ทำเอาแฟนคลับใจหายใจคว่ำ หลังมีข่าวสะพัดถึง "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" คิดลาวงการ ล่าสุดเจ้าตัวออกโรงเคลียร์ชัด ตอบทุกดราม่าจนถึงเรื่องความรัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” ฟุ้งธุรกิจขนมเปี๊ยะ ทำกำไรหลักล้าน!
- "ท็อป ดารณีนุช" ร่วมกับ "เจนนิเฟอร์ คิ้ม" บริจาค Video Laryngoscope มูลค่าเกือบครึ่งล้านบาท!!
- “เจนนิเฟอร์ คิ้ม” จัดงานวันเกิดเรียบง่าย เผยสิ่งที่อยากได้คือ “สามีรวย” (คลิป)
เจนนิเฟอร์ คิ้ม เผยว่า มันเป็นเรื่องของสังขารจริงๆ ใส่ส้นสูงก็เจ็บขา เดินก็เจ็บขา ขึ้นบันไดก็เจ็บ คือข้อเข่ามันมีท่าทางว่ากำลังจะเสื่อม ก็คิดว่าจะพักสักปี 2-3 ปี ไม่ร้องเพลง ไม่รับงานอะไร อยู่บ้านเฉยๆ พักผ่อนเพื่อรักษา แต่ก็มานั่งคำนวณแล้วว่าถ้าผ่าเข่า ถ้าออกไปให้ชาวบ้านเห็นมันจะเป็นยังไง ก็เลยคิดโน่นคิดนี่ ทำไปทำมา นึกในใจว่าถ้าเป็นนักร้องมันก็ต้องเป็นนักร้องจนวันตาย จนกว่าเราจะไม่อยากร้องเอง
แผนการออกจากวงการ นอกเหนือจากเรื่องหัวเข่าแล้วมันมีเรื่องอื่นประกอบด้วยไหมอย่างเช่นเสียง คิ้ม เผยว่า เสียง เวลาที่เรารักษามันดีๆ เราไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ นอนให้เต็มที่ มันอาจจะเรื่องเสียงสูงที่อาจจะถดถอยลงมาหน่อย แต่ไม่น่าเกลียด แต่เข่า แม้จะไม่ค่อยได้ใช้แล้ว แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะว่าใช้ไปเยอะแล้ว ก่อนหน้านั้นหรือถ้าไม่เป็นความเสื่อม ต่อให้ไม่ใช้อะไรมากมันก็เสื่อมตามวัยตามสภาพ บางคนเสื่อมเร็วบางคนช้า
หลายคนมองว่าพี่อาจจะอิ่มตัวกับวงการ คิ้ม ระบุว่า พี่ไม่เคยอิ่มตัววงการนี้ สมมุติว่าร้องเพลงจนไม่มีแพชชั่นอยากร้องเพลงแล้ว ฉันก็ทำ YouTube ทำรายการแม่คิ้มกินรอบวง ทำรายการแม่ยั่วเมือง เราคิดว่าไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ศักยภาพตัวเรามันจะมีหลายๆอย่าง เพียงแต่เราอย่าไปยึดมั่นว่าฉันเป็นนักร้องจะต้องร้องเพลงอย่างเดียว เราสามารถแตกแขนงความสามารถไปได้อีกหลายๆ ทาง ก็เลยไม่คิดว่าจะต้องหยุดทำงาน
อยู่วงการมานานคิดว่าทำทุกอย่างโอเคหรือยัง หรืออยากจะทำอะไรอีก คิ้ม เผยว่า “อยากจะทำอะไรเพิ่ม คืออยากจะมีผัวรวย กินอาการเสริมให้เข่าดีจะได้วิ่งตามผู้ชายได้บ้าง เพราะผู้ชายอายุน้อยกว่าเราไม่ต้องวิ่งหรอก เอาตังค์โปรย”
