นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา ทนายครูปรีชา ยัน พยานเพียบขึ้นศาล เห็นจริงคนละจุด - สุกิจ ฟันธง ข้อ กม. 30 ล. ของลุงจรูญ
จากกรณีที่อัยการได้ตีกลับสำนวนคดีหวย 30 ล้านบาท กลับไปที่กองบังคับการปราบปราม โดยมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปที่ ปปช. เนื่องจากเห็นว่าคดีมีความเกี่ยวพันกันในเรื่องของการทุจริตของบุคคลในภาครัฐ นั้น
วันนี้ ( 18 เม.ย.) นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยว่า มติที่ออกมานี้ย่อมเป็นผลดีกับฝ่ายตน เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.) ที่ศาลอาญารัชดา มีนัดรายงานตัวของครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ทั้ง 2 คน ก็ไม่ถือว่าเป็นจำเลยในศาลอาญาแล้วเพราะครบกำหนดควบคุมตัว ซึ่งพรุ่งนี้ ครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น ยังคงจะเดินทางไปที่ศาลพร้อมทั้งจะไปขอถอนเงินประกันตัวที่ใช้ประกันไว้ ทั้งนี้กรณีอัยการชี้ให้ส่งสำนวนไป ปปช. นั้น ไม่มีอะไรที่เป็นกังวลและไม่มีผลเสียต่อการสู้คดีฝ่ายตน จากนี้ตนต้องรอว่ากองปราบฯ จะส่งสำนวนไป ปปช. เมื่อใด และ ปปช.จะรับเรื่องหรือไม่ หากรับตนก็จะทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อไป
ทั้งนี้ตนไม่มีความเห็นที่อัยการมีคำสั่ง ตนเคารพในคำสั่งของอัยการ และจะดำเนินตามกระบวนการ ส่วนเรื่องคดีตอนนี้ก็ยังคงเหลือคดีที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ตนทำเรื่องฟ้องเอง โดยมีนัดขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ ส่วนกรณีที่มีประชาชนที่ตลาดเรดซิตี้ บอกถึงภาพวงจรปิดร้านทอง ที่อาจจะเห็นเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุหวยตกนั้น ส่วนตัวยังไม่ได้ตรวจสอบ และตนก็ยังไม่มีหลักฐานในส่วนนี้ และหากมีจริงก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในคดีนี้ได้ ส่วนกรณีที่ ลุงจรูญ ชี้ที่ซื้อลอตเตอรี่ผิดนั้น ส่วนตัวคิดว่ามีผลต่อคดีแน่นอน เนื่องจากทำให้รู้ได้ว่าไม่ได้ซื้อจริง ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้ว ส่วนหากอ้างในศาลว่าจำไม่ได้ ซึ่งการอ้างว่าจำไม่ได้ไม่มีน้ำหนักในชั้นศาล เนื่องจากเป็นข้ออ้างที่ง่ายต่อการยกมากล่าวอ้าง
ส่วนที่ อาจารย์ปรเมศร์ ได้มาออกรายการ "ต่างคนต่างคิด" วันนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่า การที่พยานฝ่ายใดที่เพิ่งออกมาในช่วงนี้ โดยอ้างว่ากลัวนั้นอาจดูไม่น่าเชื่อถือ ทนายวรยุทธ ระบุว่า เป็นสิทธิ์ที่คนจะคิดแบบนั้น แต่อยากให้มองธรรมชาติของชาวบ้าน ที่ไม่อยากไปยุ่งเรื่องของใคร ประกอบกับความกลัวเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้อยากให้นึงถึงสถานการณ์ของคดีในช่วงแรกว่า ขณะนั้นตำรวจภาค 7 มีความเห็นว่าหวยเป็นของครูปรีชา ทำให้พยานเหล่านี้ไม่จำ เป็นที่ต้องออกมา
