กรณีนายวรวิทย์ เตียวเจริญกิจ อายุ 38 ปี หรือ บอย บุกเข้าทำร้าย นางรัตนา เตียวเจริญกิจ อายุ 30 ปี อดีตภรรยา พนักงานบริษัทย่านพัฒนาการถึงที่ทำงาน โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ไม่ให้ใครช่วยเหลือ ก่อนลักพาตัวออกไปจากที่ทำงานอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา และหลบหนีไปในหลายจังหวัด ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุมตัวได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และส่งตัวกลับมาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมด้วยอดีตภรรยา ที่สน.คลองตัน เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 โดยไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากตัวนายบอยไม่ประสงค์ทำแผน โดยจะมีการฝากขังที่ศาลพระโขนง และเจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัว
ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.63 นางรัตนา เตียวเจริญกิจ หรือ ปอ อายุ 30 ปี เปิดเผยว่า ความรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่กลับมา จนบรรยายไม่ถูก เพราะไม่คิดจะมีวันนี้กลับมา ยังเชื่อว่าปาฏิหาริย์ยังมีอยู่ ระหว่างที่ตำรวจล้อมจับ ตนไม่ได้พูดอะไรกับนายบอย เพราะนายบอยกังวลว่าจะหนีอย่างไร ตนก็ไม่มีเวลาคิดว่าจะหนีอย่างไร จึงต้องดูว่านายปอมีอาการอย่างไร ตนต้องทำตามใจนายบอยก่อน มิฉะนั้นก็อาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับมา
ส่วนปมการจับตัวครั้งนี้ ตนคิดว่ามาจากความแค้นส่วนตัวของนายบอย เรื่องการฟ้องหย่า เพราะตนโดนทำร้ายร่างกายมาก่อนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้จึงนำเรื่องนี้มาทำร้ายตน ถ้านายบอยจะบอกว่ารักก็ไม่ใช่ เพราะตนกับนายบอยเลิกรากันมา 2 ปี แล้ว ตนไม่เหลือความรัก และไม่มีเยื่อใยอะไรกับนายบอยอีกแล้ว ทั้งที่นายบอยมีภรรยา มีลูก มีครอบครัวใหม่ไปแล้ว อย่ามาอ้างว่ารักตน
โดย 2 วันแรกที่นายบอยจับตัวไป วันที่ 14-15 ธ.ค.63 ตนพยายามร้องขอให้หยุดกระทำแบบนี้ แต่เมื่อใดที่ตนร้องขอสภาพตนจะดูไม่ได้ เพราะจะโดนทำร้ายอย่างหนัก ทั้งด้ามปืน หมัด เท้า ของนายบอย โดยหลังจากนั้นตนก็ต้องทำตามใจนายบอยทุกอย่าง เพราะมองออกแล้วว่านายบอยต้องการอะไร และตนจะช่วยสงบอารมณ์นายบอยลงอย่างไร
ทั้งนี้ตนเคยคิดหนีอยู่หนึ่งครั้ง วันที่ 15 ธ.ค.63 ขณะที่นายบอกกำลังอาบน้ำ และเตรียมตัวรับประทานอาหารที่บ้านญาติ และให้ตนพยายามนำรูปสามีใหม่ออกมา เพราะคิดว่าตนมีสามีใหม่ ตนพยายามยืนยันว่าตนไม่มีสามีใหม่ นายบอยจึงโมโห และบังคับให้ตนขึ้นรถ แต่ตนไม่ยอมขึ้น นายบอยจึงเริ่มมีอารมณ์รุนแรงควักปืนออกมา และต่อสู้กันสักพัก จนตนต้องกอดเสา เพื่อไม่ให้ใบหน้าบาดเจ็บเกือบสลบ จากนั้นนายบอยก็จับคอเสื้อตนลากกับพื้นมาขึ้นรถ ช่วงนายบอยจะมาขับรถ ตนเปิดล็อกประตูรถได้ นายบอยจึงยิงสวน กระสุนไม่ถูกตนเอง และจับตัวกลับมาอีกลากขึ้นรถ และทำร้ายเช่นเดิม โดยคำพูดสุดท้ายที่ตนพูดกับนายบอย ก่อนที่จะแยกจากกันขณะเดินทางมา สน.คลองตัน ตนบอกนายบอยว่า ดูแลตนเองดี ๆ และให้กลับตัวกลับใจ