ทุกวันนี้ยังรอคอยความหวังนั้นอยู่มั้ย คิ้ม เผยว่า “ไม่รอแล้วพอแล้ว ฉันไปข้างหน้าแล้ว คือเป้าหมายหลักของเรามันไม่ใช่..มันถึงวัย แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าวัยไหน มันก็อยู่กับแนวคิดของคุณ ถ้าคุณคิดว่าอยากมีลูกมีผัวเหมือนคนอื่นๆ ความสมบูรณ์แบบของเราคือการมีลูกมีผัวเหมือนคนอื่นๆ ถ้าคิดแค่นี้คุณก็จะเป็นแค่ผู้ตาม คือเราอาจไม่สามารถเก่งแบบคนเหล่านั้นได้ในแง่นั้น คือคนเรามีแง่เก่งต่างกัน เราอาจจะทำงานเก่ง คือภาระที่เราแบก คือแบกครอบครัวเอาไว้แล้ว”
เคยคิดไหมว่าจะเกษียณอายุการทำงานของตัวเองตอนไหน คิ้ม เผยว่า “คำว่าเกษียณอายุมีไว้สำหรับคนที่ตั้งเป้าไว้อย่างนั้น ว่าทำมาเยอะแล้ว เหนื่อยแล้ว อยากจะพัก แต่เรารู้สึกว่าเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เราทำงานงานหนึ่งสำเร็จ เราไม่ยึดติดกับชิ้นนั้น เสร็จไปแล้วหาชิ้นใหม่มาทำอีก แล้วเมื่อมันสำเร็จคือรางวัลของเรา เหมือนเป็นการทำไปด้วย พักผ่อนไปด้วย พี่ไม่ได้เป็นคนที่ว่าให้รางวัลตัวเองสิ จะให้ทำไม ก็งานนั้นสำเร็จแล้วนั่นคือรางวัลของฉัน ฉันไม่ต้องไปเที่ยวก็ได้ขอให้มีงานทำ ฉันไม่ต้องมีอะไรเยอะแยะเหมือนคนอื่นเลย ขอให้ฉันคิดอยากทำอะไรให้มันสำเร็จแค่นั้น”
มองยังไงกับชื่อเสียงที่มีขึ้นและมีลง คิ้ม เผยว่า "จริงๆก็อยากจะมีชื่อเสียงตลอดเวลา ไม่อยากให้ใครลืมแต่มันเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ทุกอย่าง มันเป็นกราฟปกติ มันเป็นวัฏจักร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ถ้ายอมรับสิ่งนี้ได้ เหมือนเรารู้แพตเทิร์น”
เวลางานน้อยมีท้อไหม คิ้ม เผยว่า "งานน้อยมีช่วงท้อไหม มี แต่พอดูเงินในบัญชีแล้ว เอาเถอะน่า เอาเถอะ หามาเยอะแล้วจะหาอะไรนักหนา ถ้าสิ่งที่เรามีอยู่มันคือความพอใจของเราแล้ว เงินในบันชีอาจจะไม่ได้เยอะเท่าคนอื่นแต่ฉันพอใจ ดีกว่าสมัยที่ฉันเป็นเด็ก ความเสื่อมในความนิยมมันเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ถามว่าน้อยใจไหม ทุกคนจะต้องผ่านจุดนี้ให้ได้ เหมือหกล้ม แผลถลอกเลือดออก มันแสบนะ แต่เดียวพอแผลตกสะเก็ดมันก็จะหาย”
จะบอกว่าไม่ได้มองถึงเรื่องความรักเลย คิ้ม เผยว่า “อุ้ยตายแล้ว ตอนนี้เธอต้องให้ฉันหาฮวงซุ้ยแล้ว หาโลงศพแล้ว เธอกล้าพูดว่าฉันหาความรัก”
ก็คือโลกมันหมุนด้วยความรัก คิ้ม เผยว่า "โลกหมุนด้วยความรัก (หัวเราะ) เธอยังอายุไม่ถึงเลข 4 เลข 5 เท่าฉัน โลกมันหมุนด้วยเงิน โลกมันหมุนด้วยเงิน โลกมันหมุนด้วยเงิน ผู้ชายมันหมุนรอบตัวเราด้วยเงิน”
