"ปรีชา" ยันพยานเด็ดขึ้นศาลร่วม 10 รู้หวยหายสงสารเลยช่วย ทนายท้า "ษิทรา" ซักให้ขาด (คลิป)

ความคืบหน้ากรณีหวย 30 ล้าน ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล โดยเมื่อวานนี้ นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยว่า ขณะนี้จากการรวบรวมพยานของฝั่งครูปรีชามีไม่เกิน 10 ปาก รวมถึงมีพยานรายใหม่ซึ่งเป็นพยานบุคคลและเป็นพยานที่ไม่เคยให้การในสำนวน

วันนี้ (7 เม.ย.) นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน พร้อมด้วย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และนายเกียรติคุณ ต้นยาง ทนายความของนายแผน ที่อ้างว่า เป็นผู้เห็นร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล ก้มเก็บลอตเตอรี่ ในกรณีคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน โดย ดร.สุกิจ ระบุว่า นายแผนมา พบพนักกงานสอบสวนตามหมายเรียก แต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดเกินไป จึงยังไม่ไห้การ โดยจะเข้ามาให้ปากคำอีกครั้งในวันจันทร์ (9 เม.ย.) นี้ ส่วนที่เดินทางมาก่อนวันนี้ เพราะกลัวว่าจะผิดคำพูด จึงได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้กับเจ้าหน้าที่ว่า เดินทางมาตามนัดแล้วและไม่ได้หลบหนีไปไหน ส่วนประเด็นที่ต้องมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน เป็นการให้ปากคำในฐานะผู้ต้องหาคดีให้การเท็จ แต่จะถามอะไรบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับตำรวจจะตั้งประเด็น และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลได้ ทั้งนี้ เท่าที่คุยกับนายแผน ยังยืนยันคำให้การเดิม ที่เคยให้ไว้กับตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมยืนยันว่า นายแผนยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาฐานให้การเท็จ เพราะหากรับสารภาพก็คงติดคุก นอกจากนี้ ดร.สุกิจ ยืนยันว่า นายแผนไม่ได้เป็นคนเห็นหมวดจรูญก้มเก็บลอตเตอรี่ แต่เห็นขณะที่หมวดจรูญหยิบลอตเตอรี่มาดู

ด้าน นายแผน ระบุว่า วันนี้มาให้การเพิ่มเติมในประเด็นเดิมที่ยังให้รายละเอียดไม่ครบถ้วน รวมถึงได้นำเอกสารมาให้พนักงานสอบสวนพิจารณาเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งต้องรอให้พนักงานสอบสวนได้พิจารณาเอกสารให้ครบถ้วนก่อน โดยตนจะเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 9 เม.ย. นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งนายแผน ยืนยันว่า ตัวเองยังคงยืนยันคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้กับพนักงานสอบสวนมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้นายแผนได้ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ตัวละครใหม่ของครูปรีชา

นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยกับทีมข่าวถึงกรณี นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิการบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ได้กล่าวถึงการเปิดพยานในชั้นศาลของครูปรีชาในคดีหวย 30 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้เปิดในชั้นสอบสวน แต่จะนำเปิดชั้นศาล อาจจะทำให้พยายามไม่มีน้ำหนัก ทนายวรยุทธ กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นความเห็นของนายปรเมศวร์ เขาไม่ใช่ศาล ซึ่งตนก็เคารพความเห็นของครู อาจารย์ ฝากขอบคุณนายปรเมศวร์ด้วย เพราะจะได้ทำให้ตนนำพยานตัวจริงเท่านั้นในการขึ้นศาล ซึ่งหากฟังในสิ่งที่พยานพูดแล้วจะทำให้รู้เลยว่าเขารู้เห็นจริง เป็นพยานที่เป็นชาวบ้านจริงๆ และพยานเหล่านี้ก็ไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นกับฝ่ายใด มีคนในพื้นที่บางส่วน บางส่วนไม่ใช่ ซึ่งตนมั่นใจ และเชื่อมั่นในพยานที่จะเปิดอย่างแน่นอน และไม่กังวลต่อความเห็นของนายปรเมศวร์ในเรื่องของน้ำหนักเพราะน้ำหนักนั้นจะอยู่ที่พยานรู้เห็นจริงหรือไม่ และพยานที่ตนนำมาเป็นของจริงที่รู้เห็นหมด แต่ที่ไม่ออกมาตั้งแต่แรก เพราะเนื่องจากเป็นชาวบ้าน ที่เขาเองต้องทำมาหากินไม่อยากยุ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะกลัวจะมีปัญหาเกี่ยวกับนายแผน ที่พอเปิดตัวเป็นพยานกลับกลายเป็นผู้ต้องหาเสียเอง อย่างไรก็ตาม ทนานยวรยุทธ กล่าวถึงที่มาของพยานใหม่จำนวนไม่เกิน 10 คนว่า ตนได้ทำการสืบในทางลับ พบว่า มีผู้ให้ข้อมูลจำนวนมาก แต่ตนได้คัดเลือกเฉพาะพยานหลักๆ เท่านั้น ทำให้เกิดความมั่นใจ ทั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามสามารถซักค้านพยานที่ตนนำมาใหม่ได้ แต่ซักให้แตกก็แล้วกัน เพราะล้วนเป็นพยานชาวบ้าน ที่ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมด หลังจากนี้ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายก็จะทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ต่อไป เช่นเดียวกับตนจะไม่มีการถอนตัวจากคดีนี้แน่นอน