โดยล่าสุด ลูกชาย อายุ 2 ขวบ มีไข้สูง และสาเหตุอาจจะเป็นเพราะเดินทางมาไกล และขาดแม่ไปสักระยะด้วย โดยวันนี้เป็นวันเกิดลูกชายด้วย ตนพยายามเข้าไปกอดลูกชาย แต่ด้วยหน้าตาตนที่ไม่เหมือนเดิม เพราะมีรอยฟกช้ำมาก ลูกชายจึงจำไม่ได้ แต่จำเสียงได้ เพราะก่อนหน้านี้วิดีโอคอลบ่อย ลูกชายพูดขึ้นมาคำเดียวว่า "แม่" แต่ไม่ให้ตนจับตัวเลย เพราะน่าจะยังกลัวหน้าตนอยู่ พยายามใส่แว่น ปิดหน้า ลูกไม่ให้เข้าใกล้
อาการบาดขณะนี้ คือ ข้อศอกด้านซ้าย เป็นรอยถลอกจากการถูกลาก และศีรษะ ลำคอ แขนด้านขวา ใบหน้ารอบดวงตา เป็นรอยฟกช้ำ และรอยยุงกัดตามตัวด้วย ซึ่งจากการไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์แจ้งว่าไม่พบเลือดคั่งในสมอง แต่ต้องรอดูอาการอีกสักระยะ ต่อจากนี้ตนก็ยังอยากไปทำงาน ซึ่งที่ทำงานก็บอกให้ตนรักษาตัวจนหายดีเสียก่อน ค่อยกลับไปทำงาน และก็จะดูแลพ่อ แม่ และลูกชายต่อไป
ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จ.ปทุมธานี เพื่อพูดคุยกับนางสายสวรรค์ หมื่นนาวงค์ อายุ 50 ปี แม่ของปอ โดยได้เดินทางมาพักอยู่ในมูลนิธิฯ พร้อมด้วยลูกของปอ ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.63
โดยนางสายสวรรค์ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนรู้สึกโล่งอกมาก เพราะนายบอยหากไม่ถูกจับกุม ก็จะเป็นภัยต่อสังคม โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงต้องมาอันดับแรก มักจะชอบหลอกลวงผู้หญิง ตนยังสงสารผู้หญิงที่จะคบหานายบอย ต่อจากลูกสาวของตน หัวอกผู้หญิงด้วยกันก็ไม่น่าจะไปทำแบบนั้นกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ขณะที่ผู้หญิงท้องนายบอยก็ยังตี และลูกสาวตนท้องก็ยังตี
เมื่อวานนี้ช่วงที่ตำรวจล้อมจับนายบอย ตนก็ใจระทึกและตื่นเต้นมาก ได้แต่ภาวนาให้ลูกสาวปลอดภัยที่สุด และมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะทำให้ลูกสาวปลอดภัย ขอให้ลูกสาวกลับมาก็ดีใจแล้ว ส่วนเรื่องที่นายบอยบอกว่าทางครอบครัวของปอกีดกัน ตนยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้านายบอยเป็นคนดี ก็ไม่มีใครกีดกัน ไม่มีใครไม่อยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์โดยที่ตนก็มีหลานแล้ว
ต่อจากนี้ทางครอบครัวจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อ ยังไม่ทราบ คงต้องรอให้เรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นก่อน จึงจะค่อยวางแผนกันต่อไป ส่วนปอก็คงจะต้องทำงานต่อแน่นอน เพราะทางครอบครัวมีภาระหลายอย่าง และต้องเลี้ยงลูกของปอด้วย ในห้องนอนตนกับลูกสาวก็มีการพูดคุยกันเล็กน้อย อยากให้ลูกสาวพักผ่อน ไม่อยากจะรบกวนมาก ตนได้แต่บอกว่า อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิดไปก่อน ปัญหามีไว้แก้ ที่ผ่านมาปอก็เหนื่อยมาตลอด และคิดว่าเมื่อเลิกรากับบอยแล้ว จะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วก็ยังเกิดซ้ำ ช่วงที่ปอเจอหน้าลูกก็มีอาการช็อก ด้วยความรู้สึกของคนเป็นแม่ ลูกของปอก็จำแม่ไม่ได้ เพราะปอตาบวม ลูกก็ไม่ให้จับ และร้องไห้
