จากกรณีที่
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า หากฝ่ายครูปรีชามีพยานใหม่ โดยเป็นประจักษ์พยานที่เห็นครูปรีชาทำลอตเตอรี่หล่น อีกทั้งยังเห็นว่ามีคนเก็บลอตเตอรี่นั้นได้ จึงตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุใดพยานรายนั้นจึงไม่บอกเจ้าของ (อ่าน:
“ษิทรา” ถาม พยานใหม่บอกเห็นครูทำหวยตก ทำไมไม่บอกเจ้าของ)
ขณะที่วันนี้ ( 6 เม.ย.)
นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยว่า พยานใหม่มีจริง ซึ่งเป็นพยานจากการลงพื้นที่หาข้อมูล โดยตนพบพยานหลายอย่าง ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุ ซึ่งพยานกลุ่มนี้เป็นพยานที่ไม่เคยให้การในสำนวน แต่เป็นประจักษ์พยานที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.60 แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้สร้างพยาน เพราะในฐานะทนายไม่สามารถสร้างพยานได้ ระบุว่า พยานกลุ่มที่ตนหาได้มามีไม่เกิน 10 ปาก
ส่วนเหตุที่พยานกลุ่มนี้ไม่ออกมาให้การกับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่เป็นคดีในช่วงแรก เนื่องจากมีความหวาดกลัว รวมทั้งพยานกลุ่มนี้เป็นชาวบ้านต่างจังหวัด บางคนก็ทำมาหากิน จึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีความ
ทนายวรยุทธ เผยอีกว่า ทั้ง 10 คน เป็นพยานที่ตนหามาไม่ใช่พยานที่เคยให้การกับเจ้าหน้าที่ก่อนหน้านี้ ระบุว่าเป็นประจักษ์พยานที่รู้เห็นข้อเท็จจริง มีน้ำหนักพอที่จะขึ้นสู่ชั้นศาล ซึ่งไม่ขอเปิดเผยว่าแต่ละคนมีบทบาทอย่างไร เพราะเป็นประเด็นแห่งคดี แต่ทุกคนมีความสำคัญทั้งหมด
ตนเชื่อมั่นว่าครูปรีชาเป็นเจ้าของหวย ยิ่งวันนี้ตนได้ลงพื้นที่ตลาดเรดซิตี้ที่ จ.กาญจนบุรี ก็ยิ่งเชื่อมั่น และเหตุที่พยานกลุ่มนี้ยอมออกมาก็เพื่อคุณธรรม ความจริง ซึ่งตนมองว่าคนถูกต้องได้รับความเป็นธรรม
ส่วนกรณีเจ้บ้าบิ่น ซึ่งเป็นประจักษ์พยานมาตั้งแต่ต้นคู่กับครูปรีชา ก็ยังคงมีความสำคัญ ซึ่งตนตอบไม่ได้ว่าจะพลิกคดีหวยได้หรือไม่ และที่มีกระแสข่าวที่ระบุว่ามีพยานเห็นคนเก็บหวย หรือตอนหวยตกนั้น ระบุว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยพูด ว่าพยานรู้เห็นอย่างไร เพราะตนบอกไม่ได้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ ตนพร้อมที่จะขึ้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง และอยากบอกประชาชนที่ติดตามรวมถึงคนเห็นต่าง ว่าอย่าเพิ่งขัดแย้งกันขอให้รอศาลตัดสิน และตนก็มั่นใจว่าตนสามารถนำพยานหลักฐานที่ตนแสวงหามา ให้ศาลพิจารณาได้ว่าครูปรีชาเป็นเจ้าของหวย
อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีกระแสข่าวจากทนายความของเจ๊บ้าบิ่น ว่าเจ๊บ้าบิ่นเป็นตัวพลิกคดีหวย 30 ล้าน วันนี้ (6 เม.ย.)
นายสุชพงศ์ บุญเสริม ทนายความเจ๊บ้าบิ่น ชี้แจงว่า ตนไม่เคยออกมาพูดหรือให้ข่าวว่า เจ๊บ้าบิ่น เป็นกุญแจสำคัญ สามารถพลิกคดีหวย 30 ล้าน ให้กับครูปรีชาได้ ซึ่งตนคาดว่า อาจจะเป็นนักข่าวสำนักหนึ่งที่โทรมาถามข้อมูลความคืบหน้าเรื่องคดี และอาจตีความผิด ซึ่งตนเองมาช่วยดูแลเรื่องคดีแพ่งที่ขายหวยแพงเท่านั้น
ทั้งนี้ ทนายสุชพงศ์ เปิดเผยอีกว่า เจ๊บ้าบิ่น เป็นแค่เพียงพยานที่ยืนยันว่าขายหวยให้กับครูปรีชาเท่านั้น และยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนร่วมกับครู และไม่ได้เป็นขบวนการตามที่มีคนกล่าวอ้างแต่อย่างใด ซึ่งเจ๊บ้าบิ่น อยู่ในฐานะพยาน จะพูดจริงหรือพูดเท็จอย่างไรนั้น ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไป แม้ว่าจะมีหลายคนเข้ามาต่อว่า กล่าวหาเจ๊บ้าบิ่นในทางเสียหาย ซึ่งตนได้แนะนำ เจ๊บ้าบิ่นไปแล้วว่า ถ้าไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตและการงาน ก็ไม่อยากให้ไปฟ้องร้อง และไม่ให้ไปติดใจเอาความ เพราะเรื่องราวจะบานปลายมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ทนายสุชพงศ์ มองว่า การที่ตำรวจออกมาบอกว่า คดีนี้ติดกระดุมเสื้อผิดตั้งแต่เม็ดแรกนั้น แท้จริงแล้ว คดีนี้ไม่ใช่ติดกระดุมผิด แต่ตำรวจใส่เสื้อผิดตัวต่างหาก เพราะเจ้าหน้าที่เชื่อว่าหวยเป็นของครู จึงด่วนตัดสินว่าลุงจรูญ ลักทรัพย์ และไปนัดเจราไกล่เกลี่ยเรื่องเงินกันเอง ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต และส่งผลกระทบทางสังคมจนถึงขณะนี้
ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ ได้ออกมาทวงถามถึงซองลอตเตอรี่ของตนที่หายไป ขณะที่พนักงานสอบสวนเก็บไว้ในลิ้นชักของ สภ.เมืองกาญจนบุรี ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะถูกโยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในกองบังคับการปราบปราม โดยครูปรีชาเชื่อว่าซองลอตเตอรี่จะเป็นหลักฐานสำคัญของตน เพราะมีลายมือของตนติดอยู่ที่ซอง
ด้าน
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ได้วิเคราะห์คดีหวย 30 ล้านว่า ขณะนี้ที่ครูปรีชาได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญาต่อลุงจรูญ ว่ายักยอกของตกไว้นั้นจะต้องพัวพันกับคดีแพ่งที่ครูปรีชาฟ้องไว้ก่อน เพราะทั้งสองคดีมีข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน คือถ้าหากคดีอาญาฟังว่าลุงจรูญเก็บของตกและยักยอกของตกหรือรับของโจรได้ คดีแพ่ง ครูปรีชาก็จะชนะทันที
เพราะข้อเท็จจริงในคดีอาญายุติแล้ว คดีแพ่งจึงชนะด้วย ซึ่งหากวันนี้ถึงจุดสุดท้ายแล้ว แต่ทุกคดีที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะกองปราบฯ สอบหรือที่ใดสอบ คดีของครูปรีชา ลุงจรูญ หรือคดีนายแผน ข้อเท็จจริงคือลอตเตอรี่ตกหรือไม่ตก ถ้าลอตเตอรี่ตก ครูปรีชาชนะ แต่ถ้าลอตเตอรี่ไม่ได้ตกลุงจรูญซื้อมาเอง ครูปรีชาและพยานก็แพ้คดีชัดเจน
อาจารย์ปรเมศวร์ กล่าวต่อว่า แม้มีคนบอกว่าคดีแพ่งและอาญาเป็นคนละทาง แต่หลักในการดำเนินคดีตามกฎหมาย ถ้าคดีอาญาและคดีแพ่งที่มีข้อเท็จจริงอันเดียวกัน ให้คดีแพ่งรอฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาก่อน อันนี้เป็นบทบังคับ เนื่องจากคดีอาญาเป็นคดีที่มีโทษ ถ้าให้คดีแพ่งตัดสินก่อนแล้วผลการตัดสินออกมาเป็นคนละอย่างกับความผิดทางอาญา มันก็จะไม่สอดคล้องกัน หลักมาตรฐานจึงต้องให้คดีอาญาจบก่อน
วันนี้ถ้าครูปรีชาฟ้องคดีอาญา แล้วศาลนัดไตร่สวนเดือนมิถุนายน ส่วนคดีแพ่งที่สืบพยานเดือนหน้า ตนเชื่อว่าศาลต้องให้หยุดเพื่อรอคดีอาญาว่ามีมูลหรือไม่ แล้วเดินคดีอาญาให้จบ พอจบแล้ว คู่ความโจทก์กับจำเลยที่เป็นชุดเดียวกัน คดีแพ่งก็ไม่ต้องสืบพยานแล้ว ใช้เหตุผลในคดีอาญาได้เลย
