กรณีพนักงานสอบสวน สภ.กรับใหญ่ จ.ราชบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดแทงเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 118/2 หมู่ 5 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง ตรวจสอบพบศพนายทศพล จันทร์ดี อายุ 38 ปี ถูกอาวุธมีดแทงเข้าใต้รักแร้ด้านซ้าย 1 แผล นอนเสียชีวิตจมกองเลือด
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นลูกชายผู้เสียชีวิต โดยนายเอ เป็นเด็กพัฒนาการช้า ก่อนเกิดเหตุคาดว่าถูกพ่อดุด่า จึงโมโหและก่อเหตุดังกล่าว
ล่าสุดวันที่ 8 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนางปุ๋ย จันทร์ดี อายุ 69 ปี ย่าผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ช่วงเย็น นายทศพล กลับมาที่บ้านโดยมาช่วยตนให้อาหารหมู ก่อนนำกระสอบอาหารไปเก็บในบ้าน เห็นนายเอ นอนทำการบ้านแต่อีกมือกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ จึงต่อว่าให้ทำการบ้าน ไม่ให้เล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งลูกชายได้เถียงว่า "กำลังทำอยู่" นายทศพล จึงต่อว่านายเอจึงลุกขึ้นจะต่อยพ่อ นายทศพลตบที่ใบหน้า 1 ครั้ง แต่นายเอคว้ามีดทำครัวที่อยู่ข้างตัวจ้วงแทงพ่อตัวเอง ตนจึงรีบเข้าไปห้ามให้แยกออกจากกัน พร้อมใช้ไม้ง่ามตีไปที่หลาน 2 ครั้ง
ระหว่างนั้นนายทศพล เดินไปบริเวณครัวหลังบ้าน พร้อมเรียกตน และบอกว่าหายใจไม่ออก ตนจึงวิ่งไปดู เห็นลูกกำลังจะนั่ง มีเลือดออกทั้งปากและจมูก ด้วยความตกใจจึงหาแผลพบว่าถูกแทงที่ชายโครงด้านหลัง ก่อนที่นายทศพล จะล้มลงไปนอนและหมดสติไปในที่สุด ตนจึงพยายามตามญาติให้เข้ามาดู และเรียกรถพยาบาลแต่ไม่ทัน เพราะลูกชายเสียชีวิตแล้ว
ส่วนหลานชายก็นั่งนิ่ง ไม่หนีไปไหน ตนเข้าไปถามว่าทำไม หลานบอกว่า “พ่อตบหน้าหนู” ซึ่งตนคิดว่าหลานชายรู้ว่าตัวเองผิด แต่น่าจะพลั้งมือไปแล้ว โดยที่ผ่านมาหลานชายจะไม่เข้าใกล้พ่อ เพราะพ่อชอบดื่มเหล้าและทำร้ายแม่ตั้งแต่หลานอยู่ ป.2 จนหนีไป ซึ่งหลานก็จำฝังใจ ไม่ให้พ่อเข้าใกล้ เวลาพ่อเข้าใกล้ก็จะไล่ตลอด แต่พ่ออยากเข้าไปเล่นเข้าไปคุยกับลูก เพราะความรัก
ทั้งนี้ตนช็อกมาก หลานก็รัก เลี้ยงมาตั้งแต่ 2 เดือน และที่ผ่านมาหลานชายก็เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย แต่พัฒนาการช้า ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใครเท่านั้น โดยหลังเกิดเหตุหลานชายก็สำนึกผิด กราบพ่อ 3 ครั้ง และเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้พ่อ ก่อนถูกคุมตัวไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งตนก็อยากประกันตัวหลานออกมา เพราะสงสารหลาน คิดว่าทำไปด้วยความไม่ตั้งใจ ถ้าเป็นไปได้อยากให้มาบวชหน้าไฟให้พ่อ
ในเวลา 15.00 น. ญาติและคนสนิทร่วมกันทำพิธีรดน้ำศพนายทศพล โดยนายบุญเริง จันทร์ดี พ่อผู้ตายร้องไห้ขณะรดน้ำศพ จนญาติต้องเข้ามาช่วยกันประคองและให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไป รร.วัดหนองเสือ (ประชาอุทิศ) ได้พูดคุยกับนางสุนันทา สอนไว อายุ 55 ปี ครูประจำชั้นนายเอ (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ปกตินายเอ เป็นเด็กดี เชื่อฟังครู ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อน โดยที่ผ่านมาทราบว่านายเอ เป็นเด็กที่พัฒนาการช้า ครูก็จะคอยดูแล และเอาใจใส่ ซึ่งนายเอเขียนหนังสือได้แต่ต้องคัดลอกตาม ยังไม่สามารถสะกดเองได้ เวลาทำการบ้านต่าง ๆ ก็ต้องมีเพื่อนคอยบอกคอยสอน
ทราบว่านายเอ คุยไลน์กับเพื่อนเพื่อถามการบ้าน ไม่ได้เล่นเกม ทันทีที่รู้ว่านายเอ ก่อเหตุแทงพ่อตัวเองเสียชีวิต ตนช็อกมาก รีบตามไปที่สถานีตำรวจ พร้อมผู้อำนวยการโรงเรียน และเพื่อนครูคนอื่น ๆ ซึ่งตนได้เข้าไปคุยกับลูกศิษย์ ซึ่งตอบตนว่า "ผมงง" ตนจึงถามว่า "ทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก" นายเอ ไม่ตอบได้แต่ส่ายหน้า
โดยจากการสอบถามทราบว่า มีดที่นายเอ ใช้ก่อเหตุเป็นมีดที่ใช้ในการตัดต้นกระถิน สำหรับเลี้ยงไก่ที่โรงเรียน เนื่องจากนายเอ ดูแลโครงการเลี้ยงไก่ มีหน้าที่ให้อาหารไก่เป็นประจำทุกวัน ก่อนหน้านี้ตนบอกให้หักต้นกระถินให้ไก่กิน ซึ่งนายเอก็น่าจะพกมีดมาจากบ้าน เพื่อใช้ตัดต้นกระถิน เพราะสะดวกและเก็บมีดไว้ใกล้ตัว ซึ่งผอ.และตนพยายามจะใช้ตำแหน่งประกันตัวลูกศิษย์ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ผู้ประกันตัวต้องเป็นญาติ และใช้หลักทรัพย์เท่านั้น
โดยตนอยากให้นายเอ ได้ประกันตัวออกมาเพื่อจะได้กลับมาเรียนต่อให้จบ ม.3 เนื่องจากเหลืออีก 4 เดือน ก็จะเรียบจบแล้ว ซึ่งนายเอ เคยบอกว่าหากจบ ม.3 จะไม่เรียนต่อ โดยจะออกไปเลี้ยงไก่ เพราะชอบ ตนในฐานะครูยอมรับว่าเสียใจมาก ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตอนนี้เป็นห่วงลูกศิษย์กลัวจะไม่ได้ประกันตัว
ทั้งนี้ทีมข่าวตรวจสอบไปยังเฟซบุ๊กนายทศพล ผู้เสียชีวิต พบว่าเมื่อ 2 วันที่แล้วได้ลงรูปภาพลูกชาย พร้อมข้อความบอกรักลูกชายว่า "อยากบอกว่าโคตรคิดถึงเลย ได้แค่แอบถ่ายไกล ๆ พอ"
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สภ.กรับใหญ่ ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย พร้อมส่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดราชบุรี โดยได้ประกันตัว ไม่ต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน เนื่องจากผู้ต้องหาอายุยังน้อยและกำลังศึกษาอยู่ แต่ให้ญาติค้ำประกันว่า จะนำตัวผู้ต้องหามาที่ศาลตามนัดหมายทุกครั้ง ก่อนปล่อยตัวออกมา