กรณีความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้าน ที่ จ.กาญจนบุรี โดยชายรายหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นพยาน 1 ใน 10 ให้กับนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งภายหลังนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความครูปรีชา ใคร่ครวญ ระบุว่า ไม่ได้นำชายคนดังกล่าวไปเป็นพยาน 1 ใน 10 เพราะจากการประเมินพบว่าคุณลุงรายนี้อายุมาก อีกทั้งสิ่งที่พูดก็ไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จอย่างไรบ้าง และสิ่งที่ลุงพูดไปนั้นเป็นความเห็นส่วนตัว และก็ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีผลอะไรต่อคดี
วันนี้ ( 16 เม.ย.) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตลาดเรดซิตี้อีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท โดยพบว่าในวันนี้
นายศรสุทธา กลั่นมาลี หรือ "ถั่วแระ เชิญยิ้ม" ดาราและศิลปินตลกชื่อดัง เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวเพื่อซื้อลอตเตอรี่ที่แผงลอตเตอรี่ของเจ๊บ้าบิ่น ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนกับครอบครัวมาท่องเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี แล้วก็แวะมาที่ตลาดเรดซิตี้ จึงได้ซื้อลอตเตอรี่ที่แผงของเจ๊บ้าบิ่นไป ส่วนตัวก็ติดตามข่าวหวย 30 ล้าน มาตลอด แต่พักหลังเริ่มเบื่อเพราะมีเหตุการณ์มากมาย
นายถั่วแระ กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้ซื้อลอตเตอรี่ไปหลายชุด แต่ไม่ได้ตั้งใจมาซื้อเลขใดเป็นพิเศษ เพราะปกติตนก็ซื้อลอตเตอรี่เป็นประจำ วันนี้เพียงแวะมาอุดหนุนแม่ค้าหวยเท่านั้น เนื่องจากเหตุการณ์หวย 30 ล้าน เหมือนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ไปแล้ว ทางครอบครัวตนจึงอยากแวะมาดูที่แผงลอตเตอรี่
นอกจากที่ตนจะได้เจอเจ๊บ้าบิ่นแล้ว ตนยังเจอครูปรีชาด้วย ซึ่งครูปรีชามีท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง ส่วนตัวก็ไม่ได้คุยกันเรื่องข่าวที่เกิดขึ้น แต่ครูปรีชาได้กล่าวขอบคุณที่มาแวะท่องเที่ยวเมืองกาญจนบุรี ส่วนตัวไม่ได้เชียร์ใครเป็นพิเศษ ตนขอเพียงให้เรื่องสงบและยุติไปด้วยดี ใครผิดหรือถูกก็ว่าไปตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า ครูปรีชาจะออกหนังสือเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้าน ซึ่งนายถั่วแระบอกว่าซื้อแน่นอน ไม่รู้ฝั่งไหนทำอะไรแต่ตนก็ช่วยทุกคนหมด หากมีโอกาสก็อยากถ่ายรูปคู่กับลุงจรูญด้วย เพราะตนถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ของทั้งสองคน ตนไม่เชียร์ใครเป็นพิเศษ เพราะข่าวมีไว้ให้เสพ เราไม่มีโอกาสที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ใคร ตนขอให้กำลังใจทั้งคู่ให้เรื่องนี้ยุติด้วยดี