หมายถึงเราก็ปิดตายเรื่องความรักไปเลย คิ้ม เผยว่า “ฉันไม่เคยบอกนะว่าปิดตาย ฉันเปิดอ้าไว้จนแห้งไม่เห็นมา ประตูหน้าที่มันแห้งมากคือ”
ณ ตอนนี้สำหรับเรามันไม่มีความคิดเลยใช่ไหม จะได้ยกเป็นไอดอล คิ้ม เผยว่า “ป้าที่บ้านอายุเท่าไหร่ที่ ถ้าป้าอายุ 50 ป้าจะตอบเหมือนแม่เลยว่าเวลาเราผ่านอะไรมาเยอะแยะจนเรารู้สึกว่าเรารักตัวเอง เรารู้สึกว่าแค่นี้พอแล้ว เราก็มองเห็นได้ว่าเวลาคนคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็แล้วแต่ ความดีเรารับได้ แต่ความเ..ย ของมันที่ตามแบบเนี่ย บางทีเราต้องแบกไว้ อย่างครอบครัวของมันทุกอย่างของมัน เอาไปเอามา เราไม่ได้มาแค่พ่อแม่ เราเคยคิดไหมว่าคุณจะต้องเจอเรื่องนี้
คนหนึ่งอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เราคิดไว้ในระยะยาว ถ้าเราคิดจะเป็นยังงั้น เราต้องพร้อมที่จะแบกรับปัญหาต่างๆ ที่กลับเข้ามาด้วย แต่จริงๆ เป็นคนที่บ้างาน ชอบทำงาน ไม่มีเวลาที่จะต้องไปนั่งคิดว่าเรื่องของคุณ ปัญหาของคุณออกไปจากชีวิตเรานะ เข้ามาแล้วทำให้เรากลายเป็นคนอ้วนก็ไม่ได้ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ อยู่เฉยๆ เราก็ดีแล้ว ก็เลยไม่คิดเรื่องพวกนั้น คิดว่าพี่ว่าเป็นไปตามวัย คนเราพอถึงวัยหนึ่งอายุ 50 แล้ว ให้พี่บอกว่าฉันก็ยังมองหารักแท้อยู่ ระหว่างรักแท้กับไม่มีกิน เลือกเอานะคะ”
การผันตัวมาเป็น YouTuber คิ้ม เผยว่า “จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีงานทำ (หัวเราะ) ก็ต้องหาอะไรทำ จะให้แม่นั่งเงียบอยู่ที่บ้านคนเดียว นั่งเกาอยู่ที่บ้านคนเดียวก็คงไม่ใช่ (เกาอะไร?) เกาประตู เกาหัว อยากขยี้ คือจริงๆ YouTube มันทำอะไรเพื่อความสนุก มันต้องเริ่มต้นจากทำให้เป็นตัวของตัวเองก่อน ฉันชอบแบบนี้ คนจะดูน้อยก็ช่าง ฉันอยากเป็นแบบนี้ ถ้ามันดีมันสามารถที่จะหาเงินมาให้เราได้ ก่อให้เกิดเป็นผลประโยชน์มากมาย ก็ถือว่าโชคดี แต่ถ้าใครวางแผนมาตั้งแต่เริ่มต้นว่าทำยังไงให้มันดัง ให้มันรวย ให้มันเปรี้ยง มันก็จะยาก เหมือนกับที่ต้องจะจับผัวรวยๆ ก่อนที่จะต้องหาผู้ชายคนหนึ่ง ฉันว่าคนนี้ดี คนนี้มันส์แน่ๆ อย่างนี้ดีกว่า”
