"ษิทรา" ชี้ มีหลักฐาน "ปรีชา" กับพวก เบิกความเท็จในศาลแพ่ง ยันฟ้องเพิ่มสัปดาห์หน้า (คลิป)

20 เม.ย. 61
วันนี้ (19 เม.ย) ที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ พร้อมด้วย นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เดินทางไปยื่นฟ้องคดีอาญาต่อ นายปรีชา ใคร่ครวญ, นางสาวรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น และ นางสาวพัชริดา พรมตา หรือ เจ๊พัช
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมด้วย ร.ต.ท.ตรูญ วิมูล เดินทางไปศาลจังหวัดกาญจนบุรี
ทนายษิทรา เปิดเผยว่า ฝ่ายตนได้ยื่นฟ้องทั้ง 3 ราย ในความผิดฐานร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการไตร่สวนในคดีแพ่ง ตอนขอคำร้องฉุกเฉินให้อายัดเงินของลุงจรูญ ในคดีหวย 30 ล้านบาท ส่วนประจักษ์พยาน ตนได้รวบรวมไว้แล้ว ซึ่งหลักฐานตนขอนำเสนอในชั้นศาล ทนายษิทรา กล่าวว่า สำหรับพยานใหม่ของครูปรีชา ทางฝ่ายตนไม่ได้สนใจ เพราะประจักษ์พยานจริงที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มีเพียงไม่กี่คน ส่วนพยานแม่ค้าในตลาด ตนมองว่าไม่ได้เห็นการซื้อขาย นอกจากนี้ กรณีที่อัยการคืนสำนวนไปที่ ปปช. นั้น ตนเองก็ขอวิงวอนทาง ปปช.ให้พิจารณาคดีโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน สำหรับความเห็นของอัยการที่ส่งสำนวนให้ ปปช. ทำให้ตนมองเห็นได้ว่า ท่านอัยการมองว่าเรื่องนี้มีการทำเป็นขบวนการ จึงนำสำนวนเรื่องการให้การเท็จ ไปรวมกับสำนวนของผู้การสุทธิ ซึ่งวันนี้เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม ที่ตนออกมาฟ้องร้องทั้ง 3 คน เพราะตนเห็นตอนที่มีการไตร่สวนในเรื่องการขออายัดเงิน ซึ่งทั้ง 3 คนมีการเบิกความ เป็นการเบิกความที่ไม่ตรงกับความจริง เมื่อตนเห็นหลักฐานปรากฎเป็นลายลักษณ์อักษร ตนจึงดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเชื่อได้ว่าเป็นการให้การเท็จ ทั้งนี้ หากศาลตัดสินคดีอาญาก่อนคดีแพ่ง ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะในวันที่ 1 พ.ค. นี้ จะมีการขึ้นศาลในคดีแพ่ง แต่ตามหลักกฎหมายคาดว่าจะมีการเลื่อนออกไป เพื่อรอตัดสินคดีอาญาก่อน
ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
ด้าน ร.ต.ท.จรูญ วิมูล กล่าวสั้นๆ ว่า เรื่องนี้อยู่ที่ดุลยิพินิจของแต่ละคน ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นความเข้าใจผิด ความรู้สึกของตนตอนนี้ก็คงยังไม่สบายใจทั้งหมด เพราะเรื่องยังไม่จบ ส่วนตัวไม่กลัวว่าพยานของอีกฝ่ายจะมีเพิ่มหรือไม่ ตนก็อยากให้เขาหามาได้จริงๆ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกตนก็บอกทางพนักงานสอบสวนไปแล้วว่า ให้หาหลักฐานทั้ง กล้องวงจรปิด หรือภาพถ่ายมา แต่ก็ไม่มีใครหามาได้สักคนเดียว วันเดียวกันนี้ พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้เรียกให้นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน เข้าให้ปากคำครั้งที่ 3 ในข้อหาให้การอันเป็นเท็จ ในคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท
นายสุกิจ พูนศรีเกษม ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน
โดยนายสุกิจ พูนศรีเกษม ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กล่าวว่า ในวันนี้พานายแผนเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัดครั้งที่ 3 ซึ่งคงจะไม่มีการให้การเพิ่มเติมแล้ว และยืนยันคำให้การตามเดิมที่เคยให้การไปในชั้นสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 หากหลังจากนี้ตำรวจจะให้เช้ามาพบอีก ก็ขอให้ออกเป็นหมายเรียกมา ส่วนการที่อัยการได้ส่งสำนวนคดีครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น กลับไปที่ ปปช.นั้น ตนมองว่าการที่ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาว่าครูปรีชากับพวก ร่วมกันกระทำผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเป็นอำนาจการไต่สวนของ ปปช.อยู่แล้ว ซึ่งโทษจะหนักกว่าเดิม โดยต้องรอดูว่า ป.ป.ช.จะรับไต่สวนหรือไม่ นอกจากนี้ นายสุกิจ ยังบอกอีกว่า แค่นี้นายแผนก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ขอให้ได้ใช้ชีวิตแบบปกติ และสามารถประกอบอาชีพได้ ขออย่าอ้างว่า นายแผนเป็นพยานของฝั่งไหนอีก เพราะไม่มีใครมารับผิดชอบชีวิตของนายแผน โดยนายฐนุกร ยังยืนยันการให้การตามเดิม ส่วนตอนนี้สบายใจมากขึ้น แต่กังวลเรื่องการใช้ชีวิต เพราะดำรงชีวิตลำบากมาก ถูกไล่ออกจากงาน แต่ต้องส่งเสียให้ลูกเรียนหนังสือ หากย้อนเวลากลับไปได้ ก็คงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาทตั้งแต่แรก
นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ
ด้าน นายปรีชา ใคร่ครวญ และ นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น พร้อมทนายความ วรยุทธ บุญวงศ์ใส เดินทางเข้ารายงานตัวต่อศาลอาญารัชดา หลังครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย และรับฟังคำสั่งศาล หลังจากที่อัยการมีคำสั่งทางคดีให้ตีกลับสำนวนคืนให้กองปราบปราม เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ไต่สวนชี้มูลความผิด และมีอัยการทำหนังสือขอให้ปล่อยตัวบุคคลทั้ง 2 เนื่องจาก ครบกำหนดฝากขัง และไม่ได้ตกเป็นจำเลยในคดีแจ้งควาทเท็จแล้ว พร้อมทั้งขอรับเงินประกัน 1 แสนบาทคืน โดยหลังเข้ารับฟังกระบวนการพิจารณาของศาลนานกว่า 2 ชั่วโมง ครูปรีชา บอกได้ขอบคุณอัยการสูงสุด พร้อมระบุว่า เมื่อเข้าสู่ศาลก็จะได้รับทราบถึงความจริง ทั้งนี้ ตนรู้สึกดีใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้ง สตช. และอัยการสูงสุด ที่ให้ความยุติธรรม ซึ่งยังคงยืนยันว่า ลอตเตอรี่ 30 ล้าน เป็นของตน เพราะมีพยานบุคคลจริงที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้ ครูปรีชา ยืนยันด้วยว่า ไม่เคยรู้จักกับ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีมาก่อน โดยวันที่ไปแจ้งความก็ยังไม่ได้พบและรู้จัก จนกระทั่งพนักงานสอบสวนโทรตามให้ไปพบ พล.ต.ต.สุทธิ ในการชี้แจ้งเรื่องราว และขอดูพยานหลักฐาน ส่วนกรณีคลิปเสียงนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวน ก็จะต้องไปโต้แย้ง และต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