ด้าน นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ เปิดเผยถึงพยานบุคคลของตนว่า พยานที่อยู่ในคดีอาญา 10 ปากนี้ ไม่ได้เป็นพยานที่อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนมาก่อน แต่อยู่ในเหตุการณ์วันที่ 31 ตุลาคม 60 และเป็นประจักษ์พยานที่ทนายความของตนลงพื้นที่ไปสืบพยานมาเอง ซึ่งก็มีพยานที่หามาอีกหลายคน ส่วนตัวยังไม่เห็นว่ามีใครบ้าง และยังไม่ทราบว่าแต่ละคนรู้จักกันหรือไม่ เพราะทนายตนสอบข้อเท็จจริงมาเอง สำหรับกรณีที่มีคนวิเคราะห์ว่าต้องให้คดีความอาญาตัดสินก่อนคดีแพ่ง ตนก็ไม่ทราบข้อกฎหมาย ให้สอบถามกับทนายตนดีกว่า ซึ่งแม้ว่าการจะตัดสินคดีในศาลใดก่อน ตนก็ยินดีให้ความร่วมมือ อีกทั้งคดีนี้จะตัดสินช้าหรือเร็วอย่างไรตนก็ไม่กังวล เพราะท้ายที่สุดความจริงต้องปรากฎ ทั้งนี้ ครูปรีชา กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ที่ลอตเตอรี่ตนหายเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในตลาดนัด ฉะนั้น คนเห็นเหตุการณ์จึงค่อนข้างเยอะ แม้บางท่านจะแสดงความเห็นว่าตนมีพยานหลายคน นั่นก็เป็นเพราะตนไปจ่ายตลาดบ่อย จึงมีคนรู้จักมาก ซึ่งเวลาตนไปที่ตลาด ก็มักไปซื้อลอตเตอรี่ที่สั่งไว้ และซื้อกับข้าวแม่ค้าหลายรายที่ตลาดนัดจึงจดจำหน้าตนได้ เพราะตนเป็นลูกค้าประจำหลายร้าน ส่วนพยานของตนนั้นก็เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ อาจจะเป็นลูกค้าที่ซื้อลอตเตอรี่ด้วยกัน แต่ตนยังไม่ขอระบุว่าเป็นเพศหญิงหรือชาย ซึ่งพยานเหล่านี้ยินดีที่จะมาช่วยเหลือตน เพราะเห็นว่าตนเป็นคนซื้อจริง หล่นจริง และ หายจริง อีกทั้งเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายเรื่องจึงอยากเข้ามาช่วย ซึ่งในช่วงแรกที่ยังไม่ออกมาช่วยก็เพราะเขาเป็นชาวบ้าน กลัวว่าการไปให้ปากคำจะทำให้เสียเวลางาน และบางคนก็กลัวการไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอให้การในชั้นศาล ส่วนพยานบุคคลที่เห็นว่าลอตเตอรี่ตกตนขอไม่ตอบรายละเอียด เพราะอยากให้เรื่องนี้ไปต่อสู้กันในชั้นศาล ส่วนกรณีที่ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์เฟซบุ๊กต่างๆ ตนมองว่าทนายของแต่ละฝ่ายก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ฉะนั้นคนที่จะรู้เรื่องจริงก็มีแค่ตนกับลุงจรูญ ซึ่งต่างฝ่ายต้องพิสูจน์ทรัพย์ของตัวเอง นอกจากนี้ที่มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องการตบแต่งพยาน ครูปรีชายืนยันว่า ฝ่ายตนไม่มีการตกแต่งพยานเพราะตกแต่งไม่ได้ ทุกอย่างต้องรู้จริง เห็นจริง และอยู่ในเหตุการณ์จริง ที่พยานมีหลายปากเพราะตนรู้จักคนเยอะ พยานบางคนรู้สึกเห็นใจและสงสารตน เพราะตนต้องมาตกอยู่ในฐานะจำเลย ทั้งที่เป็นโจทก์ แล้วตนก็เป็นคนที่ซื้อจริงแต่ทำไมต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หากปล่อยไว้ครูก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ด้าน นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น ได้พูดถึงเรื่องพยานฝ่ายครูปรีชาที่มีเพิ่มมาใหม่ทั้ง 10 คน ว่า ตนไม่ทราบว่าทั้ง 10 คนนั้นเป็นใคร และตนก็ไม่ทราบเรื่องเพราะพยานแต่ละคนแทบจะไม่รู้จักกันเลย ส่วนตัวรู้จักเพียงแค่ เจ๊พัช กับ เจ๊เกียว ที่ตั้งแผงขายหวยในวันเดียวกันเท่านั้น ส่วน นายแผน ตนก็ไม่เคยเห็นหน้า เพิ่งทราบว่าเป็นพยานก็ตอนดูข่าวจากโทรทัศน์ ส่วน นางกุ้ง มาทราบชื่อภายหลัง ซึ่งเคยเห็นหน้าว่าเป็นลูกค้าของ เจ๊เกียว ส่วนที่บอกว่าตนเป็นพยานปากสำคัญ ตนกับทนายความก็ไม่เคยมีใครพูดหรือให้สัมภาษณ์ว่าตนเป็นพยานที่จะพลิกคดีนี้