หลายคนบอกว่า YouTuber เป็นสิ่งที่วัยรุ่นทำ แต่ในฐานะที่เราอาวุโสเรามีเคล็ดลับยังไงให้คนมาดู คิ้ม เผยว่า “พี่ว่า YouTube มันเป็นของคนทั้งโลก มันไม่ใช่แค่เฉพาะวัยรุ่นหรอก การที่เราบอกว่ามันเป็นของวัยรุ่น เพราะว่าวัยรุ่นสามารถสร้างยอด subscribe สร้างยอดวิวได้ เด็กก็ทำได้ คนแก่ก็ทำได้ มันเป็นโลกกลางๆ ที่ทุกคนเลือกที่จะเป็นพื้นที่กว้างๆ ที่ไม่ว่าต้นอะไรก็จะโผล่ขึ้นมาโตขึ้นมาได้ มันขึ้นอยู่กับว่ามันโตมายังไง อยู่ในดินสภาพไหน คือมันมีกลุ่มคนอยู่หลายกลุ่มคน และใครเริ่มทำ YouTube อยากเป็น YouTuber แม่บอกว่าให้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก่อนแล้วก็ทำไปก่อนเริ่ม ทำไปเลยดีหรือไม่ดีคนที่เข้ามาช่วยบอกช่วยติ แล้วก็ติเพื่อก่อ เราจะได้รับรู้สิ่งเหล่านั้นแล้วก็มาแก้ไขไป พวกด่าด่าด่าด่า ก็ช่างมันเถอะ เพราะว่าแม่ก็โดนด่า ด่ามาก็ด่ากลับ”
อนาคตถ้า YouTube มันปังกว่า มีโอกาสทำแบบจริงจังไหม คิ้ม เผยว่า “อนาคตอะไรปังกว่าแม่ก็ยังนั่งนึกไม่ออก มีความรู้สึกว่า ถ้ามันดีจริงๆ เราก็สบายใจ เปิดร้านอาหารเราอาจจะไปเปิดกิจการทำอย่างอื่นไปเรื่อยๆ เพราะว่าเรารู้สึกว่ามันสนุกกับการที่ได้ทำในสิ่งที่ท้าทายเรา ได้เงินมาเยอะๆ เอาที่ได้เงินมาเยอะๆ มันไม่ได้ท้าทายอะไรเลยนะ เหมือนเราแต่งผัวคนหนึ่ง ผัวรวยมาก ไม่ได้ให้เราทำอะไรเลยให้เรานั่งอยู่เฉยๆ แล้วก็บอกว่าหมดแพชชั่น ทั้งๆที่ตังค์เยอะ แต่ฉันก็หมดแพชชั่นได้เหมือนกัน”
จะมีเพลงใหม่ไหม คิ้ม เผยว่า “อุ๊ยตายแล้ว เปิดฟังพร้อมกันงานศพเลยค่ะ(หัวเราะ)”
เผื่อเปลี่ยนใจ คิ้ม เผยว่า “มีคนชวนอยู่ตลอดเวลานะ ว่าทำโน่นทำนี่ไหม แต่ว่ามีความรู้สึกว่าทุกวันนี้แวดวงของวงการเพลงของเรามันตกต่ำขึ้นเรื่อยๆ พอดูไอ้แจ๊ค (แฟนฉัน) มันทำเพลงแล้วรู้เลยว่ามันตกต่ำ มาถึงยุคมืดของแวดวงการทำซิงเกิลแล้ว แจ็ค แฟนฉันออกขึ้นมาทำเพลงเกิดมาเพื่ออกหัก แล้วบังคับให้คนโน้นคนนี้ร้อง ฟีเจอริ่งบ้าง คัฟเวอร์บ้าง เป็นยุคของการที่ใช้คอนเนกชั่นส่วนตัว แล้วก็ใช้ความเป็นส่วนตัว แม่บอกว่าศาสตร์และศิลป์ของการร้องเพลงมันหายไป แต่ว่าก็เป็นเพลงที่เพราะนะ เอาจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ทำถูกที่ถูกเวลา”
แสดงว่าจะไม่ทำแล้ว คิ้ม เผยว่า “ดูอย่างตั๊ ก ศิริพร เพลง ดึงดัน นางบอกว่าตอนครบล้านวิวนางจะกระโดด ก็เลยไปท้านางว่าถ้าร้อยล้านวิวขอให้ไปกระโดดตึก ช่วงเวลานี้ 80 ล้านวิวแล้วเนี่ย เลยบอกว่าไปลาลูกลาผัวซะ เพราะบอกแล้วนะว่าร้อยล้านวิวให้ไปกระโดดตึก ไม่ใช่กระโดดธรรมดา ทุกวันนี้อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ แต่มันเป็นเรื่องของดวง และทำให้ถูกจังหวะ เพลงเกิดมาเพิ่งอกหักของแจ็คน่าจะเดาว่าได้ 10 ล้านวิว 10 ล้านวิวก็บุญหัวแล้ว จะต้องบวชแล้วแหละ แจ็ค"