กรณี น.ส.กันย์ลภัส อายุ 51 ปี เจ้าของธุรกิจทำหลังคา พร้อมสามี เดินทางเข้าร้องเรียนที่สำนักงานทนายคู่ใจ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กับนายรณณรงค์ แก้วเพชร์ ประธานเครื่อข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉร่างทรงตุ๋น 42 ล้านวางแผนจะฆ่าลูกเหยื่อฮุบมรดก เฉลยผีเปรตทุกคนทำได้
หลังจาก น.ส.กันย์ลภัส ตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นร่างทรง และหลอกลงทุนสูญเงินไปกว่า 42 ล้านบาท จึงนำเอกสารหลักฐานมามอบให้ช่วยเหลือ ดำเนินคดีกับกลุ่มร่างทรงดังกล่าว
น.ส.สาวกันย์ลภัส ระบุว่า เป็นการแนะนำจากร่างทรงว่าเป็นความเชื่อ ให้เอาวิญญาณของลูกตนที่เคยแท้งไปมาอยู่ในหม้อดินที่มีการปิดไว้ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเรา และยังมีแผ่นไม้ 8 เหลี่ยม ที่ลงอักขระชื่อลูกสาวและชื่อของตนไว้ในแผ่นไม้ อ้างว่าเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากนี้ยังตั้งศาลเจ้าที่ เนื่องจากปกติจะตั้งไว้หน้าบ้าน แต่ตั้งแต่นั้นมาแนะนำให้เคลื่อนย้ายศาลมาอีกด้านหนึ่ง
ล่าสุดวันที่ 15 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ น.ส.สาวกันย์ลภัส ผู้เสียหายได้ชี้จุดที่วางของขลัง ได้แก่ ศาลจีนตั้งอยู่หน้าบ้าน ส่วนของขลังชนิดอื่นจะถูกวางไว้ในห้องพระบนชั้น 2 ของบ้าน ได้แก่ ผ้าแพร หม้อเก็บวิญญาณ และแผ่น 8 เหลี่ยมวางไว้ข้างกัน ทั้งนี้บนชั้นวางยังมีชุดโจงกระเบนเด็กใส่ไว้ในตะกร้า และหางช้าง เมื่อก่อนจะพกติดไว้ในกระเป๋า เพื่อป้องกันผีสาง
น.ส.สาวกันย์ลภัส เปิดเผยว่า หลังจากเสร็จเรื่องราวทุกอย่าง ช่วงต้นปี 64 ตนตั้งใจว่าจะย้ายศาลจีนกลับเข้ามาในบ้าน และอาจจะมีการทำบุญบ้าน ทั้งนี้ในทุก ๆ ครั้ง ตนไม่เคยขอความช่วยเหลือจากร่างทรง แต่ร่างทรงจะทำทีนำเสนอเรื่องราว เหมือนจับจุดอ่อนของตนได้ แล้วทำให้ตนรู้สึกคล้อยตาม
โดยเหตุการณ์ที่ทำให้ตนหลงเชื่อ มีเพียง 2 เรื่องเท่านั้น ได้แก่ อ้างว่าตนเป็นทายาทของผีฟ้า และทวดของตนถูกฝังทั้งเป็น ซึ่งทวดของตนเป็นผู้หญิงครองรัฐ แต่ไม่ได้แต่งงาน ให้ทำพิธีรับทวดเข้าไปอยู่ในร่างของร่างทรง เพื่อที่จะได้สื่อสารกัน
ส่วนเรื่องลูกที่ตนแท้ง บอกว่าลูกอยากจะสื่อสารกับตน เลยทำพิธี ทุกครั้งที่ทำพิธีเสียงร่างทรงก็จะเปลี่ยนเป็นเสียงเด็กทันที ส่วนเรื่องธุรกิจนั้น ร่างทรงไม่เคยให้คำปรึกษา มีแต่ตนที่จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาแทน ตอนนี้สภาพจิตใจของตนยังทำใจลำบาก ทั้งนี้ตนมองว่า ร่างทรงรายควรจะสำนึกบุญคุณที่ตนเคยให้ที่อยู่อาศัยบ้าง และถึงแม้ว่าตนจะถูกประณามว่า เป็นคนโง่ ตนยอมโง่ เพื่อกระชากหน้ากากของร่างทรง เพราะคนนี้ไม่ได้กระทำแค่ตนเพียงคนเดียว คนอื่นก็ถูกกระทำด้วย
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านญาติของนางซิ้ม ในอ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โดยพบกับพ่อและพี่ชายนางซิ้ม กล่าวว่า ลูกสาวไม่ได้เป็นร่างทรงตามที่มีข่าวออกมา รวมถึงไม่ได้หลอกเอาเงินฝั่งคู่กรณีแต่อย่างใด เพราะจำนวนเงิน 42 ล้านบาท ไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ ที่จะสามารถหลอกเอามาได้ง่าย ๆ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าลูกสาวน่าจะมีปัญหาทางธุรกิจที่ลงทุนด้วยกัน แล้วแบ่งเงินกันไม่ลงตัวมากกว่า โดยโรงงานที่ลูกสาวทำธุรกิจก็เป็นการเช่าพื้นที่ ไม่ได้ซื้อมาเป็นของตัวเองแต่อย่างใด
ทั้งนี้กรณีผู้เสียหายอีกรายออกมาบอกว่า ถูกหลอกยืมเงินไปนับล้านบาทเพื่อทำธุรกิจที่ดินนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เงินดังกล่าวเป็นเงินเกี่ยวกับการซื้อหวย ซึ่งเจ้าตัวรู้ดี หากพูดไปก็จะเข้าตัว ตอนนี้ลูกสาวน่าจะกำลังปรึกษาทนาย เพื่อเตรียมดำเนินการบางอย่างแล้วเช่นเดียวกัน ขอให้ผู้สื่อข่าวรอฟังความชัดเจนอีกครั้ง เชื่อว่าลูกไม่น่าจะเครียดเพราะเป็นผู้บริสุทธิ์
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความชื่อดัง เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้เสียหายจากร่างทรงติดต่อเข้ามา เท่าที่ทราบจะมีที่ สน.บางเขน 1 คดี สน.คันนายาว 1 คดี สน.หนองจอก 1 คดี และอาจจมีคดีที่ จ.นครปฐม 2 คดี คดีนี้เป็นคดีฉ้อโกง ไม่ใช่คดีฉ้อโกงประชาชน จึงสามารถยอมความได้ เพราะเป็นความผิดส่วนตัว เฉพาะข้อหาฉ้อโกงประชาชน แต่อาจจะมีข้อหาอื่นที่ยอมความไม่ได้ อย่างเช่น ข้อหาเกี่ยวกับเรื่องการทำเอกสาร หรือการแอบอ้างบุคคลอื่น
ส่วนเรื่องชื่อผู้ครองที่ดิน หรือทรัพย์สินที่กลายเป็นชื่อของร่างทรงไปแล้ว ประเด็นนี้ถ้าผู้เสียหาย ให้เงินร่างทรงเอาไปซื้อที่ดิน เงินเป็นของผู้เสียหาย แค่ให้ร่างทรงเอาไปซื้อ แล้วถือชื่อครอบครองแทน ในทางกฎหมายผู้เสียหายมีสิทธิ์เรียกคืน เพราะแค่ฝากทรัพย์เอาไว้ ให้ถือครองแทน ระยะเวลาฟ้องร้องของคดีอาญา 3 เดือน ส่วนของการเรียกทรัพย์คืน ไม่มีกำหนดระยะเวลา