ฉะนั้น ตอนนี้มีหลายคนที่สับสนว่าคดีแพ่งกับอาญาเป็นคนละเรื่องกัน ทั้งหมดนั้นคือเรื่องเดียวกันว่าลอตเตอรี่เป็นของใคร คนหนึ่งบอกว่าคุณยักยอก ส่วนอีกคนบอกว่าผมไม่ได้ยักยอก คุณน่ะแจ้งความเท็จ ส่วนอีกคนบอกเห็นเขาหยิบขึ้นมาจึงเชื่อว่าเก็บของตก ซึ่งมันก็คือเรื่องเดียวกัน คือลอตเตอรี่ตกหรือไม่ได้ตก จากการที่ตนมองดูแล้วคาดว่าศาลน่าจะตัดสินคดีนี้ได้ไม่เกินประมาณเดือนตุลาคม เพราะศาลคงให้ความสำคัญและตัดสินได้ครบถ้วน
ส่วนที่ครูปรีชามีการกล่าวถึงซองลอตเตอรี่ที่หายไป แล้วจะฟ้องพนักงานสอบสวนทำของหาย อาจารย์ปรเมศวร์ ตั้งข้อสังเกตว่า ครูปรีชาอาจจะได้เห็นแล้วว่ามีซองพลาสติก ซึ่งแม้ว่าพนักงานสอบสวนมีการแจ้งกับครูปรีชาว่าลิ้นชักถูกรื้อ ก็ต้องถามพนักงานสอบสวนว่าได้แจ้งความไว้หรือยังว่ามีคนขโมย แล้วขณะนี้มีการสอบสวนทางวินัยกับพนักงานสอบสวนเรื่องทำซองหายหรือยัง แต่ถ้าตรงนี้ไม่มีมันก็ไม่ใช่ เพราะผู้เสียผลประโยชน์ในการพิสูจน์รอยนิ้วมือก็มีทั้งครูปรีชาและลุงจรูญ ซึ่งต้องได้จับซองเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม อาจารย์ปรเมศวร์ยังตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า เมื่อซื้อลอตเตอรี่ทั้ง 5 ใบแล้ว คนซื้อก็ต้องมีการเปิดดูทีละใบว่าเลขตรงกันหรือไม่ หากไม่มีการเปิดดูเลขเลย ตรงนี้ก็มองว่าแปลก
นอกจากนี้ อาจารย์ปรเมศวร์ ยังกล่าวต่อถึงกรณีที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ลุงจรูญไม่มีหลักฐานต่างๆ เหมือนครูปรีชานั้น อาจารย์ปรเมศวร์ ระบุว่า ลุงจรูญมีหลักฐานที่สำคัญที่สุดคือลอตเตอรี่ที่นำไปขึ้นเงิน เพราะเขาเป็นผู้ครอบครอง และได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าของ แม้ว่าตนจะเคยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมลุงจรูญจึงจำแม่ค้าไม่ได้ ซึ่งลุงจรูญอาจมีเหตุผลว่าไม่อยากดัง หรือ ไม่อยากบอกแม่ค้าเพราะกลัวคนจะรู้กันทั้งเมือง ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่รับฟังได้ เพราะฉะนั้นครูปรีชาจึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตนเองเป็นคนซื้อ
ส่วนพยาน 3-4 คน ที่มาให้การในสำนวนเชื่อได้หมดหรือไม่ ก็ต้องดูคำให้การในแต่ละช่วงแต่ละตอนตามหน้าสื่อโทรทัศน์ของแต่ละคนเป็นอย่างไร เพราะแต่ละคนให้สัมภาษณ์ก็แตกต่างกัน ทุกฝ่ายไม่ว่าจะลุงจรูญหรือครูปรีชาจึงต้องมีการนำหลักฐานตรงนี้ไปอ้างตอนเบิกความ ว่าวันนั้นพูดอย่างนี้ วันนี้พูดอย่างนั้น
สำหรับเจ๊บ้าบิ่น ตนตั้งข้อคิดเห็นว่าน่าจะโดนหนักเรื่องมีการจดโพยคำให้การที่ตำรวจไปเจอในบ้านพักตอนตรวจค้น ว่าทำไมต้องมีการจดไว้ด้วย ตนจึงมองว่าคดีนี้จึงมีความน่าสนใจในหลายแง่
สำหรับกรณีพยานใหม่ของครูปรีชานั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่า พยานทั้งหมดควรจะมาให้ปากคำในชั้นสอบสวนก่อน ถ้าชั้นสอบสวนไม่เชื่อค่อยเอาไปเปิดในชั้นศาล เพราะบางทีศาลอาจจะเชื่อมากกว่าในชั้นสอบสวนก็ได้ หลายครั้งที่เราจะเจอคำว่า พยานให้การหลังเกิดเหตุนานนับเดือน เชื่อว่าน่าจะมีการตบแต่งต่อเติม หรือ พยานให้การในทันทีหลังเกิดเหตุไม่นานนัก มีน้ำหนักว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นจึงรับฟังได้ เพราะฉะนั้น ศาลก็จะเห็นต่างและมองหลายมุมว่าให้สิทธิ์ในชั้นสอบสวนแล้ว แต่ทำไมไม่ให้การ ศาลอาจจะมองว่าคุณตบแต่งเพื่อเอาตัวรอดหรือไม่
อาจารย์ปรเมศวร์ กล่าวว่า สรุปแล้ว ณ วันนี้ที่ครูปรีชาไปยื่นฟ้องอาญาต่อลุงจรูญว่า ยักยอกทรัพย์รับของโจรนั้น ตามความเห็นตนคาดว่าคดีแพ่งก็ต้องรอคดีอาญาตัดสินก่อนอยู่ดี เพราะบอกว่าเขาเก็บของตก จึงจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าลอตเตอรี่นี้ ได้ทำตกหรือไม่