"แอริน ยุกตะทัต" สัมผัสลี้ลับแรง โดนทักมีผีตามขี่คอไม่ยอมปล่อย!

นักแสดงสาวมากความสามารถ "แอริน ยุกตะทัต" ที่มีบทบาทนางร้ายเป็นภาพจำ ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เล่าย้อนเรื่องราวชีวิตนางร้าย ที่เล่นร้ายจนอินจัด สลัดไม่ได้ ร้ายใส่ครอบครัวจนคุณแม่รับไม่ได้ สั่งให้ออกจากวงการ รวมถึงเหลิงความมีชื่อเสียงจนเพื่อนเลิกคบ!! พร้อมทั้งเผยเรื่องลี้ลับ สัมผัสแรง ได้ยินเสียงวิญญาณนับครั้งไม่ถ้วน โดนทักมีผีตามขี่คอไม่ยอมปล่อย ปิดท้ายด้วยการแย้มเรื่องหัวใจที่ลงล็อคลงตัวสุดๆ พร้อมมีทายาทมาก แต่ยังไม่ได้วางแพลนวิวาห์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "แม่ขวัญจิต" เผยเคยถูกแฟนเพลงเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเมียของ "พ่อไวพจน์"
- "ฟอร์ด สบชัย" เปิดใจโค้งสุดท้ายในอาชีพศิลปิน ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ทิ้งทวนวงการเพลง!
- "เจจินตัย" เปิดใจวางแพลนเตรียมทิ้งงานในวงการ ย้ายครอบครัวไปใช้ชีวิตที่อเมริกาแบบถาวร!
- "ไอซ์ อมีนา" เผยปมในใจ เคยเกือบยอมแพ้เพราะถูกวิจารณ์หนักเรื่องการแสดง
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่  

ถาม อยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว

แอริน : ประมาณจะ 13 ปี ตอนนั้นเข้าวงการเป็นเรื่องที่ตลกมาก จริงๆ รู้จักกับพี่เจี๊ยบ โสภิตนภา กับ พี่อ้อม พิยดา อยู่แล้ว ไปทานข้าวด้วยกัน แล้วพี่บอย ถกลเกียรติ ก็มาทานด้วย เพราะสนิทกัน เขาก็บอกว่า แอ ไปทำผม ไปแต่งตัวหน่อย เผื่อไปเล่นละคร ตอนนั้นก็พูดกันเล่นๆ ค่ะ แล้วพี่บอยก็ถ่ายรูปแอไป แล้วก็ให้ไปแคสต์เรื่องแรกเป็นตัวร้าย แล้วก็ได้เลย


ถาม ตั้งแต่เรื่องนั้น เล่นเป็นนางร้ายมาตลอดเลยหรือเปล่า     

แอริน : มีเป็นเหมือนนางรอง แล้วก็มีแคสต์เป็นนางเอก แต่เพราะเราติดความร้าย จำได้เลยว่าแคสต์กับพี่ป้อง ณวัฒน์ เป็นฉากที่เราต้องกวาดบ้านอยู่ แล้วเขาเปิดประตูเข้ามา เราต้องแบบอุ๊ย!! อย่าสิ อะไรประมาณนี้ แต่เราเป็นแบบอย่าสิ!! แบบดูเอาเรื่องแทนที่จะเป็นนางเอกไม่สู้คนนิดนึง แต่กลับเป็นเหวี่ยงตลอดเวลา ก็เลยไม่ผ่าน แล้วนางรองก็พอได้ เพราะภาพไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น แต่ส่วนมากบทบาทที่ได้รับคือนางร้ายอย่างเดียว


ถาม ชีวิตเราที่เป็นนางร้ายมาตลอด แล้วชอบไหม

แอริน : ชอบมากค่ะ มีความสุขมาก ทุกคนจะถามว่าน้อยใจไหม ไม่เคยได้เป็นนางเอกเลย จะบอกว่าไม่น้อยใจเลย เพราะว่าเราเล่นบทดี คนอื่นแย่งซีนหมดเลย แล้วคนดูเขาไม่เชื่อเราด้วย ถ้าเราเล่นเป็นคนดี เราเป็นคนพลังเยอะ โวยวาย เราสนุกกับมัน


