รวบแล้ว "เสี่ยแพร" เสี่ยเงินกู้ทวงหนี้โหดใช้ปืนบีบีกันทุบหน้าสาวพีอาร์ คาคอนโดย่านห้วยขวาง กทม. คุมตัวมาสอบเพิ่มที่ สภ.เมืองขอนแก่น ตร.ไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 15 ธ.ค. 63 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.นพเก้า โสมนัส รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายธเนศ ปล่งขำ อายุ 46 ปี หรือเสี่ยแพร นายทุนเงินกู้โหดที่ทำร้ายร่างกาย น้องมายด์ ลูกหนี้สาววัย 19 ปี จนได้รับบาดเจ็บ โดยถูกจับกุมตัวได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองขอนแก่น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เด้ง 2 ตำรวจ! เซ่นคดีเสี่ยเงินกู้โหด ทำร้ายสาว จ่อออกหมายจับ 'เสี่ยแพร'
- เสี่ยเงินกู้โหดตบสาวด้วยปืน เหยื่อแฉกราบเท้ายังจะฆ่า แจงไม่จ่ายหนี้มือถือเสีย
- เดือด! นายทุนเงินกู้โหดจิกหัวลากพีอาร์สาว ปืนทุบหน้าปูด-ตาช้ำ
- นายทุนเงินกู้โหดกระทืบ-ปืนตบสาวพีอาร์คาสนามบอล
พ.ต.อ.นพเก้า กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเนื่องจากพฤติการณ์ผู้ต้องหากระทำการอย่างโหดเหี้ยม และไม่เกรงกลัวกฎหมาย หลังจากเมื่อวานผู้เสียหายได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ และขออำนาจศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อออกหมายจับนายธเนศ ใน 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ, ให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และเป็นผู้ทวงถามหนี้กระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ใช้ความรุนแรง หรือกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายของลูกหนี้
พร้อมกับประสานตำรวจชุดสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดี โดยในชั้นพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีสำคัญและประชาชนให้ความสนใจ และเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานหรือข่มขู่ผู้เสียหาย จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยหลังจากนำตัวผู้ต้องหามายังสภ.เมืองขอนแก่น พนักงานสอบสวนจะได้สอบปากคำขยายผลเพิ่มเติม และจะดำเนินการในทุกความผิดและทุกข้อหาอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะประเด็นเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวด้วยว่า ผู้เสียหายได้รู้จักกับผู้ต้องหาทางเฟซบุ๊ก จากนั้นได้ขอกู้ยืมเงินจากผู้ต้องหาจำนวน 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 จำนวน 10,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 20,000 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 40,000 บาท และครั้งที่ 4 จำนวน 80,000 บาท รวม 150,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน หรือร้อยละ 240 ต่อปี ผู้เสียหายได้ชำระหนี้เรื่อยมา แต่บางครั้งขาดส่งโดยได้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา และผู้ต้องหาอ้างว่าผู้เสียหายมีหนี้ค้างจำนวน 130,000 บาท ซึ่งความจริงมีหนี้เพียง 70,000 บาท
ทั้งนี้ วันเกิดเหตุขณะที่ผู้เสียหายทำงานอยู่สนามฟุตบอลหญ้าเทียมแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น ผู้ต้องหาได้เข้าไปทวงถามหนี้ที่บ้านพัก แต่ไม่พบจึงได้โทรศัพท์มาหาเพื่อทวงถามหนี้จำนวน 130,000 บาท แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงได้วางสายไป ต่อมาผู้ต้องหาได้เดินทางมาพบผู้เสียหาย จากนั้นได้ลงมือทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตามที่ปรากฎในภาพจากกล้องวงจรปิด