เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก สำหรับคุณพ่อหุ่นล้ำ "จิม เจจินตัย อันติมานนท์" ที่มีลูกสาวน่ารัก น่าเอ็นดู กลายเป็นขวัญใจของแฟนคลับ คอยติดตามดูความน่ารักของ "น้องพลอยเจ" มากมาย ซึ่งคุณพ่อที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เผยว่ารู้สึกตัวเองโชคดีมาก มีลูกเป็นอภิชาตบุตร เพราะทุกคนพอเอ็นดูลูก ก็จะนึกถึงเรา ยอมรับทุกวันนี้กลับมามีชื่อเสียงได้เพราะลูก ส่วนเรื่องทายาทคนที่สอง ให้ภรรยาเป็นคนตัดสินใจ ส่วนตัวอยากมีลูกชายอีกคน พร้อมเผยว่าได้วางแพลนอำลาวงการ แล้วพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อทำธุรกิจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ไอซ์ อมีนา" เผยปมในใจ เคยเกือบยอมแพ้เพราะถูกวิจารณ์หนักเรื่องการแสดง
- "กอล์ฟ เบญจพล" เคลียร์ประเด็นไม่รับบทตลก หลังเสริมหล่อ!
- "ตูมตาม ยุทธนา" เคลียร์ถูกมองใช้เต้าไต่ จากนักร้องเวทีประกวดสู่การเป็นพระเอกหนัง
- "ตูมตาม เชิญยิ้ม" เคยลุ่มหลงในความดัง จนชีวิตดิ่งลงเหว!
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม กลายเป็นขวัญใจสาวแท้ สาวเทียมทั้งประเทศไทยเลย
เจจินตัย : ช่วงนั้นกลุ่มดาราที่มีซิกแพคมันน้อย ตอนนั้นมีแค่เรา เต้ กำปั้น เกือบประกวดเพาะกายเลย ไปไกลมาก ทำอาหารคลีนด้วย ทานแต่อกไก่ บล็อคโคลี่เท่านั้น แต่สุดท้ายแล้ว คนจะเข้าใจว่าการที่จะลีนเราต้องกินอาหารที่คลีนเท่านั้น แต่ผมเอาตัวเองเป็นคนทดลองว่าเรากินอาหารที่มีรสชาติได้ แต่เราต้องทานในปริมาณที่มีโซเดียมน้อย ไม่ทานอาหารที่มีรสเค็มมาก หวาน เค็ม นี่อันตราย อาหารที่มีรสเค็ม หนักกว่าหวานครับ
ภาพ เพราะมีรูปร่างที่ดีขนาดนี้ มีสาวๆ เข้ามามากมายจนเป็นภาพลักษณ์ของ ผู้ชายเจ้าชู้
เจจินตัย : ภาพนี้เป็นมาตั้งแต่เข้าวงการเลย เมื่อก่อนก็ยอมรับนะครับว่าเจ้าชู้จริง ยุคนั้นดาราน้อย เราก็เลยเพลิน ตอนนี้เลิกแล้วครับ นิสัยเจ้าชู้ เพราะมีลูกด้วยแล้วครับ
ถาม เห็นว่าช่วงที่ฮอตๆ มีละคร 11 เรื่องเลย ถ่ายพร้อมกันด้วย
เจจินตัย : มีบทที่เป็นบู๊ แอคชั่น ส่วนใหญ่จะได้รับบทร้ายอยู่แล้ว 11 เรื่อง เราไม่ได้อยู่ทุกตอนนะครับ บางเรื่องก็ 7 ตอน 8 ตอน พอเราจะถ่ายเรื่องนี้จบ เรื่องใหม่ก็เปิดกล้องพอดี ถ่ายละคร 7 วันเลย จันทร์ อังคาร พุธ 2 เรื่อง พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 4 เรื่อง การอยู่ในวงการนี้ ถ้ายอมแพ้ก็จบ แต่ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ งานก็จะมีเข้ามาให้เราเรื่อยๆ ครับ
ถาม ขอย้อนกลับไปถามตอนเราเป็นนักแสดงวัยรุ่น แล้วเราต้องเปลี่ยนตัวเองมาเป็นอีกแบบของการแสดง ชีวิตช่วงนั้นเป็นยังไงบ้าง
เจจินตัย : ตอนนั้นเราเหมือนเป็นพระเอกช่วง 90 ทุกคนเต็มที่กับเราหมด แต่พอเราเปลี่ยนมาเป็นตัวสอง คนที่เราเจอเปลี่ยนไปจริงๆ เป็นสัจธรรมมาก เราไม่กลัวที่เราไม่ได้เป็นพระเอกนะครับ แต่เราแค่เฮิร์ตมากกว่าเพราะความรู้สึกเปลี่ยนไป พระเอกก็จะมีคนมาอวย อะไรก็ดีไปหมด แรกๆ ก็สัมผัสได้นะครับ แต่เราก็ทำใจได้ เข้าใจได้ เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป
ถาม ในช่วงที่เปลี่ยนแปลงในเรื่องการแสดง เป็นช่วงที่เราแต่งงานพอดี เลยไม่ค่อยมีคนรู้เท่าไหร่ แต่ที่กลับมาฮอตได้เพราะลูกสาว "น้องพลอยเจ" ดึงกลับมา