ส่วนตัวซื้อลอตเตอรี่ไปแล้ว ก็หวังว่าจะถูกหวยเช่นกันสัก 60 ล้านบาท จากนั้นนายถั่วแระได้หันไปพูดคุยกับครูปรีชาว่าตนก็มาเยี่ยมในฐานะที่เป็นลูกศิษย์-ครูบาอาจารย์กัน ขอให้ครูปรีชาเป็นผู้กล่าวสวัสดีปีใหม่คนไทย ซึ่งครูปรีชาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ปีใหม่ไทยตนก็ขออวยพรให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุข และขอให้นายถั่วแระมีกิจการเจริญรุ่งเรือง
ด้าน
นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ ได้พูดถึงพยานรายหนึ่ง ที่ได้มีการให้สัมภาษณ์ออกอากาศทางช่องอมรินทร์ทีวีว่า ตนเคยเห็นหน้าเพราะเป็นลูกค้าที่แผงลอตเตอรี่ และลูกค้าร้านค้าต่างๆแต่ตนไม่เคยคุยหรือรู้จักเป็นการส่วนตัว และตนยังไม่ทราบว่าชายรายนี้เป็นพยานด้วยหรือไม่ ทราบเพียงว่าทางทนายวรยุทธได้พบปะพูดคุยกับชายรายนี้แล้ว
ส่วนนอกเหนือจากพยานรายนี้ คาดว่าน่าจะมีพ่อค้าแม่ค้า และลูกค้า ที่เขารู้ว่าครูไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีความ แล้วอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ แต่ละคนจึงเริ่มออกมาเป็นพยาน ทั้งนี้ทางทนายความของตนจะนำชายเสื้อส้มออกมาเป็นพยานด้วยหรือไม่นั้น คงต้องเป็นหน้าที่ทนายความในการลงพื้นที่ ดูแลติดต่อพยานแต่ละคนด้วยตนเอง
ครูปรีชา กล่าวต่อว่า แต่ละคนที่เป็นพยานแล้วมาพูดคุยกับทนายความนั้น เขารู้เรื่องราวมานานแล้วและอยู่ในเหตุการณ์จริง เขาก็ตั้งคำถามกับตัวเขาเองว่าในเมื่อครูไม่ได้รับความเป็นธรรม มันก็เป็นหน้าที่เขาในการมาช่วย แม้ตอนแรกเขาจะกลัวพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตอนนี้ที่กล้าออกมาเพราะเขาสงสารครูปรีชา ซึ่งหลายๆท่านก็มีคนเห็นเหตุการณ์เยอะ ส่วนที่มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงมีคนเห็นเหตุการณ์ตอนครูซื้อลอตเตอรี่จำนวนมาก ครูปรีชากล่าวว่า เป็นการแลกเปลี่ยนกันว่าใครได้เลขอะไร ซึ่งตนก็บอกไปว่าได้เลข 26
ส่วนที่เจ๊เกียวบอกว่ามีข้าราชการหลายคนเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ครูปรีชามองว่าอาจจะเป็นลูกค้าเจ๊เกียวเพราะว่าลูกค้าเจ๊เกียวมีเยอะ เรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับหวย ส่วนตัวแล้วไม่ทราบว่าพยานแต่ละคนทำงานอะไร
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีทนายษิทราโพสต์เฟซบุ๊กว่า ฝ่ายครูจะถอนฟ้องนั้น ครูปรีชากล่าวว่า ไม่มีเรื่องถอนฟ้องอย่างแน่นอน มีแต่จะฟ้องเพิ่ม เพราะทนายความกำลังทำสำนวนที่จะฟ้องบุคคลต่างๆที่หมิ่นประมาทครูปรีชา ส่วนจะฟ้องทนายความบางคนหรือไม่นั้น ทนายความส่วนตัวกำลังรวบรวมอยู่ว่ามีใครบ้าง สำหรับกรณีที่ทนายษิทราออกมาโพสต์นั้น ตนมองว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่สิ่งที่เป็นเรื่องจริงก็ต้องว่าไปตามจริง ตนถูกละเมิดก็ต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย
ทีมข่าวสอบถามต่อว่านายถั่วแระได้มาทักทายอย่างไรบ้าง ครูปรีชาบอกว่านายถั่วแระแวะมาเที่ยวช่วงเทศกาล จึงแวะมาดูเจ๊ขายลอตเตอรี่ และช่วงปีใหม่ไทยตนก็ขอให้ทุกคนโชคดี และมีความเป็นมงคลในชีวิต ส่วนหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค ตอนนี้เขียนเรื่องประสบการณ์ด้านคดีความ สิ่งที่ตนได้แง่คิด มุมมอง ประสบการณ์และบทเรียนในการดำเนินชีวิต ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผยให้ทีมข่าวดู เพราะบันทึกเป็นไดอารี่ ชื่อว่า "30 ล้าน เดอะซีรีย์"
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางต่อมายังวัดไชยชุมพล หรือ วัดใต้ เพื่อพูดคุยกับ
นางสาวปณัชญา สุขพูล หรือ
เจ๊เกียว โดยเจ้าตัวกล่าวถึงเรื่องชายที่อ้างตัวเป็นพยานว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นพยานจริงหรือไม่ แต่เขาเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ซึ่งเขาจะเห็นเหตุการณ์อย่างไรบ้างคงต้องไปถามเจ้าตัว อย่างที่ตนบอกไปตอนแรกแล้วว่ามีคนในเหตุการณ์เป็น 10 คน แต่ตนไม่ทราบว่าใครเป็นพยานบ้าง แต่ที่แน่ๆ เจ๊พัช, เจ๊เกียว และ เจ๊บ้าบิ่น เป็นพยานของจริง
ส่วน "นายแผน" หรือ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม เขาเห็นเหตุการณ์คนละเหตุการณ์กัน ตนไม่รู้ว่านายแผนเห็นหรือได้ยินเหตุการณ์อย่างไร แต่การที่นายแผนเข้ามาหาตนในช่วงแรกๆ ก็เป็นเพราะกลัวว่าจะได้รับความเดือดร้อนด้านคดี ซึ่งตนมองว่า พยานก็คือพยาน พยานจะมาเป็นผู้ต้องหาไม่ได้
ทั้งนี้ ตนอยากบอกว่า กระแสที่บอกว่าคดีหวย 30 ล้าน ทำกันเป็นขบวนการ ตนยังยืนยันว่าไม่ใช่ขบวนการ เพราะ พยาน 30-40 ปาก กับหวย 30 ล้านบาท เป็นพวกคุณจะเสี่ยงหรือถ้าหากไม่ใช่พยานตัวจริงก็คงจะไม่มาเสี่ยง พยานก็บอกได้เพียงว่าตนเห็นอะไรบ้าง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่าคู่กรณีจะตกลงกันอย่างไร และดุลยพินิจของศาลว่าจะตัดสินอย่างไร
ผู้สื่อข่าวจึงได้ถามถึงกรณีบุคคลอ้างตัวเป็นพยาน ซึ่ง เจ๊เกียว บอกว่า ชายคนนี้พูดเรื่องจริงทั้งหมด และคนในตลาดเรดซิตี้ทุกคนต่างก็พูดความจริง แม้ว่าแต่ละคนจะไม่ใช่ญาติพี่น้องกันก็ตาม ส่วนกรณีที่เขาสามารถจดจำได้ว่าลุงจรูญแต่งกายสวมเสื้อผ้าสีอะไร ก็เป็นเพราะเขาเป็นข้าราชการเก่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า แล้วทำไมลุงจรูญจึงจดจำอะไรไม่ได้เลยทั้งที่เป็นอดีตข้าราชการเช่นเดียวกัน การที่ชายคนดังกล่าวย้ำว่าทำไมลุงจรูญจำไม่ได้ เพราะแม่ค้าขายลอตเตอรี่ขายทุกวันและมีแผงอยู่กันไม่กี่เจ้า เหตุใดจึงจำไม่ได้ นอกจากนี้ พยานต่างๆที่อยู่ในเหตุการณ์ ยังมีบุคคลอื่นซึ่งเป็นข้าราชการทั้งนั้น แต่จะไปขึ้นศาลหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่พยานชายรายนี้ เป็นลูกค้าที่ซื้อหวยกับทุกแผง และเป็นคน ในพื้นที่ มาตลาดเรดซิตี้ทุกครั้งที่มีตลาด ตนยืนยันว่าเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้
