กรณีผู้ใช้แอปพลิเคชัน TikTok ชื่อว่า @aongaeng ได้แชร์คลิปของหญิงสาวผมทองรายเดิม ซึ่งเคยก่อเหตุโกงเงินทอนจากพนักงานร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ในช่วงเดือน พ.ย.63 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าพนักงานทอนเงินให้ไม่ครบ และขอเงินทอนเพิ่ม ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยล่าสุดหญิงผมทองได้กลับมาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง ในวันที่ 23 ธ.ค.63 ที่ร้านสะดวกซื้อย่านบางขุนนนท์ ซึ่งในคลิปจะสังเกตได้ถึงความมือไวของหญิงผมทองรายนี้ที่หยิบแบงก์ 500 บาท เหน็บไว้บริเวณรักแร้ ก่อนจะบอกกับพนักงานร้านสะดวกซื้อว่า ทอนเงินไม่ครบ และขอให้ทอนเงินเพิ่ม
วันที่ 24 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายังร้านสะดวกซื้อดังกล่าว และได้พูดคุยกับ น.ส.นาซีฮะห์ หะยีอาแว อายุ 22 ปี พนักงานที่ปรากฏในคลิป
น.ส.นาซีฮะห์ เล่าว่า เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.63) ตนเข้ามาทำงานตั้งแต่เวลา 10.00 น. จนถึงเวลา 20.00 โดยในเวลาประมาณ 19.30 น. หญิงผมทองคนดังกล่าวได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าภายในร้านสะดวกซื้อ โดยเจ้าตัวเดินวนไปวนมาตามชั้นวางสินค้านานกว่า 10 นาที ก่อนจะหยิบเม็ดมะม่วงอบเกลือ ถุงละ 25 บาท จำนวน 2 ถุง มาจ่ายเงิน
ทั้งนี้ตนรู้สึกคุ้นหน้าหญิงผมทองคนดังกล่าว แต่ขณะนั้นตนไม่ได้เอะใจว่า เป็นผู้หญิงผมทองคนที่เคยตกเป็นข่าว กระทั่งในช่วงเวลาจ่ายเงิน หญิงผมทองได้ยื่นแบงก์ 20 บาทให้ตน 2 ใบ แต่เนื่องจากราคาสินค้านั้นอยู่ที่ 50 บาท (เม็ดมะม่วง 2 ถุง) หญิงผมทองจึงยื่นแบงก์มูลค่า 1,000 บาทให้กับตน
จากนั้นตนก็ได้หยิบเงินทอนให้ จำนวน 950 บาท เป็นแบงก์ 500 จำนวน 1 ใบ แบงก์มูลค่า 100 บาท จำนวน 4 ใบ และเหรียญจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อตนส่งเงินให้ หญิงผมทองรายดังกล่าวก็ได้บอกตนว่า “หนูทอนเงินผิดนะ หนูทอนไม่ครบ ขาดแบงก์ 500”
เมื่อตนได้ยินเช่นนั้น ตนคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะให้เงินอีก 500 บาทดีหรือไม่ แต่ขณะนั้น หญิงผมทองก็ได้บอกตนว่า “พนักงานอยู่หน้ากล้องวงจรปิดยังทอนเงินผิด” ตนจึงได้ตัดสินใจส่งเงินให้หญิงผมทองอีก 500 บาท
หลังจากเกิดเหตุ ตนพิจารณาแล้วว่าหญิงผมทองน่าจะพูดหลอกล่อให้ตนสับสน ทั้งนี้ผู้จัดการร้านสะดวกซื้อยังไม่เอาผิดกับตน และยังไม่ได้เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยต่อไปนี้ตนจะต้องระมัดระวังในการทอนเงินให้กับลูกค้ามากกว่านี้
ทีมข่าวทราบมาว่า ก่อนที่หญิงผมทองจะก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อย่านบางขุนนนท์ หญิงผมทองรายดังกล่าวได้ก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อย่านชัยพฤกษ์มาแล้ว 2 สาขา โดยสาขาแรกก่อเหตุในเวลา 18.50 น. โดยหญิงรายดังกล่าวเมื่อได้เงินจำนวน 500 บาทไปแล้ว ก็ได้เรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างให้ไปส่งนอกพื้นที่ทันที
แต่ขณะนั้นพนักงานร้านสะดวกซื้อรู้สึกเอะใจ จึงรีบเปิดกล้องวงจรปิดดูในทันที แล้วรีบขับขี่รถจักรยานยนต์ไปตามเอาเงินจำนวน 500 บาทคืน โดยหญิงผมทองได้อ้างว่า “ป้าเห็นเงินหล่นอยู่ในร้านเลยเก็บมา” ซึ่งพนักงานร้านสะดวกซื้อได้ตอบกลับไปว่า “เงินจะหล่นได้ไง ผมดูกล้องแล้ว ป้าโกงเงินผม” หญิงผมทองจึงรีบคืนเงินให้ 500 บาท แล้วรีบหนีไป
ต่อมาในเวลาประมาณ 19.00 น. หญิงสาวผมทองได้ก่อเหตุอีกครั้งและได้เงินไปจำนวน 500 บาท ก่อนจะไปก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อบ่านบางขุนนนท์ในเวลา 19.30 น.
วันที่ 9 ม.ค.63 จุดเกิดเหตุเซ็นทรัลลาดพร้าว พื้นที่ สน.พหลโยธิน เธอสวมชุดกระโปรงลายดอกสีขาว เห็นใบหน้าชัดเจน
วันที่ 10 ส.ค.63 จุดเกิดเหตุตลาดมีนบุรี พื้นที่ สน.มีนบุรี เธอสวมชุดกระโปรงสีเหลือง สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
วันที่ 1 ก.ย.63 จุดเกิดเหตุศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค พื้นที่ สน.ประเวศ เธอสวมชุดกระโปรงสีฟ้า สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
วันที่ 1 ต.ค.63 จุดเกิดเหตุห้างฯ สยามพารากอน พื้นที่ สน.ปทุมวัน เธอสวมชุดกระโปรงลายดอกสีขาว สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
วันที่ 19 ต.ค.63 จุดเกิดเหตุบิ๊กซี ศรีนครินทร์ จ.สมุทรปราการ พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ เธอสวมชุมกระโปรงลายลูกไม้สีเหลือง สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
วันที่ 26 ต.ค.63 จุดเกิดเหตุท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี พื้นที่ สภ.เมืองนนทบุรี เธอสวมชุดกระโปรงลายลูกไม้สีครีม สวมหมวกและหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า
วันที่ 23 ธ.ค.63 จุดเกิดเหตุร้านมินิมาร์ท ใกล้วัดเจ้าอาม กรุงเทพฯ พื้นที่ สน.บางขุนนนท์ เธอทำผมสีทอง สวมชุดลายดอก สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าสีดำ สะพายกระเป๋าสีแดง
เมื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการก่อเหตุและชุดที่เธอสวมใส่ ในวันที่ 19 ต.ค.63 และวันที่ 26 ต.ค.63 เธอสวมชุดเดียวกันในการก่อเหตุ
วันที่ 9 ม.ค.63 และวันที่ 1 ต.ค.63 เธอก็แต่งกายด้วยชุดเดียวกันในการก่อเหตุ และคนละสาขา
อย่างไรก็ตาม พื้นที่โรงพักที่รับผิดชอบ ได้แก่ สน.พหลโยทิน สน.มีนบุรี สน.ประเวศ สน.ประทุมวัน สน.บางขุนนท์ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ และสภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
นอกจากนี้ เมื่อสรุประยะเวลาที่สาวรายนี้ก่อเหตุทั้งหมด ตั้งแต่ช่วงต้นปี วันที่ 9 ม.ค.63 กระทั่งถึงวันที่ 24 ธ.ค.63 รวมระยะเวลา 350 วัน ยังไม่สามารถจับกุมตัวเธอได้