ถาม ถึงขนาดว่าติดนิสัยนางร้ายกลับไปร้ายที่บ้าน จนคุณแม่รับไม่ได้

แอริน : ตอนเด็กๆ เราไม่เข้าใจว่าคัท จบ กลับบ้าน แล้วเราดับไม่เป็น เรื่องแรกกลับไปโวยวายกับคุณแม่ที่บ้าน เพราะอารมณ์เราค้างจนคุณแม่บอกว่าไม่ต้องเล่นแล้วนะละคร ถ้าจะเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเล่นแล้ว เพราะนิสัยเราเปลี่ยนไปเลย พอคุณแม่พูดเตือนสติ เราก็ยังไม่ได้สติสักพักเลยนะคะ พอเข้าวงการละครเรื่องแรกมันดังข้ามคืนเลย เราเหลิง เราลืมตัวจนเพื่อนไม่คบเลย ประมาณว่าถ่ายรูปฉันอีกแล้ว วันนี้ฉันลงข่าวอะไร ประมาณนั้นเลย หลุดไปในโลกเหลิง หลงตัวเองไปเลย แต่ดีที่เพื่อนเลิกคบ ไม่งั้นก็คงไม่ลงมา ไปเจอเพื่อนแล้วเพื่อนไม่มีใครคุยด้วยเลย เขาไม่ได้หมั่นไส้ในความหลงของเรา แต่เขาพยายามเตือนสติว่าไม่ใช่นะกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ แต่สิ่งทีเรียกสติเรากลับคืนมาคือไม่มีใครคบ เราต้องนึกถึงคนอื่นนะ เวลาเราคุย เราถามเขาบ้างไหมว่าเขาเป็นยังไง ไม่ใช่ให้ทุกคนมาสนใจแค่เราคนเดียว


ถาม มีเคล็ดลับในการเล่นร้ายที่ไม่เหมือนคนอื่นไหม

แอริน : แอไม่มีเคล็ดลับเลย เราแค่เชื่อว่าเราเป็นตัวนั้นจริงๆ ก่อนที่จะถ่ายทุกครั้ง เราก็แค่ตั้งสติ แล้วคิดว่าก่อนหน้านี้เราถ่ายอะไรมาก่อน ก็ค่อยๆ จัดลำดับเหตุการณ์ แล้วเอามาประกอบการเล่นทุกครั้ง


ถาม เห็นว่าตอนเด็กๆ ก่อนเข้าวงการคือดื้อมาก ดื้อขนาดไหน

แอริน : ตอนเด็กๆ ดื้อมาก ก่อนเข้าวงการนะคะ หนีออกจากบ้านเลย ปีนรั้ว เพราะเราอยู่ที่บ้าน มีคุณตา คุณยาย คุณแม่ เราก็หนีไปเที่ยว เพราะเราขอที่บ้านแล้วเขาไม่ให้ไป แล้วโกหกว่าไปนอนบ้านเพื่อน แต่ก็ไปนอนจริงๆ นะคะ แต่ก็ไปเที่ยวด้วย พอเที่ยวเสร็จ เราก็ปีนรั้วกลับเข้ามา ถามว่าเขารู้ไหม จริงๆ แอว่าเขาก็รู้ เราก็ทะเลาะกันหนักมากกับที่บ้าน คุณยายร้องไห้เลย แต่หนึ่งอย่างที่ดีคือ แอเที่ยวแต่แอเรียนดี เขาก็เลยโอเค เพราะขอให้เราเรียน พอเรามองย้อนกลับไปในวันที่เราเกเร เราดื้อ แอรู้สึกผิดมากเลยนะ แอจะเชื่อฟังคุณพ่อ คุณแม่ให้มากกว่านี้ จะตั้งใจเรียนทำให้ดีที่สุด เพราะช่วงเวลาตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดอยู่แล้ว และมันมีค่ามากๆ เลย เราก็อยากกลับไปแก้อะไรหลายๆ อย่าง เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ให้มากขึ้นดีกว่า เพราะเราทำให้พ่อแม่เสียใจมาเยอะมาก มันไม่ดีเลยค่ะ