ช่วงที่คบหากันช่วงแรก ตนก็มองว่านายบอยเป็นคนดี มีหน้าที่การงานที่ดี เลี้ยงลูกสาวเราไปได้ด้วยดี และยังเคยสั่งเสียว่าให้นายบอยดูแลปอด้วย เพราะยังไงเราคือครอบครัวเดียวกัน และปอก็ไม่มีใครอีกแล้ว ให้ช่วยกันทำมาหากิน และอย่าสร้างปัญหา ส่วนปมการจับปอไปตนมองว่า น่าจะเป็นเรื่องคดี ที่ฟ้องหย่า และที่มีการฟ้องร้องตามที่นายบอยกล่าวไว้ เพราะตัวนายบอยเป็นคนไม่ดี ก็ไม่มีใครอยากคบหาต่อ
ทั้งนี้ตนอยากให้นายบอยได้รับโทษสถานหนัก เพราะสร้างปัญหาไม่ใช่เพียงแค่จับตัวลูกสาวตนเพียงเท่านั้น เพราะนายบอยมีคดีเยอะมาก มีคนบอกตนตลอด ถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากให้นายบอยได้รับโทษประหารชีวิต เพราะออกมาก็จะเป็นภัยสังคม ถ้าหากมีจิตสำนึก มีลูกน่าจะกลับตัวกลับใจได้ นายบอยจะชอบต้มตุ๋นหลอกลวงผู้หญิงคนอื่น และถ้านายบอยออกจากคุกมาได้ตนก็ยังกลัว และฝากเตือนถึงผู้หญิงคนอื่น หากเจอนายบอยก็ให้รีบถอย อย่าไปคบหาต่อ
นางสายสวรรค์ ยังบอกว่า ก่อนหน้านี้ที่สื่อมีการนำเสนอข่าวว่า ปอมีใจให้นายบอยไม่เป็นความจริง เพราะปอตัดสินใจเดินออกมาจากนายบอย ตั้งแต่ลูกอายุได้ 3 เดือน ก็ถือว่าชีวิตดีแล้ว ไม่ต้องการอะไร เดินหน้าเลี้ยงลูกดูแลพ่อแม่ ปอเคยบอกว่าตนไม่มีผู้ชายคนไหน แต่ฝ่ายชายใส่ร้ายตลอด ช่วงที่ลักพาตัวไป นายบอยก็บังคับให้ปอโทรหาหลายคน โดยปอบอกตนว่านายบอยบอกกับปอว่า “กูอยากจะรู้มากเลย ผัวมึงคนไหน” ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนก็ยังไม่พบนายบอย เพราะไม่อยากเห็นหน้าอีก อยากฝากบอกนายบอยว่า เกิดมาชาติเดียวทำดีไม่ได้ ไม่ชอบมาก คนแบบนี้ ทำให้คนอื่นต้องกังวลและมีแต่สร้างปัญหา และลูกเกิดมาไม่รู้เรื่องอะไร เด็กก็ต้องมาเจอแบบนี้ นายบอยมีลูกตั้งหลายคน ยังไม่มีจิตสำนึกอีก
จากนั้นทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับ น.ส.มด (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ผู้เสียหาย ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นจุดที่ถูกนายบอยใช้ปืนขู่ให้ขึ้นรถไปข่มขืน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันนี้ตนเดินทางไปยังสภ.อู่ทอง เพื่อเข้าสอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกรณีเคยถูกนายวรวิทย์ เตียวเจริญกิจ อายุ 38 ปี หรือ บอย ใช้ปืนข่มขู่แล้วแล้วข่มขืนตนเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา
ในเบื้องต้นได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว โดยตำรวจบอกกับตนว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ถ้ามีหลักฐานให้นำมาแสดงเพิ่ม ซึ่งกล้องวงจรปิดที่ร้านก็เสีย จึงไม่มีหลักฐาน ช่วงที่เกิดเหตุแรก ๆ ก็กลัว เพราะนายบอยขู่ว่ารู้จักตำรวจหลายคน ตนจึงไม่กล้าที่จะทำอะไร ซึ่งตนยืนยันตนไม่เคยเจอนายบอยมาก่อน และนายบอยเพิ่งเคยมาร้านคาราโอเกะครั้งนั้นแรก ตอนคุยที่ร้านก็เป็นคนอัธยาศัยดี แต่พอใช้ปืนขู่ตนขึ้นรถแล้วก็กลายเป็นอีกคนที่โมโหร้าย