เจจินตัย : ด้วยความที่เราไม่ชอบเป็นข่าวอยู่แล้ว เราก็จัดไม่ได้ใหญ่มาก จดทะเบียนกับภรรยาอย่างถูกต้อง และเราก็จัดกันในครอบครัว เราไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็นที่คนจะสนใจอะไรขนาดนั้น เราก็ใช้ชีวิตปกติ แต่พอเรามีลูก เราก็ลงรูปลูกเรา แต่มีคนมาสนใจในความน่ารักของพลอยเจเยอะ ชีวิตเราเปลี่ยนเลย มีแต่คนมาเอ็นดูลูกเรา พอเขาเอ็นดูแล้วเขาก็มานึกถึงเรา ซึ่งหนึ่งในคนที่เอ็นดูลูกเราก็ คือ พี่อ้วนเลยครับ พี่อ้วนเข้ามาคอมเมนต์ หนูน่ารักจังนะคะลูก เราก็ดูใคร ปรากฎว่าเป็นพี่อ้วน (ยิ้ม)
ถาม ส่งเสริมเขาให้เรียนการแสดงตั้งแต่ 3 ขวบเลย
เจจินตัย : ใช่ครับ พยายามให้เขาได้ลองเรียนหลายๆ อย่าง เพราะเราอยากรู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พาไปเรียนแอคติ้งแล้วเรารู้สึกว่าเขาชอบ เราก็เลยไปต่อ ให้เขาเรียนเป็นกลุ่มเลย จะได้ละลายพฤติกรรม กล้าออกสังคม ไปเจอกล้อง เราได้เห็นเขามีความสุข มีเพื่อน ลูกเป็นคนที่มีพลังเยอะ ชอบว่ายน้ำ เตะฟุตบอล อย่างงานละเอียดพวกทำอาหาร ลูกบอกว่าไม่เอาเลย แต่ถ้าถามว่าจะดันให้เล่นละครไหม ไม่ได้ดันหรอกครับ เพราะโลกของการเล่นละครมันเหนื่อยมาก
ถาม แล้วถ้ามีคนติดต่อให้เขาเล่นละคร
เจจินตัย : ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับ ยังไม่ใช่วัยเขา
ถาม พาลูกเข้าวัดด้วย เพิ่งทำหรือทำมานานแล้ว
เจจินตัย : เรื่องการทำบุญ ตัวผมทำมาตั้งแต่อายุ 15 แล้วนะครับ แต่ว่าเราไม่ได้มีโซเชียลอะไรเท่ากับทุกวันนี้ ตอนนี้เราลง ก็ได้เห็นว่าเราทำอะไรบ้าง เราทำบุญ จิตเราก็สงบ แล้วเราก็ให้เขาซึมซับไปเรื่อยในสิ่งที่เราทำ ผมพาเขาเข้าวัดตั้งแต่ 4 เดือน จนตอนนี้เขาสวดมนต์ได้
ถาม มีลูกสาวน่ารักขนาดนี้ ทำไมไม่คิดจะมีอีกสักคน
เจจินตัย : ตัวเราเองอยากจะมี แต่ภรรยาเดี๋ยวก็อยาก เดี๋ยวก็ไม่อยาก เรื่องนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจแต่ละคนด้วยเนอะครับ เพราะว่าเขามีความรู้สึกว่าไม่รู้จะแชร์ความรักยังไง เพราะว่ารักคนนี้มาก ส่วนผมอยากมีลูกชาย แต่สุดท้ายปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะภรรยาต้องเป็นเจ้าบ้านใช่ไหม (หัวเราะ)
ถาม แล้วจริงไหมที่จะย้ายไปอยู่ที่อเมริกา
เจจินตัย : ใช่ครับ ผมมีหุ้นส่วนเปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่อเมริกา ทำมา 7 ปีแล้ว เลยอยากพาลูกไปลุย ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะไปตั้งแต่เดือนเมษายน แต่เพราะโควิดมา ก็เลยพักไว้ก่อน
ถาม ไปเที่ยวหรือไปยังไง
เจจินตัย : ไปอยู่ถาวรเลย ไปเป็นนักลงทุนที่โน้น ละครหรือสิ่งที่เราจะสูญเสียไปก็ไม่เสียดายครับ รู้สึกแลกกัน เพราะอยู่ที่นั่นก็มั่นคง อยู่ที่นี่ลูกสบายไป เพราะมีแต่คนเอ็นดู รัก ช่วยเหลือ ถ้าเราไปอยู่ที่อเมริกาสัก 10-15 ปีแล้วกลับมา ลูกน่าจะกลายเป็นคนแข็งแกร่ง ประสบความสำเร็จในชีวิต ผมบินไปดูที่เรียนให้ลูกแล้วนะครับ ไปดูสถานที่ ไปดูโลเคชั่นร้านเรียบร้อยแล้ว
เจจินตัย : แต่ตอนนี้ยังไปไม่ได้ เลยรับงานต่อก่อนครับ แล้วค่อยดูทิศทางอีกครั้ง เพราะว่าถ้าเราไปเลยตอนนี้ แปลว่าเราตัดทุกอย่างทางนี้เลย ตอนนี้เลยต้องดูสถานการณ์ เศรษฐกิจ และ ความปลอดภัยก่อนครับ ซึ่งภรรยาผมอยากไปมาก อยากพาลูกไปลุย
ถาม ไปเห่อลูก ไม่เห่อซิกแพคแล้วเหรอ
เจจินตัย : ไม่เห่อแล้วครับ เกรงใจลูกมากๆ เพราะเรามีลูกแล้ว เพราะบางทีเราลงรูปหน้าเราเอง แต่มีคนมาคอมเมนต์ว่าไม่เอารูปพ่อจะเอารูปลูก