จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kenzaa Standby ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์รถฉุกเฉินคันหนึ่งเปิดไซเรนขอทางขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากมีผู้ป่วยต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางในช่องเลนขวานั้นได้มีรถเก๋ง ซูซูกิ สวิฟต์ สีแดง ไม่ยอมหลบขับแช่อยู่เลนขวา เมื่อรถฉุกเฉินขับตามได้สักระยะจึงต้องแซงซ้ายโดยขณะที่กำลังแซงนั้นพบว่ารถเก๋งซูซูกิคันดังกล่าวได้เปิดกระจกพร้อมกับคนนั่งข้างคนขับหันมามอง จึงทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ต่อมาพบว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) ทั้งสองฝ่ายได้ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านอมรินทร์ ทีวี
และวันนี้ (10 เม.ย.) เฟซบุ๊กเพจ
Street Hero Project ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) ได้โพสต์คลิปที่นายภานุวัฒน์ ศรีเจริญ เจ้าหน้าที่ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ขอใช้พื้นที่เพจในการขอโทษทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยได้แสดงความเสียใจถึงผู้ป่วยที่เสียชีวิตในรถคันดังกล่าว (อ่าน:
หนุ่มสวิฟต์ไหว้ขอโทษ ขอรับผิดคนเดียว เผยฝากเป็นบทเรียน ให้หลบรถฉุกเฉิน)
ขณะที่ บริษัท สแตนบาย แอมบูแลนซ์ เซอร์วิส จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้บังคับบัญชาของพนักงานขับรถพยาบาล ได้สอบสวนและหาข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างพนักงานขับรถ ไม่ใช่ความบกพร่องของ สพฉ. แต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อการกระทำของพนักงาน ที่นำความเดือดร้อนมาสู่สังคมโดยภาพรวม ทางบริษัทไม่มีเจตนาที่จะทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง จึงได้กราบขออภัยต่อ สพฉ. และขอยอมรับผิดในส่วนของพนักงานทุกประการ
ด้าน
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จากคลิปพบพฤติกรรมผู้ขับขี่รถเก๋งคันสีแดง เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 76 กรณีมีรถฉุกเฉินมา ต้องหลีกทางให้รถฉุกเฉินวิ่งผ่านไปก่อน หนักกว่านั้นคือ นอกจากไม่หลีกทางแล้ว ยังปิดกั้นไม่ให้รถพยาบาลวิ่งแซงไปได้ ทั้งที่รถข้างหน้ายังว่างอยู่ ก็ยิ่งมีโทษหนักยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ถ้าความผิดนั้น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก็จะมีความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย แต่ถ้ามีเจตนา คือรู้อยู่แล้วว่าในรถมีผู้ป่วย ก็จะมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้น ได้ทราบชื่อเจ้าของรถคันสีแดงแล้ว โดยเตรียมที่จะออกหมายเรียกมาสอบปากคำ นอกจากนี้ จะเรียกผู้ขับขี่รถพยาบาลในคลิปดังกล่าว มาสอบปากคำด้วยเช่นกัน ซึ่งวันนี้ได้มีการโทรศัพท์ประสานเรียกสอบปากคำอย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว และหากยินยอมมาให้ปากคำ ก็ไม่จำเป็นจะต้องออกหมายเรียก
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวอยากฝากไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนได้ทราบว่า เมื่อมีรถฉุกเฉินขอทาง ก็ขอให้อำนวยความสะดวก โดยให้คิดถึงใจเขาใจเราว่าวันหนึ่งเราหรือครอบครัวอาจจะอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแล้วเราจะรู้สึกอย่างไร
อย่างไรก็ตาม
นางสาวจิราพร จุ้ยเสงี่ยม หรือ แก้ว คนขับรถยนต์สีแดง ได้ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งองค์กรที่ทำงาน ครอบครัว และสังคม สิ่งที่ตนทำลงไป ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่หลบรถพยาบาล เพราะทราบถึงหลักการทำงานเกี่ยวกับงานพยาบาล
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้รับผลกระทบเยอะมาก ทั้งในโลกออนไลน์และชีวิตจริง ซึ่งมีคนบางส่วนที่ใช้สายตาตั้งคำถามกับตน ทำให้ตนรู้สึกเครียดเป็นอย่างมาก ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้คิดร้ายกับใคร และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในขีวิตที่เกิดขึ้นกับตน จึงอยากวิงวอนให้สังคมรับฟังมุมของตนบ้าง ไม่ใช่ตัดสินโดยที่ไม่ได้รู้จักตน
ซึ่งเบื้องต้น ผู้บริหารของโรงพยาบาลราชวิถี ต้นสังกัดของตน ได้เรียกตนไปสอบถามแล้ว โดยตนก็ได้ตอบคำถามไปตามความเป็นจริง และคาดว่าหลังจากนี้ น่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบ ซึ่งตนก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการ โดยในวันพรุ่งนี้ (11 เม.ย.) โรงพยาบาลราชวิถีจะมีการแถลงข่าวในเวลา 08.00 น.