จากกรณี เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 63 ร.ต.อ.ประจวบ พันธ์ทอง รอง สว.(สอบสอน) สภ.ดงขุย รับแจ้งเหตุพบศพนายกรวิทย์ หรือ แบงค์ อายุ 14 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนต์ขายาว สภาพศพนอนหงาย มีบาดแผลคล้ายถูกของมีคม เข้าที่บริเวณท้ายทอย ข้อมือซ้ายเกือบขาด บริเวณฝ่ามือด้านขวาขาดหายไป และจากข้อมือถึงข้อศอกเหลือแต่กระดูก บริเวณหน้าท้องมีลำไส้ทะลักออกมา ที่ข้างถนนสาย 113 หลัก กม.ที่ 47 ม.3 ต.ดงขุย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ผลชันสูตรคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน
ล่าสุด วันที่ 3 ธ.ค. 63 ที่วัดสว่างเนตร ต.ดงขุย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ครอบครัวและเพื่อนบ้านต่างเดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก จากนั้น มีเพื่อน ๆ นักเรียนของน้องต่างเดินทางมาร่วมร้องเพลงเป็นการไว้อาลัยให้น้องที่เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นายชรินทร์ บุญธรรม อายุ 32 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า กรณีแชตบทสนทนาที่ถูกเผยแพร่ออกไป ที่กำลังประเด็นอยู่ในขณะนี้ ตนก็เพิ่งมาเห็นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ แต่ตนก็ยังคงคิดว่าเพื่อน ๆ ของลูกแต่ละคนก็ยังเป็นเด็กอยู่ คงอาจจะมีใครที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังให้มารับไปก่อเหตุหรือไม่ เพราะปกติแล้วเวลาเพื่อนลูกจะมารับลูกก็จะขี่รถจักรยานยนต์มารับที่บริเวณหน้าประตูอู่ซ่อมรถเลย
แต่ในภาพวงจรปิดที่เห็นลักษณะเหมือนบุคคลดังกล่าวขี่รถจักรยานยนต์มาจอดห่างออกไปอย่างน่าสงสัย แต่ในส่วนนี้เพื่อนของลูกแต่ละคน ตนก็ไม่ได้สนิทหรือรู้จักคลุกคลีเป็นการส่วนตัว จึงไม่ทราบรายละเอียดอะไรที่แน่ชัด
ด้านความคืบคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงไม่ได้มีการแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องคดีให้ตนเพิ่มเติมอย่างใด รู้เพียงแค่ว่า อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของทางเจ้าที่ เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้าย ตนก็ยังคงมีความหวังว่าอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจอตัวผู้ที่ก่อเหตุฆ่าลูกชายให้ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้มารับผิดตามขั้นตอนของกฎหมาย
ตอนนี้ตนยอมรับว่า อยู่ในสภาพจิตใจที่ไม่พร้อมกับการจากไปอย่างกะทันหันของลูกและเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก อีกทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมาขณะที่ตนนอนหลับ ลูกชายได้มาเข้าฝัน ในสภาพร่างกายเละเลือดท่วมตัวจากการถูกฟัน พร้อมทั้งพูดกับตนเองว่า "ขอร้องอย่าให้ตนจองเวรจองกรรม โกรธแค้น กับคนที่ทำร้าย เพราะเดี๋ยวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะสามารถจับกุมตัวผู้ที่ก่อเหตุได้" ในความฝันตนพยายามถามลูกว่าใครเป็นคนทำ แต่ลูกก็ไม่ยอมตอบ กระทั่งตนสะดุ้งตื่น
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองอยากจะบอกกับลูกชายว่าหลังจากนี้ขอให้ลูกหลับให้สบาย ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ตนยืนยันว่าจะพยายามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ต่อมาวิญญาณของน้องแบงค์ก็ได้เข้ามาสิงในร่างของน้าสาวตามความเชื่อ สร้างความแตกตื่นให้กับคนที่มาร่วมพิธีฌาปนกิจในวันนี้ และได้พูดกับทางพ่อที่รีบวิ่งเข้ามาโอบกอด บอกว่า "ขอให้พ่อทำตามสัญญา เพราะพ่อใจแข็ง หนูห่วงพ่อและห่วงย่ามาก พ่ออย่าโกรธอย่าแค้น คนที่มาทำร้ายหนู เดี๋ยวพ่อจะติดคุก ให้พ่อเชื่อหนูนะ หนูรักพ่อ หนูไปแล้วนะเขามารับหนูแล้ว"
นางสาว อายุ 44 ปี น้าสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า คนที่เข้าสิงร่างของตนเอง คือดวงวิญญาณของน้องแบงค์ หลานชายผู้เสียชีวิต ขณะที่ถูกสิงร่าง ตนเองรู้สึกตัวแต่ทำอะไรไม่ได้ รู้เพียงว่าไม่ใช่ตัวเอง หัวใจเต้นแรง และไม่มีแรงบังคับร่างกายตัวเองได้
น้องพร อายุ 14 ปี อดีตแฟนสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติแล้วผู้เสียชีวิตเป็นคนนิสัยดี แต่จะมีนิสัยไม่ค่อยยุ่งหรือมีปัญหาทะเลาะกับใคร ก่อนที่จะเสียชีวิตก็ไม่ได้มีมาปรึกษาหรือเล่าเรื่องเหตุการณ์อะไรให้ตนฟัง ส่วนโอ๊ตที่มีชื่ออยู่ในแชตบทสนทนา ตนก็ไม่รู้จัก ครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกันคือวันที่ 28 พ.ย.63 เวลา 18.00น. ผู้เสียชีวิตทักมาถามตนว่า "ทำอะไรอยู่" ตนจึงตอบกลับไปว่านอนเล่นอยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นผู้เสียชีวิตก็หายไป และไม่ได้ติดต่อกันอีก
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการยึดรถจักรยานยนต์คันต้องสงสัยก่อเหตุ มาทำการตรวจสอบพร้อมทั้งเชิญกลุ่มวัยรุ่นต้องสงสัยมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก สภ.ดงขุย เป็นจำนวนมาก หลังจากวานนี้เชิญตัวมา 3 คน
จากการตรวจสอบข้อความการสนทนาทางไลน์จากโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งของเพื่อนผู้ตาย ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาสอบสวนพบว่า มีข้อความการสนทนาประมาณว่า ผู้สนทนาปักใจเชื่อว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุคือ ผู้ที่กำลังสนทนาด้วยและมีการระบุว่ามีการเอ่ยชื่อในข้อความการสนทนาว่า "ไอเอ มึงให้ไอ้โอ๊ดไปรับผู้ตาย" โดยอีกฝ่ายปฏิเสธ ขณะที่อีกฝ่ายอ้างมีพยานและสาเหตุของการถูกฆ่ามาจากการติดค่ากัญชา น้ำหนัก 1 ขีด
นายโอ๊ต อายุ 15 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต ผู้ต้องสงสัย เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับว่าแชตบทสนทนาที่ตนพูดคุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นของตนจริง อีกทั้งที่ตนกล่าวหาว่านายเอ เพื่อนรุ่นพี่ของผู้เสียชีวิต เป็นคนฆ่าผู้เสียชีวิตปมเหตุเรื่องติดหนี้กัญชานั้น ตนก็เป็นคนพิมพ์จริง แต่ก็เป็นเพียงความคิดสงสัยของตนเท่านั้น ไม่ได้เจตนาจะกล่าวอ้าง หากในส่วนนี้ทำให้ทางนายเอไม่พอใจ ตนต้องขอโทษ
ส่วนวงจรปิดที่มีชายปริศนาขี่รถจักรยานยนต์มารับผู้เสียชีวิตออกไปในวันที่ 27 พ.ย. ทำให้ทุกคนสงสัยว่าอาจเป็นตอนนั้น ตนอยากชี้แจงว่า ปกติแล้วตนกับแบงค์เป็นเพื่อนสนิทกัน เวลาเดินทางไปไหนตนก็จะเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งแบงค์อยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ตนยืนยันว่าชายในวงจรปิดไม่ใช่ตน เนื่องจากครั้งล่าสุดที่ตนเจอกับแบงค์คือวันที่ 23 พ.ย. เพราะแบงค์ขอร้องให้ตนพาไปส่งที่บ้านเพื่อน หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้ติดต่อกับแบงค์อีกเลย
ส่วนแชตบุคคลที่คิดว่าเป็นพี่ชายของตน ชื่อนายอิง ตนยืนยันว่าไม่ใช่พี่ชายของตนแท้ ๆ แต่เป็นพี่ที่รู้จักกัน จุดประสงค์ที่มีการทักแชตไปต่อว่าทางนายเอ ตนก็ไม่ทราบ ทั้งนี้ ตนอยากให้ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้โดยเร็ว เนื่องจากสงสารแบงค์ หากมีโอกาสได้พูดด้วยเป็นครั้งสุดท้ายตนอยากบอกว่า "คิดถึง รอให้กลับมาพบกันอีก"
สำหรับรถจักรยานยนต์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มาจากผู้ต้องสงสัย พร้อมนำส่งตรวจพิสูจน์ เนื่องจากพบรอยเลือดติดอยู่ที่รถจักรยานยนต์ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เปิดเผยว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของใคร อีกทั้งกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของใคร เนื่องจากไม่ทราบว่าบุคคลปริศนาที่ขี่รถมารับผู้เสียชีวิต จึงไม่สามารถระบุได้
ขณะนี้ก็ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการเร่งติดตามตัวของทางเจ้าที และรอผล DNA และกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง อ้างว่าไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวเป็นของใคร