จากกรณีมีการแชร์โพสต์จากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเล่าเรื่องราวว่า ตัวเองเป็นผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนเทพมงคลเทพรังษี จ.กาญจนบุรี ที่ครูปรีชา ใคร่ครวญ เป็นผู้สอนลูกของตน และครูปรีชามักจะเล่าให้นักเรียนในห้องฟังว่า ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ลูกของตนจึงเชื่อแบบนั้น เมื่อมีเพื่อนนักเรียนด้วยกันด่าว่าครูปรีชา ก็ทำให้ลูกของตนเข้าไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ผู้ปกครองรายนี้จึงหวั่นว่าลูกตัวเองจะถูกครอบงำ
วันนี้ (26 เม.ย.)
นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเฟซบุ๊กปลอมหรือไม่ เพราะตนก็รู้จักผู้ปกครองเด็กทั้งหมด ไม่เพียงแค่สอนลูกๆ ของเขาในห้องเรียนเท่านั้น ผู้ปกครองทุกคนจะเข้าใจหมด ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน พร้อมสังเกตว่า ช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดเทอม ทำไมจึงมีข้อความนี้เกิดขึ้น ยืนยันว่าการสอนหนังสือตนนั้นล้วนใช้จิตวิญญาณความเป็นครูทั้งสิ้น ไม่ได้มีอคติใดๆ หรือสอนให้เด็กเชื่ออะไรตัวเอง อีกทั้งตนสอนหนังสือไม่ใช่ 1 วัน หรือ 2 วัน แต่สอนมากว่า 20 ปี แล้ว ผู้ปกครองรู้และเข้าใจกันดีว่าตนสอนด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ
ครูปรีชา เปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมามีเฟซบุ๊กปลอมหลายชื่อ ได้เข้ามาโจมตีหน้าเพจของโรงเรียนด้วย โดยส่วนตัวแล้วไม่อยากระบุว่าเป็นฝ่ายไหน แต่คิดว่าเป็นกลุ่มคนไม่กี่คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม จากนั้นอาจจะว่าจ้างพวกมือรับจ้าง ให้โพสต์แสดงความเห็นต่างๆ นานาโจมตีตน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการปรึกษากับทาง ทนายวรยุทธแล้ว และได้รวบรวมข้อมูลบุคคล เพื่อจะดำเนินคดีกับผู้ที่หมิ่นประมาทด้วยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในความผิด พร..บ.คอมพิวเตอร์
ส่วนคำถามว่า มีข้อความในโซเชียลกล่างอ้างถึงข้อมูลวงในเกี่ยวกับทนายสุพัฒน์รู้จักผู้พิพากษาในคดีพร้อมให้คำมั่นว่าหากขึ้นศาลนี้ชนะแน่นอน ครูปรีชากล่าวว่า ทนายก็ทำหน้าที่ในส่วนทนายความ ผู้พิพากษาก็ทำหน้าที่ผู้พิพากษา จะไปรู้จักกันได้อย่างไร และตนเห็นว่าการแสดงความเห็นเช่นนี้เป็นเรื่องใหญ่อาจจะไปละเมิดศาลได้
ด้าน
นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ ทนายความฝ่าย ร.ต.ท.จรูญ วิมูล เดินทางไปที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อร้องขอจำหน่ายคดีแพ่งว่า ในการยื่นขอจำหน่ายคดีแพ่งดังกล่าว ไม่ได้มีผลต่อรูปคดีแต่อย่างใด เพราะการพิสูจน์ในคดีอาญาเป็นหน้าที่ของครู ซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์ โดยหากศาลเห็นว่าคำร้องของฝั่งจำเลยสามารถรับฟังได้ ก็จะมีการจำหน่ายคดี รอผลพิพากษาจากคดีอาญา ซึ่งส่วนของคดีอาญา จะเริ่มในวันที่ 4 มิ.ย. โดยแบ่งเป็น 2 สำนวน คือ สำนวนที่ทาครูปรีชากล่าวหาว่า ร.ต.ท.จรูญ ยักยอกทรัพย์ หรือรับของโจร สำนวนที่ 2 คือ ฝั่ง ร.ต.ท.จรูญ กล่าวหาว่าครูปรีชาเบิกความเท็จ โดยในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ตนจะไปฟ้องกลับอีกสำนวน ฐานฟ้องเท็จ ซึ่งส่วนของอาญาจะใช้ระยะเวลานานกว่าคดีแพ่ง
ส่วนเรื่องที่ผู้ปกครองโรงเรียนเทพมงคลรังษีรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ว่า ครูปรีชา มักเล่าเรื่องทางคดีให้นักเรียนฟัง ทนายวรยุทธ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เพราะตนไม่ได้รู้เห็นว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยหากมีการกระทำลักษณะดังกล่าวจริง เชื่อว่าทางโรงเรียนก็ต้องมีมาตรการในการดำเนินการ