จากกรณีแก๊งทวงหนี้โหด ที่มีการทำร้ายร่างกายพนักงานในบริษัทเงินกู้นอกระบบ โดยมีการใช้หมวกกันน็อก และไม้ฟาดเข้าที่ผู้บาดเจ็บ
วันที่ 2 ธ.ค.63 เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร รักษาการ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร นำตัวนายต้นกล้า อายุ 30 ปี ผู้เสียหายที่ถูกทำร้าย ไปชี้จุดเกิดเหตุที่ถูกทำร้าย ที่ซอยศรีสวัสดิ์ ม.3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยบ้านหลังดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 100 กว่าตารางวา มีกำแพงเป็นรั้วรอบขอบชิด ซึ่งภายในปลูกสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น คล้ายห้องเช่า ส่วนอีกหลังเป็นอาคารชั้นเดียว
พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร รักษาการ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้นำผู้เสียหายไปชี้จุดที่เกิดเหตุบริเวณบ้าน พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งตอนนี้ดำเนินการในเรื่องข้อหาทำร้ายร่างกายก่อน และสำหรับจุดดังกล่าว ผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นสถานที่เดียวกันกับในภาพ และผู้เสียหายเขาประสงค์จะมอบคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย
ด้านนายต้นกล้า ผู้เสียหาย บอกว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้รับบาดเจ็บสภาพบวม รักษาตัวนอน 3 วัน หลังเกิดเหตุไม่ได้แจ้งความ และสำหรับตอนนี้ตนก็กลัว ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ตนไม่พร้อมจะตอบ เพราะห่วงอันตราย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คลิปใหม่โผล่! แก๊งเงินกู้กระทืบลูกทีมแหก 3 กฎเหล็ก เผยเบี้ยวส่งดอกเจอซ้อมด้วย (คลิป)
- คลิปโหด! แก๊งทวงหนี้กระทืบแจงภาพเก่า 4 ปี แฉปล่อยกู้ทองดอกโหด 120 ต่อวัน (คลิป)
จากการตรวจสอบบริษัทตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป ซึ่งทราบว่าเป็นบริษัทปล่อยเงินกู้นอกระบบ ตั้งอยู่ใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี มีบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย จากข้อมูลบริษัทมีทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ประกอบธุรกิจประเภทร้านขายปลีกเครื่องประดับ ประกอบกิจการ ขายทองรูปพรรณ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สอบถามนายโอ้ (นามสมมติ) พนักงานที่เคยทำงานที่บริษัทดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเองเข้ามาทำงานที่นี่ได้ เพราะมีคนเป็นญาติชักชวนมาทำ ตนเองทำงานได้ 5 เดือน แล้วก็ลาออก รายได้นั้นจ่ายเป็นรายวัน ช่วงที่รายได้ดีก็จะได้มากที่สุดวันละ 4,000 บาทต่อวัน น้อยที่สุดวันละ 500 บาท โดยระยะหลังมาตนเองเป็นหนี้ทางออฟฟิศ เป็นหนี้ช่วงโควิด-19 เพราะทำเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง นายจ้างไม่เสียผลประโยชน์ใด ๆ เลย เพราะลูกน้องจะเป็นคนรับผิดชอบ รายได้ของบริษัทขณะที่ตนเองทำงานอยู่ มากที่สุดคือ 200,000 บาทต่อวัน