ส่วนพยานบุคคลอื่นๆ ก็มาเดินตลาดนัดเรดซิตี้ประจำ ซึ่งแต่ละคนจะเห็นตอนไหน ตนไม่ทราบ เพราะบางคนอาจจะเห็นตอนครูปรีชาเดินไป บางคนอาจจะเห็นตอนลอตเตอรี่หล่น บางคนเห็นตอนซื้อก็มี ตนตอบแทนไม่ได้ว่าใครเห็นอย่างไรบ้าง ส่วนใครจะมีพยานน้ำหนักจนสามารถขึ้นศาลได้ ก็คงต้องถามทนายความของครูปรีชา
ส่วนตัวแล้วได้มีโอกาสได้พบครูปรีชาและนายแผน เพราะบังเอิญเจอกันที่วัดใต้ เนื่องจากต่างคนต่างเดินทางมาทำบุญ จึงมีไหว้อวยพรสวัสดีปีใหม่ไทยกัน ทั้งนี้ไม่ได้มีการพูดคุยกันด้านคดี เพราะใครได้ยินแค่ไหนก็ให้การไปตามความจริง ตอนนี้ต้องการพิสูจน์ความจริงเท่านั้น เพราะอย่างไรตนก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ ครูปรีชาก็ไม่ใช่ลูกค้าตน ตนพูดเพียงตามที่เห็น ส่วนตัวตอนนี้เป็นพยานที่ศาลแพ่งในวันที่ 3 พ.ค. นี้ ส่วนศาลอาญาตนยังไม่ทราบ คาดว่าไม่น่าจะมีชื่อตนในศาลอาญา
ด้าน ทนายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ลงพื้นที่ไปยังตลาดเรดซิตี้ เพื่อพบปะพูดคุยกับพยาน โดยพยานยืนยันว่าจะไปศาลอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ทนายวรยุทธ ยืนยันว่าที่ลงพื้นที่ไปคุยกับพยาน ไม่ได้มาเพื่อซักซ้อมก่อนที่จะขึ้นศาล ในวันนัดสืบพยานปากแรก เนื่องจากพยานเหล่านี้เป็นชาวบ้าน พูดความจริงตามธรรมชาติ พูดตามสิ่งที่เห็น ไม่ได้มีความกดดันอะไรทั้งสิ้น และถึงวันขึ้นศาลก็เหมือนกับด้นกลอนสดกันเลยไม่จำเป็นต้องซักซ้อมให้วุ่นวาย
อย่างไรก็ตามประเด็นของ "ลุงส้ม" ที่เป็นอดีตทหาร ตนยืนยันว่าลุงส้มไม่ได้เป็น 1 ใน 10 ของประจักษ์พยาน ซึ่ง ลุงส้มมีเจตนาที่ดี แต่ค่อนข้างที่จะพูดเยอะ ตนต้องขอพูดคุยกับลุงส้มอีกครั้งว่าข้อมูลที่ลุงส้มพูดมานั้น จะสอดคล้องกับประจักษ์พยานทั้ง 10 ปากหรือไม่
ส่วนประเด็นที่ ลุงส้ม พูดเรื่องรอยนิ้วมือเป็นเรื่องของทางนิติวิทยาศาสตร์นั้น เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวไม่มีน้ำหนัก ศาลไม่รับฟัง เพราะน้ำหนักเบาเกินไป ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนเรื่องที่เห็นการแต่งกายของ ลุงจรูญ หรือเห็นลุงจรูญ ขับรถกระบะมาตลาด ตนต้องขอพูดคุยกับลุงส้มอีกครั้งว่าเห็นจริงหรือไม่ ส่วนร้านนมดัชมิลล์ ไม่ได้อยู่ 1 ใน 10 ของประจักษ์พยานเช่นกัน เพราะร้านนมเคยให้การกับตำรวจภูธรภาค 7 ไปแล้ว
สำหรับเรื่องไดอารี่ครูปรีชาที่กำลังเขียน ยอมรับว่า ได้อ่านแล้ว แค่เกริ่นมา 2-3 บทก็รู้สึกสนุก และตลกกับมุขที่ครูปรีชานำมาสอดแทรก เพราะครูปรีชาเป็นคนตลก อารมณ์ดี จึงเขียนหนังสือออกมาได้สนุก คาดว่าเขียนเสร็จคงขายดี