ถาม อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเลิกเป็นเด็กเกเร

แอริน : พอคุณพ่อเสีย ท่านหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ตอนเช้าท่านเหมือนไม่สบาย แล้วก็หลับไป ก็ไม่ตื่นอีกเลย เพราะเหตุการณ์ที่เราสูญเสียคุณพ่อไปแบบกะทันหัน เราเลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรแน่นอนเลย เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เรายังมีน้องชายอีกคน เราจะทำยังไงเพราะคุณพ่อเป็นคนรักครอบครัวด้วย เราก็คิดได้ว่าอย่าทำให้ครอบครัวเราเสียใจเราต้องทำให้ดีกว่านี้ เราเลยกลับมาทำตัวดีขึ้น


ถาม อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนใหญ่มากในชีวิตคือตรวจเจอว่าจะเป็นมะเร็งระยะที่สอง

แอริน : ใช่ค่ะ ตอนที่ตรวจเจอ เรามีอาการปวดที่ใต้ลิ้นปี่แถวๆ ชายโครง หายใจไม่ออกเลยไปโรงพยาบาล ไป MRI ไป CT Scan ไปเจาะเลือด พบซีสต์ในรังไข่ แล้วก็น้ำในปอด ค่ามะเร็งสูงมาก(ระยะที่สอง) เราก็ตรวจหลายโรงพยาบาล ซึ่งทุกโรงพยาบาลที่เราไปตรวจก็คือค่ามะเร็งสูงทั้งหมด เราก็ตรวจ แต่ไม่เจอก้อนมะเร็ง ตรวจจนเราท้อว่ามันคืออะไร มันเป็นอะไร จนแบบช่างมันไปเลย แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราป่วย เรายังใช้ชีวิตปกติ ทำงานด้วย เที่ยวด้วย ออกกำลังด้วย เพราะรู้สึกว่าตัวเองฟิตมาก รู้สึกว่าเราไม่ใช่คนป่วย หมอก็ค่อยๆ ฉีดยาให้มัน ก็หายไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่สุดท้ายเราก็ไม่รู้สาเหตุเลยว่าเป็นเพราะอะไร แต่ตอนนี้ไม่มีค่ามะเร็งแล้ว เป็นปกติแล้วสรุปไม่เป็นอะไรเลยค่ะ


ถาม แล้วสัมผัสพิเศษของเรามาตอนไหน

แอริน : ครั้งแรกๆ ที่เราจำได้ตอนเด็กๆ เลย เราไม่รู้ตัว โดนผีอำอยู่ที่บ้าน ขยับตัวไม่ได้ ตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าเพราะผีอำนะคะ คิดว่าเส้นยึด แต่พอหลายๆ ครั้ง ทุกครั้งที่เราจะขยับตัว จะมีคนมาพูด มีเสียงมาพูดข้างๆ หู ที่เราได้ยินไม่ใช่ภาษาคน อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนด้วยนะคะ เสียงที่เราได้ยินมีหลายเสียงเลยค่ะ แล้วแต่ที่ที่เราอยู่ เราได้ยินแต่เสียงนะคะ แต่เราไม่ได้เห็นเป็นรูปเป็นร่าง เขามาพูดใกล้ๆ เราเลย แต่ถ้าเราไปนอนต่างที่ เราจะได้ยินเสียงเดินด้วย เวลาที่เราไปถ่ายละคร เราต้องนอนค้าง ก็จะขอกลับบ้านค่อยข้างบ่อย ทุกวันนี้ที่บ้านยังเจอเรื่อยๆ เลยค่ะ แต่ที่เราเห็นเป็นคนเป็นรูปเป็นร่างเลยมี เห็นเป็นคุณพ่อ แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แต่แอว่าคือคุณพ่อ เรานอนอยู่ที่เตียงที่บ้าน กึ่งหลับกึ่งตื่น เรากำลังเพลียๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นคุณพ่อ เราก็ดีใจแต่ลืมว่าท่านเสียแล้ว เราดีใจมาก จะไปกอดท่าน แล้วท่านก็หายไป ตอนนั้นเป็นอะไรที่ใจสลายที่สุดแล้ว และก็เป็นครั้งนั้นครั้งเดียวที่ได้เห็นคุณพ่อ