ลักษณะการทำงานเป็นการเก็บเงินลูกค้ารายวัน โดยมีพนักงานตามเก็บเงินกู้ ประมาณ 60 - 70 คนต่อสายงาน และมีการตามเก็บเงินไกลที่สุดถึง จ.ราชบุรี ด้วยรถจักรยานยนต์ โดยรถจักรยานยนต์ 1 คันจะนั่งรถไป 2 คน
โดยกฎการทำงาน มีลูกน้องที่ทำผิดกฎโดนทำร้ายหนักกว่านี้อีกเยอะ มีอีกหลายคลิป โดยคลิปที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นความรุนแรงประมาณ 60% บางคนเลือดอาบตัว นอนโรงพยายาลก็มี
ทีมข่าวได้รับร้องเรียนจากบุคคลที่เคยอยู่ในแก๊งเงินกู้แต่หนีออกมาได้ ซึ่งระบุว่าเป็นคนละแก๊งกับที่เป็นข่าว แต่มีพฤติกรรมคล้ายกัน น.ส.ส้ม (นามสมมติ) อดีตผู้จัดการสาขาของแก๊งเงินกู้นอกระบบ จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ตนเองได้รับการชักชวนจากคนรู้จัก ให้ไปทำงานเกี่ยวกับการดูแลเก็บเงินกู้ที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งตนเองไปทำงานอยู่ได้ราว 4 เดือน และตนตัดสินใจหนีออกมา 2-3 วันที่ผ่านมา
โดยคนที่ตนไปทำงานด้วยชื่อว่าบาส เป็นเหมือนผู้จัดการเขตการเก็บเงินกู้ ตอนที่มีการชักชวนระบุว่าจะได้เงินต่อวัน ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท โดยให้ตนและแฟนเป็นผู้จัดการสาขา เพื่อดูแลเงินที่ปล่อยกู้มีทุนให้ 200,000 บาท
แต่เมื่อไปทำงานจริง กลับไม่มีเงินแบบที่ชักชวน เงินที่ได้จะได้รับจากเงินกู้ โดยได้ 10% จากยอดปล่อยกู้ ต้องหาร 2 เผื่อแบ่งให้ผู้จัดการเขตอีก การทำสัญญากับลูกค้าที่กู้เป็นเพียงเอาเอกสารบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเขียนรายละเอียดลงบนแผ่นถ่ายเอกสารเท่านั้น ซึ่งเหมือนสัญญาเถื่อน ส่วนดอกที่เก็บลูกค้าเป็นดอกลอย คิดเงินกู้ 1,000 ละ 20 บาท
ส่วนตัวที่ตัดสินใจหนี เพราะตนเองไม่ไหวแล้ว ตนเองเก็บเงินลูกค้ามาทุกวัน หากวันไหนเก็บไม่ได้ ตนเองก็ต้องมารับผิดชอบ เพราะหากเก็บเงินไม่ครบ ก็จะถูกตีความว่าพวกตนขโมยเงินและต้องถูกลงโทษ ตนเองทำงานได้ราว 4 เดือน ปล่อยเงินกู้ไปราว 900,000 บาท ที่ผ่านมาไม่เคยโกงเงิน แต่มี 2 ครั้งแฟนตนตื่นสายก็ถูกลงโทษ นำไม้เบสบอลกับไม้ก้านพลุไฟมาฟาดหลัง
กลุ่มเงินกู้ที่ตนไปทำงานไม่ได้มีบริษัท ไม่ได้มีกฎตายตัว ไม่มีข้อตกลง แต่หลังตนไปทำงานแล้วก็มีกฎขึ้นมา ซึ่งพฤติกรรมคล้ายกับแก๊งที่เป็นข่าว มีครั้งหนึ่งมีเด็ก 16-17 ปี เป็นคนเก็บเงินกู้และนำเงินที่เก็บมาไปใช้ 2,000-3,000 บาท โดยอ้างว่าต้องโอนเงินให้แม่ ก็ถูกตีและเอาขวดปาใส่หัว ตนยอมรับว่ากลัว เพราะหลังหนีออกมา นายบาสก็พยายามขู่ผ่านคนรู้จัก ทำนองว่าให้หนีไปตลอด อย่าให้เจอตัว ตนเองจึงยังไม่กล้าแจ้งความ เพราะห่วงว่าจะถูกตามตัวเจอ ตนเองอยากบอกว่าการกระทำของกลุ่มพวกนี้ไม่ได้ทำให้คนเขาเกรง แต่ทำให้เกลียด คนที่เขาไม่มีทางสู้ จึงจำเป็นต้องอยู่แบบนี้