เปิดใจพ่อเตะลูกน้อยตัวลอย ขอโทษสังคม รับผิดพาลถูกเมียทิ้ง ฝังใจพ่อตาด่าซ้ำ (คลิป)

กรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปเหตุการณ์ เด็กชายถูกพ่อตัวเองเตะจนตัวปลิว เพราะไม่พอใจแม่เด็กที่หลบหนีไปเนื่องจากทนพฤติกรรมของสามีไม่ไหว โดยพ่อเด็กอุ้มลูกสาววัย 2 ขวบและอีกมือก็จูงลูกชายวัย 5 ขวบ มาถามหาแม่เด็กที่หน้าบ้านพ่อตา แต่พอรู้ว่าไม่อยู่บ้านก็โมโห ใช้เท้าเตะลูกชายจนตัวปลิวไปตามแรงเตะ แต่ไม่ถึงกับล้ม เพราะใช้มือดึงแขนเด็กไว้ เด็กจึงได้แต่ร้องไห้เป็นที่น่าเวทนาอย่างยิ่ง เพราะต้องมารองรับอารมณ์ของผู้ใหญ่ ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป จึงกลายเป็นประเด็นและกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก 

ล่าสุดวันที่ 10 ธ.ค.3 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพบกับ นายอมรยศ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี หรือ บังมัส พ่อที่ลงมือก่อเหตุเตะลูกชายวัย 2 ขวบคนดังกล่าว โดยนัดพบกันที่ร้านอาหารย่านชุมนุมสหกรณ์ คลองหก ซึ่งบังมัส บอกกับทีมข่าวว่า “อยากขอโทษกับสังคม กับสิ่งได้ทำลงไป จริง ๆ แล้วใจก็ไม่อยากจะเตะลูกเลย"

แต่เนื่องจากขณะนั้นตนโมโหมาก ๆ ที่ไปตามหาภรรยาไม่เจอ จึงเดินทางไปยังบ้านของพ่อตา แต่ก็ไม่พบตัว และได้มีปากเสียงกับพ่อตา ด้วยความแค้นสะสม ตั้งแต่ลูก 2 คนเกิดมา ทางครอบครัวฝ่ายภรรยาไม่เคยถามไถ่ ไม่เคยดูดำดูดีอะไรเลย ไม่เคยช่วยเหลือ อีกทั้งทางด้านพ่อตาก็ได้ตะโกนด่าและไล่ออกไปจากบ้าน ไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ตนจึงลงมือก่อเหตุเตะลูกชาย

ส่วนความเครียดสะสมนั้น เกิดจากตนทะเลาะกับภรรยาบ่อยครั้ง เพราะฝ่ายหญิงตีตัวออกห่างไปเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา ตนจึงต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ลูกคนโต 2 ขวบครึ่ง และคนเล็ก อายุ 1 ขวบ ส่วนเรื่องที่ภรรยาทิ้งไป น่าจะเป็นเพราะตนเจ้าชู้ แต่ตอนนี้สำนึกผิดแล้ว และอยากจะขอคืนดี จะไม่ทำร้ายลูกอีก ตนขอยอมรับผิดแต่ผู้เดียว

ทั้งนี้ตนขอโทษสังคม พร้อมยอมรับผิด อีกทั้งเรื่องลูก ตนยืนยันว่าจะเลี้ยงดูต่อ และมีทางป้าของตนจะเป็นผู้ช่วยดูแล ฐานะของครอบครัวตนสามารถเลี้ยงดูลูกทั้งหมดได้

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ นางเนตร เพชรเจริญ อายุ 35 ปี พี่สาวของภรรยาบังมัส เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุและน้องสาวของตน คบหาดูใจกันมานานหลายปี มีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ช่วงหลังทั้งคู่เลิกรากันได้ประมาณ 6-7 เดือน เนื่องจากน้องสาวทนพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุไม่ไหว เพราะก่อนหน้านี้เคยโดนทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ห่างกัน ผู้ก่อเหตุมักจะมาตามง้อน้องสาวของตนบ่อยครั้ง แต่น้องสาวไม่ยอมกลับไป ผู้ก่อเหตุก็จะทักแชต โทรมาขู่ฆ่าน้องสาว และคนในครอบครัว ทำให้คนในครอบครัวเกิดความกลัว น้องสาวเลยออกจากบ้านไปเพื่อหนีผู้ก่อเหตุ แต่ก็ไม่ทราบว่าขณะนี้ไปอยู่ที่ไหน เพราะไม่สามารถติดต่อได้

ในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุก็ตามมาตามง้อน้องสาวเหมือนเดิม พร้อมกับพาลูกทั้ง 2 คนมาด้วย แต่ไม่พบน้องสาว ทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดความโมโห จึงกระชากแขนหลานชาย เหวี่ยง และตบหน้าอย่างแรง ส่วนครั้งที่ 2 ก็เตะหลานชายอย่างแรงตามคลิปที่ปรากฏ

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และรับไม่ได้ เพราะรู้สึกว่าไม่สมควรที่จะไปทำกับเด็ก ถึงแม้จะเป็นลูกแท้ ๆ ก็ตาม ตนก็อยากให้ผู้ก่อเหตุกลับมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นห่วงหลาน และอยากจะฝากถึงน้องสาว หากทราบเรื่องให้กลับมา เนื่องจากจะได้ช่วยกันดำเนินการเอาผิดผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด