กรณีชาวบ้านพบรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน 5 กฉ 1397 กรุงเทพฯ จอดชิดริมไหล่ทางด้านซ้ายบริเวณใต้ร่มต้นกระถินณรงค์ บนถนนสายเซาท์เทิร์นซีบอร์ด (สุราษฎร์ธานี-กระบี่) ฝั่งขาเข้า สุราษฎร์ธานี บริเวณบ้านเขาพูล หมู่ 5 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน ซึ่งชาวบ้านเห็นผิดสังเกต เนื่องจากจอดเป็นเวลานาน 3 วัน จึงได้แจ้ง พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ศิริมงคล สารวัตรสอบสวนเวร สภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี รุดตรวจสอบพบว่าประตูรถไม่ได้ล็อก
ทั้งนี้ภายในรถ ที่เบาะผู้โดยสารตอนหน้าข้างคนขับ พบศพ น.ส.ฐิติรัตน์ อายุ 30 ปี เจ้าพนักงานกองการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพฯ ภูมิลำเนาชาว จ.ชัยภูมิ นั่งอยู่ในสภาพคอพับไปด้านขวา ที่ใบหน้ามีบาดแผลถูกทำร้ายปูดบวม เป็นรอยเขียวช้ำที่ขอบตาด้านขวา ที่บริเวณหน้าท้องมีรอยคล้ายกระสุนปืน 3 แห่งเป็นแนวขึ้นชายโครงด้านขวา
ตำรวจได้ติดต่อญาติ ทราบว่า น.ส.ฐิติรัตน์ ผู้เสียชีวิตจะเดินทางลงมาหาแฟนในภาคใต้ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าจะไปที่ใด จนมาพบเป็นศพ ซึ่งนำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.พุนพิน
ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.63 จากการสอบสวนญาติให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ฐิติรัตน์ คบหากับแฟนหนุ่มชาว อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และในช่วงวันหยุดยาว วันที่ 9-12 ธ.ค.63 น.ส.ฐิติรัตน์ ได้พาแฟนหนุ่มกลับไปภูมิลำเนา ที่หมู่ 8 ต.น้ำเพชร อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อพูดคุยเรื่องพิธีแต่งงาน ซึ่งฝ่ายชายอวดอ้างว่าเป็นคนรวย ปล่อยเงินกู้ และจะสร้างบ้านให้ครอบครัวของ น.ส.ฐิติรัตน์ หลังจากที่แต่งงานเสร็จ ซึ่งหลังจากไปพูดคุยกันที่ จ.ชัยภูมิ ด้านน.ส.ฐิติรัตน์ ก็ได้เดินทางกลับมาบ้านฝ่ายใน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เมื่อไปถึงกลับพบว่าฐานะทางบ้านไม่เป็นดังที่ฝ่ายชายอ้าง น.ส.ฐิติรัตน์ จึงได้โทรศัพท์กลับไปบอกครอบครัวถึงเรื่องราวทั้งหมด และบอกว่าอย่าไปยุ่งกับฝ่ายชาย หลังจากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ จนวันที่ 19 ธ.ค.63 แม่ของ น.ส.ฐิติรัตน์ ยังโทรศัพท์พูดคุยกันในเวลา 09.00 น. กระทั่งเวลา 16.00 น. ได้โทรหาอีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่มีใครรับสาย สุดท้ายมาพบเป็นศพโดยที่ครอบครัวก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
สำหรับรถเก๋งของผู้เสียชีวิต ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน 5 กฉ 1397 กรุงเทพฯ ที่ สภ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งถูกใช้โปลิศไลน์กั้นพื้นที่ไม่ให้ใครเข้าไป เพราะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ แต่ทีมข่าวสังเกตว่า บริเวณขอบพื้นประตูหลัง ฝั่งซ้าย มีรอยเลือดหยดติดอยู่ โดยทางตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้มีการตรวจสอบรถเพิ่มเติมเพื่อหารอยนิ้วมือแฝง เนื่องจากการคาดการณ์ของตำรวจ คาดว่าเป็นการก่อเหตุยิงภายในรถ ไม่ได้ยิงจากที่อื่นแล้วขนขึ้นรถ
ทีมข่าว มีโอกาสพูดคุยกับ นายสุรเดช (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงาน น.ส. ฐิติรัตน์ ผู้ตาย โดยนายสุรเดช เล่าว่า ตนทำงานที่สำนักปลัด กทม. ร่วมกับผู้ตายมาได้ 4-5 ปีแล้ว ผู้ตายมีนิสัยใจคอเป็นคนร่าเริงแจ่มใส่ ถ้าคนรู้จักจะจำเสียงหัวเราะของผู้ตายได้ดี เป็นคนทำงานดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง ไม่เคยค้างงาน
ทั้งนี้ ตนเจอผู้ตายครั้งสุดท้าย เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ผู้ตายรีบออกจากที่ทำงานไปตอนเวลาเลิกงาน 16.00 น. ดูรีบร้อน แต่ไม่บอกว่าไปไหน ตนสังเกตว่า 2 วันก่อนที่ผู้ตายจะขับรถออกไป ผู้ตายดูไม่ร่างเริง ดูเงียบ ไม่เฮฮาเหมือนเคย เพราะปกติเป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะบ่อย แต่ตนก็ไม่ก็ไม่ถาม เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนในเฟซบุ๊กของผู้ตาย ผู้ตายจะมีโพสต์รูปบ้าง เป็นรูปตัวเองและรูปทั่วไป แต่ไม่เคยเห็นโพสต์รูปแฟน จึงไม่รู้ว่าผู้ตายคบอยู่กับใคร อีกทั้งผู้ตายยังขายของออนไลน์จำพวกยาลดน้ำหนัก
นอกจากนี้ ตนเพิ่งทราบข่าวทางทีวีเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 ตนรู้สึกตกใจมาก เพราะตอนไปทำงานเจอหน้าทักทายกันทุกวัน และเมื่อตนเห็นสภาพศพแล้ว ดูแปลก ๆ คิดว่าคนทำ โหดเหี้ยมเกินไป ตนไม่รู้ปมที่เกิดเหตุมาจากอะไร หรือทะเลาะกันอะไรกันรุนแรงก่อนจะฆ่า "แต่ไม่น่าทำแบบนี้ เพราะผู้ตายเป็นผู้หญิงไปลำพังคนเดียว" ซึ่งผู้ตายเป็นคนผิวขาว หน้าตาดี รูปร่างดี
ก่อนผู้ตายจะเสียชีวิต ไม่มีลางบอกเหตุ คาดว่าน่าจะเกิดเหตุในวันที่ 18 ธ.ค.63 เพราะเวลาที่ตนเจอกับผู้ตายสอดคล้องกับวันที่พบศพ 3 วันพอดี ทำให้ตนเชื่อว่าผู้ตายน่าเสียชีวิตตั้งแต่วันนั้นเลย สุดท้ายตนอยากบอกคนทำว่า "มอบตัวเถอะครับ เขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ รับกรรมเถอะครับ" และตนอยากให้ผู้ตายไปสู่สุขคติ แต่ไม่สนิทถึงขั้นมาเข้าฝันหรือมาหา
หลังสัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี นายสุรเดช เปิดเผยข้อสังเกตที่ตั้งขึ้นมาเองว่า จากสภาพศพผู้ตายสังเกตว่า เสื้อคลุมไม่มีรอยกระสุน ทั้งที่ถูกยิงถึง 3 นัดจนเสียชีวิต ในรถก็ไม่มีปลอกกระสุน คิดว่าเป็นการฆ่าจากนอกรถและนำศพมานั่งอำพรางในรถ ไหนจะใบหน้าเขียวเหมือนโดนต่อย ไหนจะท่านั่งที่ดูผิดปกติผิดวิสัย เหมือนถูกอุ้มมานั่ง มั่นใจคนทำต้องคนใกล้ชิด
ทั้งนี้ฝากตำรวจในพื้นที่เร่งล่าตัว คนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว ตนกังวลตรงที่จุดเกิดเหตุอาจไม่มีกล้องวงจรปิดเพราะเท่าที่ตามข่าวเป็นถนนที่ค่อยข้างเปลี่ยวไกลบ้านคน
ในเวลา 15.30 น. นายชื่น สีห์ราช และนางรี สีห์ราช พ่อแม่ของ น.ส.ฐิติรัตน์ ได้เดินทางมาที่ สภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ซึ่งทั้งคู่ยังอยู่ความโศกเศร้าเสียใจ โดยญาติต้องคอยพยุงแม่ของผู้ตายตลอดเวลา เนื่องจากเจ้าตัวเสียใจอย่างหนัก
โดยนางรี สีห์ราช แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนมีความสงสัยในแฟนหนุ่มของลูกสาว คือ นายโอชา อายุ 39 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตนทราบว่าเขาเป็นพนักงานบริษัทรถในกรุงเทพฯ และมีอาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และปล่อยเงินกู้ควบคู่ด้วย โดยก่อนหน้านี้ช่วงวันหยุดยาว 4 วัน วันที่ 9-12 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ลูกสาวได้พานายโอชา ไปเยี่ยมบ้านที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งมานอน 2 วัน แต่ตนจำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไร
โดยตนได้พบกับนายโอชา ก็ได้พูดกับตนว่าอยากจะสู่ขอลูกสาวและแต่งงานกัน รอแค่ลูกสาวตอบตกลง ก็จะมาจัดงานแต่งทันที จะเรียกสินสอดเท่าไรก็ไม่เกี่ยง และถ้าแต่งงานแล้วก็จะซื้อรถคันใหม่ให้ขับ ซึ่งหลังจากพูดคุยกันที่ จ.ชัยภูมิ ลูกสาวของตนก็มีโอกาสเดินทางไปบ้านของนายโอชาใน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และพบความจริงว่า นายโอชาไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่เจ้าตัวพูด
เมื่อตนรู้ดังนั้นก็บอกให้ลูกสาวตีตัวออกห่าง เพราะกลัวว่านายโอชาจะมาหลอกลวงลูกสาว ซึ่งตนก็คาดว่าลูกสาวอาจจะตีตัวออกห่าง ทำให้นายโอชาไม่พอใจ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของตน ซึ่งไม่อยากปรักปรำใคร รอให้ตำรวจเป็นคนดำเนินการว่าใครเป็นคนร้าย
อย่างไรก็ตาม ตนติดต่อได้ในวันที่ 19 ธ.ค.63 ในเวลา 09.00 น. ซึ่งการพูดคุยในวันนั้นตนเพียงแต่บอกให้ลูกสาวกลับบ้านในช่วงปีใหม่ ซึ่งลูกสาวก็ตอบตกลง แต่ตอนที่พูดคุยกันนั้น ลูกสาวก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าตัวอยู่ที่ไหน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายบูม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ผู้ที่เจอศพแล้วโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า เดิมทีตนอาศัยอยู่ที่ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี แต่ต้องไปขับรถเยี่ยมภรรยาที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งในวันที่ 19 ธ.ค. 63 เวลาประมาณ 18.00 น. ตนได้ขับรถกระบะผ่านจุดเกิดเหตุ บนถนนสายเซาท์เทิร์นซีบอร์ดมุ่งหน้าสุราษฎร์ธานี ก็สังเกตเห็นรถของผู้ตายจอดนิ่งอยู่ริมทาง แต่ตนก็คิดว่าเป็นเพียงรถเสีย จึงไม่ได้ลงไปช่วยเหลือ
กระทั่งวันที่ 20 ธ.ค.63 เวลาประมาณ 17.11 น. ตนก็ขับรถผ่านจุดเดิมอีกครั้ง ก็ยังพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่เดิมก็เริ่มเกิดความสงสัย ซึ่งเมื่อขับเลยไปก็เหมือนมีสิ่งศักดิ์ที่ตนนับถือดลใจ ด้วยการเคาะศีรษะให้จอดลงไปช่วยคน ตนจึงตัดสินใจจอดรถและค่อย ๆ ขับถอยกลับมา และเมื่อเดินลงไปดู ก็พบกระจกหลังคนขับเปิดแง้มอยู่ และเจอร่างของหญิงสาวนั่งอยู่ฝั่งข้างคนขับ สภาพคอพับไปทางขวาอยู่ในรถ ที่ใบหน้าฝั่งขวามีรอยช้ำเขียว และเริ่มส่งกลิ่นเหม็น มีแมลงวันบินตอมแล้ว ตนจึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะบริเวณนั้นเป็นสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยว มีแต่สวนยางและไม่มีบ้านคน
อย่างไรก็ตาม ตนไม่มั่นใจว่ารถคันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ตั้งแต่วันที่เท่าไร เพราะตนเพิ่งขับผ่านจุดดังกล่าวในวันที่ 19 ธ.ค.63 แต่ตนเชื่อว่าสิ่งที่ดลใจให้ตนลงไปดูนั้น คือ ปู่ฤาษีเสือ ที่คุ้มครองตนเคาะกะโหลกให้ตนรู้สึกและให้จอดรถลงไปช่วย
ทีมข่าวลงพื้นที่เจอศพของผู้ตาย บนบนถนนสายเซาท์เทิร์นซีบอร์ด (สุราษฎร์ธานี-กระบี่) ฝั่งขาเข้า สุราษฎร์ธานี บริเวณบ้านเขาพูล หมู่ 5 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พบว่าสองเป็นทางเปลี่ยว สองข้างทางเป็นสวนยางและสวนปาล์ม ไม่มีบ้านคน
ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ห่างจากจุดเกิดเหตุ 500 เมตร ได้พบกับ น.ส.ส้ม (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนขับรถผ่านจุดเกิดเหตุช่วงเวลา 20.00 น. ในวันที่ 19 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา ก็พบว่ารถของผู้ตายจอดอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นตนก็เอะใจ แต่ก็คิดว่าเป็นแค่รถเสีย กระทั่งมารู้ว่ามีคนเสียชีวิตอยู่ภายในรถจากข่าว
ในช่วงก่อนหน้านนี้ ตนไม่ได้ยินเสียงปืนและไม่มีสิ่งผิดสังเกตมาก่อน และในวันที่ 18 ธ.ค.63 ตนก็ขับรถออกไปทำงานและผ่านจุดดังกล่าวในเวลา 20.00 น. ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีรถมาจอดอยู่ จึงเชื่อว่ารถคันดังกล่าวน่าจะถูกนำมาจอดหลังจากเวลาที่ตนเจอ
อย่างไรก็ตาม บริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่เปลี่ยว เนื่องจากสองข้างทางมีแต่สวนยางและสวนปาล์ม จึงไม่มีใครกล้าที่จะจอดแวะดู แต่มันจอดนานจนผิดสังเกต จึงได้มีคนจอดดูและเจอศพ
ทีมข่าวไปตรวจสอบเฟซบุ๊กผู้เสียชีวิต น.ส.ฐิติรัตน์ พบว่าส่วนใหญ่ผู้ตายก็จะโพสต์ขายของออนไลน์ จำพวกยาลดน้ำหนักเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีพูดถึงคนรัก ไม่มีรูปคู่แฟน นาน ๆ ทีจะมีโพสต์รูปตัวเอง
ทั้งนี้พบว่าวันที่ 12 ธ.ค.63 เวลา 14.19 น. ก่อนพบศพที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ตายเคยเดินทางเข้าพื้นที่ภาคใต้มาแล้ว โดย คาดว่า ขับรถจากกรุงเทพฯ ไปที่ จ.นครศรีธรรมราช ก่อนจะโพสต์ภาพคู่กับเจดีย์ ที่วัดเจดีย์ไอ้ไข่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช แต่ไม่มีระบุว่าไปกับใคร ระบุว่า "ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ อยู่ที่เราคว้ามันได้แค่ไหน"
ส่วนโพสต์ก่อนเกิดเหตุ วันที่ 14 ธ.ค.63 เวลา 9.32 น. ผู้ตายโพสต์ภาพตัวเองพร้อมจานอาหาร ระบุข้อความคล้ายระบายความในใจว่า "ความทุกข์สอนอะไร ๆ ให้เราได้ดีกว่าความสุขเสมอ อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์สีเทา ๆ ค่ะ"
ป้าเจริญ ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเสียใจมาก ยิ่งรู้ว่าคนร้ายฆ๋าแล้วทิ้งศพไว้ที่รถยิ่งทำใจไม่ได้ ทำไมคนร้ายถึงโหดขนาดนี้ เห็นหลานสาวก็จะเป็นลม ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุขึ้นแบบนี้ ตอนนี้ตนเสียใจมาก ๆ ทำใจไม่ได้เลย แต่ก็ภูมิใจที่หลานได้ทำงานราชการ และกำลังจะย้ายมาสังกัดที่บ้านเกิด ขณะที่พ่อของหลานสาว บอกตนว่า นายโอชา แฟนของหลานสาวขับวินรถจักรยานยนต์ อยู่ที่บางกอกใหญ่ กทม.