ส่วนตัวที่ออกมาแจ้งความ เพราะเห็นข่าวว่านายบอยฉุดเมียไปทำร้ายร่างกายแล้วหลบหนี ซึ่งตนก็ตกใจ นึกว่านายบอยก่อเหตุแค่กับตนคนเดียว ส่วนตัวก็กลัวว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรมเหมือนกัน และสงสารอดีตภรรยาของนายบอยมากที่โดนทำร้ายร่างกาย พอเห็นข่าวว่าจับตัวได้แล้ว ตนก็รู้สึกดีใจ เพราะนายบอยจะได้ไม่ต้องไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก ซึ่งตนอยากให้นายบอยได้รับโทษให้ถึงที่สุด
นางละมัย อู่อรุณ อายุ 65 ปี และนายวิม สุขสันติสุวรรณ อายุ 65 ปี ตัวประกันที่นายบอยลักพาตัว ในวันนี้สามารถพูดคุยได้ปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยนางละมัยเล่าเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า หลังจากที่ถูกปล่อยตัวกลับมาที่บ้าน เมื่อคืนวันที่ 20 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ก็ยังรู้สึกเหนื่อยอ่อนเพลียและตกใจอยู่บ้าง ซึ่งตอนเข้ามาวันนี้ (21ธ.ค.63) ก็ยังคงกินข้าวไม่ค่อยได้ ยังคงรู้สึกอยากพักสมองให้จิตใจผ่อนคลาย
ซึ่งก็ไม่ถึงขวัญหายขนาดนั้น คงไม่ได้มีการบายศรีหรือเรียกขวัญใด ๆ มีแต่ในเรื่องของการแก้บนที่ต้องทำ เนื่องจากขณะที่ตนถูกนายบอย จับไปเป็นตัวประกัน ตนยกมือไหว้บนบานศาลกล่าวขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายที่ ให้ช่วยปกปักคุ้มครองให้ตนและนายวิม รอดชีวิตปลอดภัย ซึ่งตนก็นั่งท่องพุทธโธตลอดทาง ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะต้องไปไล่แก้บนตามที่ตนได้บนบานไว้ด้วยหัวหมู ไข่ต้ม ขนมจีน แล้วแต่วัด เพราะอีกใจนึกก็เชื่อว่ารอดได้เพราะการสั่งสมบุญบารมี
ส่วนเรื่องการเอาผิดนายบอย ตนก็ไม่รู้จะต้องรู้สึกสงสารนายบอยหรือไม่ เพราะตนก็ไม่รู้ว่านายบอยไปทำอะไรใครไว้บ้าง เรื่องนี้ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย ถามว่าโกรธนายบอยหรือไม่ ตนก็ไม่รู้โกรธอะไร ตลอดระยะทางก็พูดจาดี ซึ่งตนก็เข้าใจ นายบอยคงจะเจออะไรมาก่อนหน้านี้แล้วสุดทางแล้ว ถึงเลือกที่จะทำเช่นนี้ แต่ทั้งบอยและปอก็พูดคุยตลอดทาง ในระหว่างทางบางทีต้องช่วยกันปลอบนายบอย เนื่องจากจู่ ๆ ก็ร้องไห้
ด้านนายวิม สุขสันติสุวรรณ ลูกเขยนางละมัย 1 ในตัวประกันที่ถูกนายบอยลักพาตัวไป เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตลอดระยะทางนายบอยพูดจาดี ขอความร้องว่า ขากลับค่อยให้ตนเปิดโทรศัพท์ได้หรือไม่ ส่วนเรื่องที่ถูกปืนตบบ้องหูนั้น เป็นช่วงที่ตนกำลังจะโทรหาหลาน เพื่อบอกว่าจะไปส่งนายบอย แต่มือไปโดนปุ่มลำโพง แล้วนายบอยได้ยินเสียงหลานตนฮัลโหลพอดี คงจะเข้าใจผิดว่าตนโทรแจ้งตำรวจ หลังจากนั้นตนและนางละมัย พยายามทำให้นายบอยเชื่อใจ ด้วยการนั่งนิ่ง ๆ เฉย ซึ่งก็ได้มีการไปหาหมอมาแล้วในช่วงเช้า อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรกับนายบอย
สำหรับสถานที่ที่นางละมัย อู่อรุณ อายุ 65 ปี บนไว้ให้ปลอดภัยจากฝีมือนายบอย ได้แก่ หลวงพ่อวัดป่า สุพรรณบุรี, หลวงพ่อดำวัดราชสิงห์, หลวงพ่อศิลาแดง วัดศรีบัวทอง, หลวงปู่ปาน วัดหิรัญฯ กม.8, เจ้าพ่อขอแหลม และหลวงพ่อวัดอู่ตะเภา
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปพูดคุยกับนางดาว (นามสมมติ) วัย 80 ปี ทวดของนายบอย เปิดใจกับทีมข่าวว่า รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวนายวรวิทย์ เตียวเจริญกิจ อายุ 38 ปี หรือ บอย ได้ เพราะในอีกมุมหนึ่ง หลังที่ทราบข่าวว่านายบอย ฉุดอดีตภรรยาไปทำร้ายร่างกาย ตนก็ค่อนข้างเป็นห่วงนายบอย ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง
แล้วยิ่งพอมาทราบอีกว่า นายบอยชิงรถกระบะของชาวบ้านไปไม่พอ ยังลักพาตัว 2 ลุงป้าเป็นตัวประกันอีก ซึ่งตนก็รู้สึกว่านายบอยไม่น่าทำแบบนั้น ให้ปล่อยลงที่ด่านช้าง แล้วตัวเองเอาไปแต่รถก็ได้ ลำพังลักพาตัวภรรยามาด้วยก็แย่พออยู่แล้ว ยิ่งทำให้ตนนอนไม่ค่อยหลับ และต้องเฝ้าติดตามข่าว กระทั่งมีข่าวว่าถูกจับตัวได้แล้ว ตนก็ค่อนข้างโล่งอก
สาเหตุที่นายบอยลงมือทำเช่นนี้ ตนคาดว่าน่าจะมาจากการที่น.ส.รัตนา เตียวเจริญจิต หรือ ปอ อายุ 30 ปี อดีตแฟนนายบอย เคยมีการแจ้งความ อาจจะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้นายบอยอยู่ไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่บอยขายที่อาเตี่ย 30 ไร่ แล้วอาเตี่ยก็ไม่ได้เงินเลยสักบาท ซึ่งขณะนั้นบอยกำลังคบหากับปอ ตนก็ไม่รู้ว่าเมื่อหมดเงินแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ส่วนเรื่องประกันตัวนั้น ตนมองว่าในส่วนของตนจะไม่มีการไปประกันตัวแน่นอน เนื่องจากตนก็อายุ 80 ปีแล้ว เงินทองก็ไม่ได้มีเยอะ ก็คงปล่อยให้เป็นหน้าที่แม่ของบอยว่าจะจัดการอย่างไร เพราะโดยปกติฝั่งทางครอบครัวของบอย ไม่ค่อยได้ติดต่อกันสักเท่าไร จะคุยกันก็ต่อเมื่อมีธุระ ซึ่งคุยกันล่าสุดก็ตอนอาเตี่ยเสียชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ส่วนจะไปเยี่ยมบอยหรือไม่นั้น ตนก็อยากไป แต่ด้วยระยะที่ค่อนข้างไกล และไม่รู้ว่าใครจะพาไป ก็อาจจะทำได้แต่ติดตามข่าวสารของนายบอย หรือรอให้นายบอยติดต่อมายังลูกสะใภ้ เนื่องจากตนไม่มีโทรศัพท์
ทั้งนี้ ตำรวจ สน.คลองตัน ได้แจ้งข้อหาแก่นายบอย ดังต่อไปนี้ 1.บุกรุกเคหสถานโดยมีอาวุธ 2.กักขังหน่วงเหนี่ยว 3.ข่มขืนใจโดยมีอาวุธ และ 4.ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว
ขณะที่ ตำรวจ สภ.ด่านช้าง แจ้งข้อหาดังต่อไปนี้ 1.ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ 2.ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ 3.กักขังหน่วงเหนี่ยว 4.มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.พาอาวุธไปในเมืองฯ และ 6.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น