จากกรณีเจ้าหน้าที่จำรวจ สภ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตริมถนนลูกรัง ทางเข้าสวนปาล์ม ในพื้นที่ ม.5 ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพถูกยิงที่ศีรษะ หู และคอ จากซ้ายทะลุขวา จำนวน 3 นัด นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองมี สวมกางเกงยีนส์ขาสั้นสีน้ำเงิน สวมรองเท้าแตะสีฟ้า สวมแว่นกันแดดสีดำ ผมทรงรองทรง มีหนวดเครา
ใกล้ศพผู้ตายมีรถจักรยานยนต์สีแดงจอดอยู่กลางถนน โดยรถจอดอยู่ปกติ ไม่มีร่องรอยการล้ม ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือนายเจษฏา อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตอาจจะแวะริมทางและได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืน บุกเข้ามายิงแล้วหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวน
วันที่ 11 ธ.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านของผู้เสียชีวิต ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พบว่าบริเวณหน้าบ้านผู้เสียชีวิตมีเต็นท์กางอยู่ 1 หลัง นางวิไล อายุ 57 ปี ป้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ก่อนเกิดเหตุหลานชายออกไปทำธุระในการโอนย้ายรถจักรยานยนต์ของพ่อมาเป็นของตนเอง ที่สภ.พระพรหม ในช่วงเช้า แต่หลานชายไม่ทราบว่าเป็นวันหยุดราชการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสงสัยว่าตนเองขโมยรถมาหรือไม่ จึงโทรมาสอบถามแม่ของผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าเป็นรถของพ่อผู้เสียชีวิตจริง จึงปล่อยตัวกลับมาที่บ้านปกติ
จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.45 น. ตนเองและแม่ของผู้เสียชีวิต นั่งคุยอยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง ซึ่งเยื้องกับบ้านของผู้เสียชีวิต สังเกตเห็นมีรถกระบะ ดีแม็กซ์ สี เทา ป้ายทะเบียน นราธิวาส ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับรถเข้ามาในซอย และเข้าไปกลับรถมาจอดที่หน้าบ้านของผู้เสียชีวิต
มีชายฉกรรจ์ 2 คนลงมาจากรถ แต่งตัวดีมาก เข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่แต่งกายสวมใส่แจ็กเก็ต กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ สวมใส่หน้ากากอนามัย ใส่หมวก รูปร่างดี อายุไม่เกิน 40 ปี เดินเข้าไปในบ้านแบบไม่ถอดรองเท้า โดยเปิดประตูเข้าบ้านเองเพราะประตูห้องผู้เสียชีวิตไม่ได้ล็อก แต่ปกติจะล็อกไว้ตลอด
จากนั้น ชายทั้ง 2 คน ได้เข้าไปพูดคุยกับหลานของตนเอง ซึ่งแม่ของผู้เสียชีวิตจึงเดินมาอยู่ที่บริเวณหน้าห้อง และถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ชายทั้ง 2 คนไม่ยอมตอบ ตอบเพียงว่าไม่มีอะไร จนแม่ผู้เสียชีวิตถามลูกชาย ก็ไม่ยอมตอบ หลานก็ตอบว่าไม่มีอะไร เดินออกมาจากบ้านเพื่อหารองเท้าใส่ คล้ายจะออกไปกับชายทั้ง 2 คน ขณะที่ชาย 2 คนนั่งคอยอยู่บนรถคันที่ขับมา จากนั้นหลานตนเองก็ขึ้นรถไป ระหว่างที่ชายฉกรรจ์ เข้ามาในบ้านใช้เวลาพูดคุยประมาณ 10 นาที ไม่มีการทะเลาะ เป็นการพูดคุยปกติ แต่จับใจความไม่ได้ว่าคุยเรื่องอะไร
หลังจากที่หลานชายออกไปกับชายทั้ง 2 คน ตนเองและแม่ผู้เสียชีวิตก็นั่งคุยกัน จึงฉุกคิดได้ว่าเหตุใดจึงพาหลานตนเองไป ตอนแรกตนเองเข้าใจว่าชายทั้ง 2 คนเป็นตำรวจ แต่หากเป็นตำรวจจริงก็ควรจะบอกว่าไปไหน หลังจากนั้นก็ค่อนข้างวุ่นวาย เพราะไม่สามารถตามหาหลานชายได้
จนกระทั่ง เวลา 20.00 น. แม่ผู้เสียชีวิตโทรศัพท์ไปหาเบอร์ลูกชาย และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับสาย และบอกว่าพบศพลูกชาย ตั้งแต่ช่วง 18.00 น. เมื่อเทียบเคียงเวลาที่หลานชายออกไปใกล้จะ 17.00 น. มองว่าชายทั้ง 2 คน อาจมีส่วนเกีย่วข้อง