แต่ภายหลังที่กองปราบฯ มีความเห็นว่าครูปรีชาเป็นฝ่ายผิด ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้พยานเหล่านี้ออกมา แต่จะด้วยความสงสารหรือเหตุผลอะไร ตนตอบไม่ได้เพราะเป็นเรื่องความรู้สึกของพยาน และที่ อาจารย์ปรเมศร์ ระบุว่า เหตุใดพยานจึงจำเหตุการณ์ได้ ทนายวรยุทธ ระบุ กรณีนี้เป็นหน้าที่ของทนายฝ่ายลุงจรูญ ที่จะซักถามพยานบนศาล แล้วจะรู้ว่าตัวละครแต่ละคนรู้เห็นอะไร และเพราะเหตุผลอะไรจึงจำได้ ซึ่งตนสอบถามแล้ว โดยพยานแต่ละคนจะเห็นเรื่องราวแตกต่างกัน แต่ละคนเห็นคนละจุด ทั้งนี้ทนายวรยุทธ ยังฝากไปถึงลูกความฝ่ายคู่กรณี โดยบอกว่า ที่ตนฝากกลับไปคิดเรื่องวันที่ 28 พ.ย.60 ตนก็ยังไม่ได้คำตอบ แต่วันนี้ตนจะฝากให้กลับไปคิดอีกว่า ฝ่ายคู่กรณีซื้อหวยงวดที่ 1 พ.ย.60 ตัวอื่นยังไม่ถูกเลย แล้วจะมาถูกรางวัลที่ 1 ได้อย่างไร พร้อมถามว่า ซื้อหวยกับใครจำได้ไหม ส่วนครูปรีชายังมีหลักฐานว่าถูกรางวัล ซึ่งสามารถเชื่อได้ว่าครูเป็นเจ้าของหวยชุดรางวัลที่ 1
ด้าน ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ในคดีนี้ตำรวจกล่าวหาว่าอดีตผู้การเมืองกาญฯกับครูร่วมกันทุจริต ทั้งที่ตำรวจไม่มีอำนาจในการสอบสวน มีเพียงอำนาจในการรวบรวมหลักฐานส่งให้ ปปช.ภายใน 30 วัน แล้วหากเกิน 30 วัน ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น การที่อัยการส่งสำนวนคืนให้ ปปช. ก็เพื่อให้ ปปช. รับสำนวนไว้แล้ว จัดตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไตร่สวน โดยการไตร่สวนของ ปปช. นั้นไม่ได้เคร่งครัดแบบตำรวจ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ต้องหาเดินทางไปสอบ ผู้ต้องหาสามารถที่จะทำเป็นหนังสือชี้แจงไปได้ โดย ปปช. จะดูจากตัวอักษรคำชี้แจงพยานบุคคลต่างๆจะไม่เกี่ยวข้อง
ส่วนตัวมองว่าลำพังเพียงการแก้ไขสำนวนยังไม่ถือว่าเป็นการทุจริต เพราะการทำสำนวนให้กลมกลืน ตามพจนานุกรม คือการแก้ไขเพื่อให้อ่านรู้เรื่อง กลมกลืนจึงไม่ได้หมายความว่า ทุจริต ทั้งนี้ หากทาง ปปช. จะชี้มูลว่ามีความผิดหรือไม่ผิดตนคงตอบไม่ได้ แต่ทางกฎหมายเขาเขียนไว้ว่า "ส่อไปในทางทุจริต" ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทุจริตเลย เป็นเพียงการส่อทุจริต หากพยานหลักฐานบ่งชี้ว่ามีการให้ความช่วยเหลือเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบจึงจะมีความผิด โดยหลังจากที่ ปปช. ชี้มูลความผิดทางอดีตผู้การเมืองกาญฯ ครูปรีชา, เจ๊บ้าบิ่น, เจ๊พัช จะต้องทำหนังสือชี้แจงว่าเขาทุจริตหรือไม่ หรือเป็นการไปใช้สิทธิ์ตัวเอง
ส่วนพยานที่อยู่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ ทาง ปปช. จะต้องเรียกมาไตร่สวนอีกครั้ง การที่ตำรวจไปตัดพยาน 40 ปากออก ถือเป็นการตัดพยานโดยไม่มีอำนาจ เพราะฉะนั้นพยาน 40 ปาก ต้องดึงกลับมาเหมือนเดิม ตามกฎหมาย ปปช. ให้ตำรวจเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน ส่วน ปปช. จะเป็นผู้สอบสวนเอง ดร.สุกิจ กล่าวถึง นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ นายแผน พยานคดีหวย 30 ล้านว่า ตนทราบข่าวจากทางบ้านนายแผนว่า ศาลจังหวัดกาญจนบุรีเรียกให้เป็นพยานในคดีแพ่ง วันที่ 3 พ.ค.นี้ ให้กับ ครูปรีชา ใคร่ครวญ แต่เนื่องจากนายแผนไม่อยู่บ้าน จึงไม่ได้รับหมายศาล ซึ่งหากว่าศาลส่งหมายมา 2-3 ครั้ง แล้วไม่ไป ก็จะมีการปิดหมาย ซึ่งอย่างไรก็ตาม นายแผนต้องไปขึ้นศาลอยู่ดี ฉะนั้นหากขึ้นศาลแล้วนายแผนจะต้องให้การกับศาลตามความจริงแบบที่เคยให้สัมภาษณ์สื่อ
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 พ.ค. นายแผนคงไม่ได้ไปขึ้นศาลแพ่ง เพราะยังไม่ได้รับหมายด้วยตนเอง แต่ครั้งถัดไปอาจจะต้องมีการเรียกไปขึ้นศาลอีกครั้ง ถึงแม้ว่านายแผนเองไม่ได้ประสงค์ที่จะเป็นพยานให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เนื่องจากตำรวจเรียกไป จึงต้องกลายมาเป็นพยาน โดยตนมองว่าเมื่อนายแผนมาเป็นพยานแล้ว เกิดเหตุจนทำให้นายแผนตกงานนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควรที่จะต้องรับผิดชอบ ดร.สุกิจ กล่าวต่อว่า อย่างไรคดีนี้ตามกฎหมายกองสลากแล้วต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า หวยเป็นของลุงจรูญ เพราะลุงจรูญเป็นผู้ครอบครอง แต่ในกรณีที่มีการโต้แย้งสิทธิ์ ก็ต้องให้สิทธิ์ผู้โต้แย้งไป และแม้ว่าหากศาลตัดสินบอกว่าเป็นของครู ก็ต้องมีการไปฟ้องกองสลากอีก เพราะกฎหมายกองสลากเป็นแบบนี้
ดร.สุกิจ ยืนยันว่า แม้ตนจะกล่าวว่าลอตเตอรี่ เป็นของลุงจรูญ แต่ตนไม่ได้อยู่ฝั่งทนายษิทราหรือฝั่งใคร ตนเพียงพูดไปตามหลักของกฎหมาย ลุงจรูญได้เงินไปอย่างไรก็ต้องเป็นของลุง นอกจากนี้ ดร.สุกิจ ยังกล่าวด้วยว่า การที่ครูไปฟ้องคดีอาญาเอง ตามประมวลกฎหมายคดีอาญามาตรา 46 หากมีการฟ้องคดีอาญาแล้ว ต้องรอผลในคดีอาญาให้เสร็จสิ้นก่อนคดีแพ่ง เพราะเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องกัน ซึ่งทางทนายษิทราจะต้องไปขอให้ศาลจำหน่ายคดี หากไม่ยื่นศาลจะไม่จำหน่ายให้ เพราะหากศาลเห็นว่ามีเหตุผลเพื่อประโยชน์แก่คดี ศาลก็จะจำหน่ายคดีให้ เว้นแต่ศาลเล็งเห็นว่าพยานหลักฐานเพียงพอ น่าเชื่อว่าหวยเป็นของใคร ศาลอาจจะไม่จำหน่ายคดีก็ได้ ซึ่งการจำหน่ายคดีจะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย หากศาลอาญาตัดสินว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิด ผู้ที่เป็นฝ่ายถูกก็จะมีผลต่อกฎหมายทันที สำหรับคดีหวย30ล้านบาท หากครูปรีชาแพ้คดี ครูก็ต้องติดคุกทันที แต่ก็ยังสามารถต่อสู้ในศาลชั้นอื่นได้อีก ตนมองว่าคดีนี้กว่าจะเสร็จสิ้นก็อย่างน้อย 5 ปี