จากกรณี 3 แม่ลูก ประกอบด้วย นางสาววาสนา วัฒนสุข อายุ 52 ปี ผู้เป็นแม่, นางสาวอดุลยา ลงยา อายุ 33 ปี และนางสาวมัลลิกา ลงยา อายุ 30 ปี ตระเวนยืมของวัดโพธิ์ยาราม หรือวัดทองคงอ้างเปิดโรงทาน อ้างว่าจะเปิดโรงทาน
ปรากฎผ่านไป 3 วันไม่นำของมาคืนวัด สุดท้ายพระภิกษุสงฆ์สืบทราบเบาะแสที่อยู่อาศัย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุม 3 แม่ลูก และพบว่าก่อเหตุมาแล้ว 5 วัด
พร้อมของกลางประเภทหม้อแกงขนาดใหญ่ จำนวน 5 ใบ หม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดใหญ่จำนวน 1 ใบ พัดลมตั้งพื้นกลางแจ้ง 1 ตัว เก้าอี้พลาสติกสีแดงจำนวน 27 ตัว และอุปกรณ์ในการประกอบอาหารอีกจำนวนหนึ่ง รถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีดำ ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ
โดยจับได้ที่บ้าน หมู่ที่ 3 ซ.บ่อน้ำยั่งยืน 7 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 63 เวลา 22.00 น. ผู้เป็นแม่ให้การรับสารภาพ อ้างโควิด-19 ทำให้ค้าขายไม่ได้
ล่าสุด วันที่ 2 ธ.ค.63 ทีมข่าวลงพื้นที่บ้าน ม.3 ซ.บ่อน้ำยั่งยืน 7 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ไม่พบผู้ใดอาศัยอยู่ภายในบ้าน พบรถจักรยานยนต์พ่วงข้างซาเล้ง และจักรยานยนต์ รวม 2 คัน
ทีมข่าวจึงเดินทางไปบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวอดุลยา พบเด็กจำนวน 4 คนอาศัยอยู่ภายในบ้าน คาดว่าเป็นบุตร ทีมข่าวจึงสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิด เด็ก ๆ บอกว่าไม่ทราบ รู้แต่ว่าแม่ถูกตำรวจจับและเสียใจร้องไห้ตอนแม่ถูกตำรวจจับ ขอให้ตำรวจปล่อย แต่ตำรวจไม่ยอม วันนี้จึงไม่ได้ไปโรงเรียน และได้ไปเยี่ยมแม่ในตอนเช้าแล้วพบว่าแม่สบายดี
นายเอ (นามสมมติ) สามีของนางสาวอดุลยา อาชีพขับรถตู้รับส่งนักเรียน เปิดเผยว่า ตนทราบเรื่องดังกล่าวพร้อมกับทุกคนเมื่อวานนี้ตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมภรรยา และแม่ยายของตัวเอง
สำหรับการก่อเหตุดังกล่าว ตนเองไม่ทราบเรื่อง เพราะแยกกันหากินกับภรรยาเพื่อนำเงินมาส่งเสียลูก และส่วนตัวไม่ค่อยพูดคุยกับแม่ยายอยู่แล้ว และแม้จะเห็นสิ่งของต่าง ๆ ที่ภรรยาและแม่ยายขนมา ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นการเหมาและประมูลมาจากร้านที่โละของ ตนเองจึงไม่ได้คิดอะไร เพราะถ้ารู้ตนเองก็จะห้าม
