเบี้ยนะคะ”
ไม่ขอเขาว่าขอไม่มีดอกเบี้ยได้ไหม ?
“เราขอทุกคนค่ะ บางคนยินดีให้ แต่บางท่านไม่ให้ก็มี เราก็เข้าใจ เพราะตอนเราไปกู้เขามาเราก็เต็มใจและยินดีที่จะให้ดอกเบี้ย 100 ละ 20 บาท แต่สองเจ้าหลังนี้เขาไม่ได้คิดดอกเบี้ยค่ะ มันก็เยอะมากแล้วสำหรับหนู ซึ่งเราก็ต่อสู้คนเดียวนะคะ และหนูไม่เคยย่อท้อ”
สองเจ้านี้เขาตั้งไว้ไหมว่าจะต้องใช้คืนภายในเดือนไหน ?
“เขาไม่ได้กำหนด แต่ถ้าเราคิดจะแก้ไขเราไม่ต้องให้ใครมากำหนดหรอกค่ะ เรารับผิดชอบ ตอนนี้ทำงานได้เงินมาก้อนหนึ่งจะเก็บไว้กินแค่นิดเดียว เอาไปใช้หนี้ก่อน”
เห็นว่าก่อนหน้านี้ไปปฎิบัติธรรมด้วย ?
“คือติ๊กสวดมนต์ตื่นตี 4 ครึ่งประจำอยู่แล้ว นั่งสมาธิตอนเช้าอยู่แล้ว ตอนที่อยู่บ้านก็ทำประจำอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ทำทุกวันเพื่อให้เรามีสติ ให้มีปัญญาในการแก้ไขชีวิตเราได้ แต่วันที่ไปวัดปฏิบัติธรรมวันนั้นคือจริงๆ เราทำอยู่แล้ว แต่พอมีโอกาสเลยได้ไป”
ล่าสุดเห็นว่าได้เจอน้องวีจิ ?
“คือถ้าดูรูปวีจิจากในไอจี คนก็จะคิดได้ว่าในไอจีของติ๊กวีจิดูตัวเล็กมาก เพราะว่าไม่ใช่ภาพปัจจุบัน มันเป็นภาพเก่าค่ะ และตัวติ๊กเองชอบดูความสุขที่มันเป็นภาพเก่าที่เราได้อยู่กับลูก ติ๊กก็เลยชอบเอามาโพสต์ เพราะตอนนี้เราไม่ได้อยู่กับวีจิทุกวัน เพราะฉะนั้นภาพใหม่เราไม่ได้มีทุกวัน ก็เลยต้องใช้วิธีนี้เยียวยาหัวใจตัวเอง”
แสดงว่าที่ได้เจอวีจิคือครั้งนั้นครั้งเดียว ?
“ไม่ค่ะ เจอ 3 ครั้งแล้ว”
มีข้อตกลงไหมว่าเจอได้กี่ครั้งต่อกี่เดือน ?
“เรื่องของลูกไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ แต่ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม และตอนนี้พี่หนุ่มก็มีงานเยอะมาก เอาที่พี่หนุ่มสะดวกจากงาน เพราะอยู่ตรงนั้นวีจิก็กินอิ่มนอนหลับดีกว่ามาอยู่กับติ๊ก อยู่กับเรานี่ลำบาก และตัวเรากำลังแก้ไขปัญหา อยู่กับพี่หนุ่มสบายจะตาย มีพ่อที่รักเอาใจใส่ มีที่นอนหลับสบาย มีแอร์เย็นๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเลย วีจิอยู่สบายแล้ว เรานี่แหละต้องห่วงตัวเราเองก่อน ถ้าเราแก้ไขตัวเองได้ เราก็จะได้เจอวีจิได้เร็ว”
ที่เราเปลี่ยนตัวเองมา ทำให้บรรยากาศตอนเจอลูกผ่อนคลายขึ้นไหม ?
“ติ๊กคิดถึงคำนี้แหละค่ะ ติ๊กคิดว่าการที่เราจะเจอลูก สถานการณ์มันต้องไม่เครียด และตอนนี้ไม่ได้ให้มูลนิธิเป็นตัวกลางแล้ว เพราะครั้งแรกที่เจอ วีจินอนในห้องนั้นแค่ 10 นาทีก็ตื่นแล้ว คือความสะดวกสบายของลูกไม่มี มันไม่เหมาะกับเด็ก ก็เลยบอกกับพี่หนุ่มว่าหนูจะขอหยุดการใช้มูลนิธิ และขอให้พี่หนุ่มสบายใจ ไม่ต้องเครียด จะเอาลูกมาให้หนูเจอเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะลูกอยู่กับพี่หนุ่มหนูก็สบายใจ พี่หนู่มดูแลลูกดี รักลูกดีอยู่แล้ว”
เราไม่เรียกร้องเรื่องต้องเจอลูกแล้วใช่ไหม ?
“ไม่เรียกร้องค่ะ เพราะหนูเห็นแก่วีจิเป็นหลัก แต่หนูไม่เคยคุยกับพี่หนุ่มส่วนตัวมานานมากแล้วค่ะ ไม่ได้เจอด้วยค่ะ เวลาเจอวีจิก็ได้เจอพี่หนุ่มแค่แป๊บๆ ห่างๆ ก็ได้คุยผ่านทนายค่ะ หนูก็บอกกับทนายไปว่าเมื่อไหร่ก็ได้ที่พี่หนุ่มพร้อม เราจะได้พาลูกไปกินข้าว พาลูกไปเดินห้าง เอาลูกมานอนกับเราได้บ้าง เพราะฉะนั้นหนูไม่อยากกดดันพี่หนุ่มเลยสักอย่าง หนูเคารพในการตัดสินใจของพี่หนุ่ม”
วิจิยังจำเราได้ใช่ไหม ?
“ยังจำได้ค่ะ เพราะตอนนี้หนูมีการวิดีโอคอลวันหนึ่งหลายรอบมาก เมื่อก่อนหนูทุกข์มาก จะพูดตลอดว่าวีจิอย่าลืมแม่นะ (เสียงสั่น) เพราะวันที่เจอวันแรก วีจิลืม ก็ทำให้เรากลับมาแล้วเครียด แต่พอครั้งที่สองเจอ วีจิจำได้ (ยิ้ม) กลับมาเราก็ดีใจมาก พอครั้งที่สามวีจิเข้าหาได้ เล่นของเล่นได้ นอนบนตักเราได้ ลูกหลับเกือบ 2 ชม.”
ที่วิดีโอคอลคือยังไง ?
“ทุกวันค่ะ โทรผ่านพี่เลี้ยงวีจิค่ะ พี่หนุ่มโอเคค่ะ เขาให้วิดีโอคอลคุยกับลูกค่ะ หนูพอใจในสิ่งที่ตัวเองได้นะคะ และไม่คาดหวัง อะไรที่ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”