ถาม เคยมีใจความที่เราจับได้ไหมว่าเขาพูดอะไร

แอริน : เคยค่ะ ตอนที่เราสวดมนต์เพราะเรากลัว แล้วเขาสวดตามเรา แต่เราเคยฝันแล้วเห็นเลข เราไปซื้อก็ถูกนะคะ การที่เรามีสัมผัสพิเศษแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะเราเกิดวันพุธกลางคืนด้วย ก็จะมีคนทักเราตลอดว่าจะมีวิญญาณตามเรา มีอาจารย์ที่นับถือ ท่านได้ทักเราว่าอย่าตกใจนะ เรามีวิญญาณผู้หญิงตามอยู่ เราก็ถามว่าตามยังไง ท่านก็บอกว่านั่งอยู่ที่บ่าเรา ท่านก็บอกว่าให้เราไปปล่อยเขาให้ไปปีนเขา ไหว้พระ เข้าป่า ให้เขาไปอยู่ที่นั้น


ถาม ช่วงที่โดนทัก ตอนนั้นชีวิตเราตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

แอริน : ช่วงนั้นงานเงียบค่ะ ผู้ใหญ่พูดอะไรก็ไม่ค่อยเอ็นดูเท่าไหร่ ทำอะไรก็ติดๆ ขัดๆ ไปหมดเลย ไปหาอาจารย์ไปไหว้พระ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ

ถาม เห็นว่านอกจากเป็นผู้หญิงแล้วยังมีเด็กตามด้วย

แอริน : มีอาจารย์หลายท่านเลยทักเราว่าเคยทำแท้งมาหรือเปล่า หรือว่าคนในครอบครัวเคยทำแท้งไหม เราก็ไม่รู้ เพราะเราก็ไม่เคยอยู่แล้ว ท่านบอกเราว่าเขาตามมาบอกว่าเป็นญาติ ท่านบอกเราว่าไม่ใช่คนเดียวด้วย มีหลายคนเลย ช่วงนั้นงานเราก็เงียบเหมือนกันนะคะ ติดๆ ขัดๆ มีปัญหาต่างๆ นานากับที่บ้าน กับเพื่อน วิธีการแก้ของเราคือทำบุญ อุทิศส่วนกุศล ทำทั้งหมดเท่าที่เราทำได้


ถาม ตอนนี้ยังตามอยู่ไหม

แอริน : ไม่รู้เลยค่ะ เพราะเราไม่อยากรู้ แอรู้สึกว่ามันจะทำให้เราเครียด แล้วก็คิดมาก เราถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว อุทิศบุญกุศลให้เขาไปเรื่อยๆ


ถาม ซึ่งนอกจากจะทำบุญ อุทิศส่วนกุศลแล้ว ยังด่าอีกด้วย

แอริน : อันนี้เพราะว่าเราง่วงมากๆ แล้วเราต้องตื่นเช้าไปทำงาน เรานอนไม่หลับ แอมีปัญหานอนไม่หลับอยู่ แล้วพอมาเจอแบบนี้ยิ่งแย่ไปกันใหญ่ อำบ้าง ปได้ยินเสียง แอจะรู้ว่าเขากำลังจะมา แอก็จะบอกว่าจะเอายังไง อยากไปเกิดไหม ถ้าอยากไปเกิดก็เงียบๆ จะทำบุญไปให้ เราก็พูดออกมาเสียงดังเลย พอเราตะโกนออกไปแบบนี้คือดีที่สุด เขาก็ไม่มายุ่งกับเรา


ถาม เรื่องหัวใจตอนนี้เห็นว่าเป็นสีชมพูมากๆ ใกล้แต่งหรือยังเอ่ย

แอริน : ยังค่ะ ขอยังไม่ขอ รอให้ผู้ชายมาพูดดีกว่า เราเป็นผู้หญิง พูดไปไม่ ถ้าเขาขอเราก็แต่งสิคะ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ยังมีหลายๆอย่างที่อยากให้พร้อมกว่านี้ เพราะเราก็คบกันมาก็จะ 3 ปีแล้ว จริงๆ อยากมีลูกมากๆ เพราะตอนนี้เพื่อนเราทุกคนมีลูกกันหมดแล้ว เราก็ไปฝากไข่ไว้แล้ว แต่ทำไม่ได้ เพราะไข่เราน้อยผิดปกติ เราเลยต้องปล่อยไปธรรมชาติค่ะ