ส่วนพฤติกรรมเช่นนี้ ภรรยาและครอบครัวไม่เคยทำมาก่อน แต่ยอมรับว่าตอนนี้ลำบาก ค้าขายไม่ค่อยดีจริง ๆ ตนเองก็ลูกเยอะ แม้จะรู้สึกโมโห กับการกระทำของภรรยา แต่ก็มองข้ามไป คิดเพียงว่าจากนี้จะเลี้ยงลูกอย่างไรต่อไปให้รอด ทั้งนี้ ภรรยาอ้างว่าติดหนี้นอกระบบ จากการเอาเงินมาลงทุนค้าขาย ค้าขายไม่ได้ ผลกระทบจากโควิด-19 ต้องหาเลี้ยงลูกหลานถึง 6 คน จึงตัดสินใจก่อเหตุ เพราะไม่มีทางเลือก
ตนอยากขอโทษสังคมแทนครอบครัว ยอมรับว่าพวกเขาทำผิด แต่ตนเองจะไม่ซ้ำเติม คนทำผิดก็คือผิด และให้รับโทษตามกฎหมายไป ไม่ประกันตัว เพราะไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีเงิน นอกจากนี้ ทุกคนมีร่างกายแข็งแรงและอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี
นางจิ๊บ เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนอยู่ย่านนี้มา 20 กว่าปี พบว่าครอบครัวนี้ก็อยู่มานานไล่เรียงกัน การประกอบอาชีพก็ค้าขายปกติ บางทีตนเห็นว่าขายของตลาดนัด และมีการขายปุ๋ยด้วย เป็นการหากินปกติ ชาวบ้านต่างคนต่างอยู่ แต่ก็พบว่าลูกหลานเยอะมาก เห็นข่าวออกก็อึ้ง ยังงงอยู่เหมือนกันว่าเพื่อนบ้านทำเช่นนั้นได้อย่างไร หรือลำบากจริง ๆ ที่ไปทำเช่นนั้น แต่ก็อยากให้ ลด ละ เลิก มาทำอะไรที่สุจริตดีกว่า
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดโพธิยาราม (วัดทอง) พระโสธร ชุติปัญโญ พระอาจารย์ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เล่าว่า สาเหตุที่ต้องติดตามเองเพราะกังวลว่าแจ้งตำรวจแล้วเรื่องจะเงียบ และการดำเนินการล่าช้า จึงดำเนินการเองก่อนทั้งพระอาจารย์เอง และให้ลูกศิษย์ช่วยกันติดตามอยู่หลายวันตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.63 ติดตามตั้งแต่โรงน้ำแข็งท้ายบ้านทั้ง 3 โรง พบว่าไม่มีการจัดงานตามเทศบาล เพื่อตรวจสอบการเดินทาง พบเดินทางฟาร์มจระเข้ ลักษณะการขนของคุมด้วยผ้าสีเขียว ไม่ให้คนเห็นจึงเริ่มสงสัย และไปลงบันทึกประจำวันไว้ แต่ไม่คิดเอาความ แต่อยากตามตัวเพื่อของคืน แต่ไม่พบเบาะแสกระทั่งเมื่อคืนนี้ 1 ธ.ค.63 ทำการโพสต์ว่าพอจะมีใครเคยพบเห็นรถคันดังกล่าวหรือไม่ ก็ทราบเบาะแสจากญาติโยมที่โทรมา จึงรีบเข้าไปตามเบาะแส
สำหรับพฤติการผู้ก่อเหตุคือขับรถเข้ามา แจ้งว่ายืมของไปถวายทานที่โรงน้ำแข็งท้ายบ้าน ไม่นิมนต์พระ โยมทั้ง 3 คน ก็เลือกของเอง 18 รายการ ซึ่งของทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นของใหม่ บางอย่างยังไม่ได้ทำตำหนิ และล้วนเป็นของที่ซื้อด้วยเงินญาติโยมบริจาคมา
อย่างไรก็ตาม ฝากพระอาจารย์ขอฝากไปถึงญาติโยมทุกท่านว่าให้มีสติ พิจารณาก่อนที่จะทำอะไรลงไป ติดหน้าคิดหลัง ไม่ใช่คิดแล้วทำเลยโดยไม่ไตร่ตรอง เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นและจะขอความเป็นธรรม ขอความช่วยเหลือไม่ได้