ทั้งนี้ ตนเองไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น แต่ก่อนหน้านี้เห็นหลานชายเห็นโพสต์เฟซบุ๊กคล้ายมีปัญหากับใครสักอย่าง แต่ไม่ทราบว่ามีเรื่องกับใคร ก่อนหน้านี้หลานชายไม่เคยมีปัญหากับใครเลยในละแวกบ้าน แต่เมื่อหลานออกไปข้างนอกบ้านตนเองก็ไม่ทราบ และไม่มีเพื่อนที่มาหาที่บ้านเลย นอกจากหลานจะออกไปข้างนอก
นางวณี อายุ 52 ปี เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เวลาประมาเกือบ 17.00 น. มีผู้ชายฉกรรจ์ 2 คน เดินทางมาหาลูกชายที่บ้า แต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ ตนเองตกใจมาก จึงสอบถามว่าจะพาลูกชายของตนเองไปที่ไหน และเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครตอบ ตนเองสังเกตเห็นสีหน้าของลูกชายว่าไม่สู้ดี พยายามจะพาตัวลูกชายออกไปจากบ้าน ลูกชายถามชายทั้ง 2 คนว่าจะขี่รถจักรยานยนต์ตามไปได้หรือไม่ แต่ชายทั้ง 2 คนบอกว่าไม่ได้ ลูกชายจึงต้องขึ้นรถไปกับชายทั้ง 2 คน
จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ถูกยิงในเวลาต่อมา โดยชายทั้ง2 คน ตนเองไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าไม่ก่อน รวมถึงพื้นที่ดังกล่าวที่เกิดเหตุ ลูกชายตนเองไม่เคยไปมาก่อน และไม่มีญาติหรือเพื่อนอยู่บริเวณนั้นและไกลจากบ้านมาก ตนเองไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เพราะลูกชายเป็นคนอารมณ์ดี ที่ผ่านมาไม่เคยบ่นหรือระบายอะไรให้ฟัง ส่วนเรื่องนกปรอทหัวจุก ลูกชายขายไปทั้งหมดแล้ว ส่วนจะมีกับหากับคนซื้อนกหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ ความคืบหน้าทางคดีขึ้นอยู่กับตำรวจ แต่ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้ติดต่อแจ้งข้อมูลอะไรเพิ่มเติม แต่ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีถึงที่สุด
โดยก่อนลูกชายเสียชีวิต มีลางบอกเหตุเล็กน้อยเพราะ ตาซ้ายกระตุกมา 2-3 วัน ก่อนลูกชายเสียชีวิต อยากบอกว่าให้ลูกไปสบาย
นางสาวอารีญา หรือ เท็น อายุ 22 ปี อดีตแฟนสาวของผู้เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองเลิกรากับนายเจษฎาได้ 3 เดือนแล้ว ที่ผ่านมาอดีตแฟนหนุ่มจะมาปรึกษาอยู่เสมอว่าจะขายนกปรอทหัวจุกดีหรือไม่ ขายรถดีหรือไม่ มักจะเล่าให้ฟังอยู่หลายเรื่อง และสนิทสนมกันมาก แต่หลังจากที่เลิกรากันก็มีพูดคุยและติดต่อกันอยู่บ้าง หลังจากที่เลิกรากันสิ่งที่เปลี่ยนไปคือนิสัยของผู้ตายจะอารมณ์ร้อน ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน และมักจะเพ้อในเฟซบุ๊กบ้าง
ทั้งนี้ ผู้ตายเป็นคนนิสัยดี มักจะเตือนและคอยสอนตลอด อยากกินอะไร อยากได้อะไรพาไปตลอด ทำทุกอย่างเพื่อเราตลอดมา ตอนนี้ไปสบายแล้วอยากบอกว่าไม่ต้องห่วงทางนี้ แม่ของผู้ตาย ตนเองจะเข้ามาดูแลให้ ทั้งนี้ ตนเองไม่ได้สงสัยใคร แต่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนกที่ผู้ตายขายไปหมดแล้ว ลักษณะคือขายนกปรอทหัวจุก แล้วลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินจนต้องโพสต์ด่าทอ ตนเองคาดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนเรื่องยาเสพติดตนเองไม่ทราบ
ด้าน พ.ต.อ.สิชา พูนวงษ์ ผกก.สภ.เชียรใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และสืบสวนหาผู้ก่อเหตุ คาดว่าใกล้จะได้ตัวคนร้ายแล้ว ส่วนเหตุจูงใจในการฆ่ามุ่งประเด็นไปที่ ผู้ตายขายนกปรอทหัวจุกแล้วคุณภาพไม่ได้ตามที่โฆษณาไว้ หรือ การด่าทอ เพราะลูกค้าไม่ต่ายเงินค่านก อีกประเด็นคือยาเสพติด แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด