จากกรณีที่ นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา ออกมาเปิดเผยว่า ในคดีหวย 30 ล้านบาท ได้มีพยานใหม่ ซึ่งเป็นพยานจากการลงพื้นที่หาข้อมูล โดยตนพบพยานหลายอย่าง ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุ ซึ่งพยานกลุ่มนี้เป็นพยานที่ไม่เคยให้การในสำนวน แต่เป็นประจักษ์พยานที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.60 แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้สร้างพยาน เพราะในฐานะทนายไม่สามารถสร้างพยานได้
วันนี้ (10 เม.ย.) ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เล่าว่า เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ตนเดินซื้อของแล้วได้มานั่งอยู่บริเวณหน้าศาลพระภูมิ ตนเห็นลุงจรูญมาเดินดูลอตเตอรี่แต่ไม่ใช่แผงเจ๊บ้าบิ่น, เจ๊พัช หรือ เจ๊เกียว และไม่ได้มีการซื้อขายลอตเตอรี่กับแม่ค้ารายใด และไม่เห็นเขาถามแม่ค้าว่ามาตามหาเลขใดด้วย อีกทั้งที่ลุงจรูญมีการอ้างว่าซื้อลอตเตอรี่จากบนแผง ทั้งที่เลข 26 ไม่มีขายบนแผง ตนหาเลขนี้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก็ยังไม่มีติดเลขนี้ที่แผงแต่อย่างใด เพราะเลขนี้เป็นเลขดังทั่วประเทศ ส่วนตัวไม่เห็นครูปรีชามาและไม่ทราบว่าครูมาตอนไหน แต่ที่แน่ๆ ตนเห็นลุงจรูญ จำได้แม้กระทั่งว่าลุงจรูญใส่กางเกงสีครีม สวมเสื้อคอปกสีขาว
ส่วนกรณีที่ลุงจรูญจำไม่ได้ว่าขับรถอะไรมา แต่ตนเห็นว่าขับรถกระบะมา เพราะจอดอยู่บริเวณนี้ ส่วนตัวไม่ได้มีความแค้นอะไรกับใคร แต่จดจำได้เพราะอดีตเคยทำงานราชการหน่วยหนึ่ง นอกจากนี้ การที่ทนายบางคนกล่าวหาว่ามีการทำกันเป็นขบวนการนั้น เหมือนกับหมิ่นประมาทคนกาญจนบุรีทั้งหมด
ตอนนี้ตนยังไม่รู้ต้องไปขึ้นศาลวันไหน แล้วแต่ทนายความ ซึ่งได้ขอเบอร์โทรศัพท์ตนไปแล้ว เพื่อติดต่อขอไปให้ขึ้นศาล ส่วนตัวไม่กลัวว่าจะกลายเป็นพยานที่ถูกเบิกความเท็จ เพราะอีกฝ่ายนั้นโกหกเป็นคนไม่เอาใคร ตระหนี่ ภรรยาให้เงินใช้วันละ 100 บาท
นอกจากนี้ ตนยังไม่เคยไปให้การกับทางเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี และตำรวจภูธรภาค 7 ตนรอขึ้นศาลอย่างเดียว เพราะสำนวนตนขึ้นศาลไปหมดแล้ว ทนายบอกไม่ต้องกลัวแต่ที่ทนายยังไม่ให้เปิดตัว เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะทราบข้อมูลพยาน ตนคาดว่าคงจะมีพยานคนอื่นอีก แต่ไม่รู้ว่ามีใครบ้าง ส่วนตนไม่รู้จักกับครูปรีชามาก่อน แต่ที่ออกมาเพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายโกหก อ้างว่าจำแม่ค้าไม่ได้ ตอนมาชี้จุดขายหวยก็ชี้ไม่ถูก