วันที่ 1 ม.ค. 64 เวลา 00.05 น. ร.ต.ท.ธนภัทร ชุมพล รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ดุสิต รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชายเสียชีวิตบริเวณหน้าโรงพัก ถนนพระราม 5 แขวงและเขตดุสิต กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมประสานแพทย์ แผนกนิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ นายปิยะพงษ์ รุ่งวิทยากุล เจ้าหน้าที่องค์การเภสัชกรรม ร่างมีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงที่ลำตัวหลายนัด นอนหงายจมกองเลือด อยู่บริเวณบันไดทางขึ้นสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.อ.ธีรยุทธ จันทร์คง
โดยกลุ่มผู้เสียชีวิต และเพื่อนในงานเลี้ยงปีใหม่ มีผู้ชาย 5 คือนายเอฟ หรือ เสมา, นายปิยะพงษ์ ผู้ตาย, นายตู่, นายโบ้ท, นายหม่ำ, นายอาท, น.ส.รัตติยา คนที่เขาไปห้ามคนก่อเหตุ, น.ส.แพรว, น.ส.นิน , น.ส.จูน, น.ส.แนน ในจำนวน 10 คนนี้ ทุกคนรู้จักผู้ก่อเหตุทั้งหมด ยกเว้นผู้ตาย
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ สน.ดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเสมา ไทรศรีคำ หรือ เอฟ เพื่อนของผู้ตาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของวานนี้ ตนเองและผู้ตายรวมเพื่อน ๆ 10 คนกินเลี้ยงปีใหม่ มีการดื่มกินกันที่ฝั่งด้านหน้าแฟลตตำรวจข้าง สน.ดุสิต มีกิจกรรมร้องเพลง และจับฉลากของขวัญด้วยกัน
ส่วน ส.ต.อ.ธีรยุทธ ผู้ก่อเหตุ ตอนแรกดื่มกินกับเพื่อนที่ด้านหลังแฟลต ซึ่งผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาหาพวกตนในสภาพเมา และแต่งกายนอกเครื่องแบบ จากนั้นผู้ก่อเหตุได้บอกกับพวกตนว่า "ขอจับฉลากของขวัญด้วยหน่อย" ด้วยความที่ตนเองเคยเจอหน้าผู้ก่อเหตุอยู่ที่ สน.ดุสิต และเห็นว่าเป็นผู้พักอาศัยแฟลตเดียวกัน ตนและเพื่อน ๆ จึงให้ผู้ก่อเหตุมาดื่มกิน และมาร่วมวงจับฉลากของขวัญด้วย หลังจากจับของขวัญเสร็จ แม่ของตนและญาติผู้ใหญ่ที่เห็นท่าทาง ส.ต.อ.ธีรยุทธ ไม่ค่อยดี เนื่องจากมีอาการเมามาก จึงอาสาเดินไปส่ง ส.ต.อ.ธีรยุทธ ที่ด้านหลังแฟลต ให้เขาดื่มกินกับกลุ่มเพื่อนตำรวจของเขาต่อ
ต่อมา ส.ต.อ.ธีรยุทธ ได้เดินมาหากลุ่มของพวกตนเป็นรอบที่ 2 และมานั่งด้วย มีเพื่อนในกลุ่มตนชื่อตู่ขอกลับบ้าน แต่นายปิยพงษ์ ผู้ตาย ไม่ยอมให้เพื่อนกลับ พร้อมกับบอกว่า "อย่าเพิ่งกลับ อีกไม่กี่นาทีก็เคาต์ดาวน์แล้ว อยู่ด้วยกันก่อน" จากนั้น ส.ต.อ.ธีรยุทธ พูดขึ้นมาว่า "ไปแกล้งเพื่อนแบบนั้นทำไม" คนตายพูดว่า "ไม่ได้แกล้ง ปกติก็เล่นกันแบบนี้อยู่แล้ว" จากนั้น ส.ต.อ.ธีรยุทธ ก็เดินออกไปจากวงงานเลี้ยง
จากนั้นประมาณ 5 นาที ส.ต.อ.ธีรยุทธ ได้เดินวนกลับมาในวงงานเลี้ยงของพวกตนอีกรอบ นายปิยะพงษ์ ผู้ตาย ก็ได้เข้าไปยกมือขอโทษผู้ก่อเหตุ แต่ก็ไม่เป็นผล ส.ต.อ.ธีรยุทธ ควักอาวุธปืนออกมา ซึ่งนางสาวรัตติยา แฟนสาวตนเองเห็นท่าไม่ดี จึงได้เข้าไปห้ามและกอดส.ต.อ.ธีรยุทธ เอาไว้ทำให้อาวุธปืนที่อยู่ในมือผู้ก่อเหตุตกพื้น และผู้ก่อเหตุก็ไปหยิบปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้า 1 นัด
ตนเองและเพื่อนๆ รวมถึงนายปิยะพงษ์ ผู้ตายจึงวิ่งหนีไปที่ด้านหน้า สน.ดุสิต ผู้ก่อเหตุก็ได้วิ่งตามไปก่อเหตุยิงนายปิยะพงษ์ที่บริเวณหน้าศาลพระภูมิ ฝั่งด้านหน้า สน.ดุสิต รัวยิงอีกหลายนัด นายปิยะพงษ์ล้มลงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้น ผู้ก่อเหตุวิ่งหนีลงคลองน้ำด้านหน้า สน.ดุสิต และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ไปควบคุมตัวเอาไว้ได้
ทั้งนี้ตอนที่ ส.ต.อ.ธีรยุทธ มาขอร่วมจับฉลากของขวัญปีใหม่ ได้นำเงินสดจำนวน 500 บาท เป็นของขวัญในการร่วมงาน ผู้ก่อเหตุเขาจับฉลากได้ของขวัญของนายปิยะพงษ์ ผู้ตายอีกด้วย ได้เป็นกระเป๋าสะพายข้างสีดำ หลังจากผู้ก่อเหตุได้กระเป๋าใบนี้ไป พูดขึ้นมาว่า "ดีเลยได้กระเป๋า จะได้เอาไปใส่ปืน"
ด้านนางสาวรัตติยา ประทัก เพื่อนของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนจะเกิดเหตุ นายตู่ เพื่อนของผู้ตาย ได้ขอกลับบ้าน ผู้ตายจึงไม่ยอมให้กลับ ผู้ตายกับนายตู่ก็เล่นกันกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตามประสาเพื่อน แต่ ส.ต.อ.ธีรยุทธ เดินมาเห็น พูดกับผู้ตายขึ้นมาว่า "นั่นมันน้องพี่ อย่าเล่นกันแบบนี้" ผู้ตายบอกว่า "ผมเล่นกันแบบนี้พี่ ผมเพื่อนกัน ไม่มีอะไรหรอก" จากนั้นผู้ก่อเหตุก็เดินออกจากวงงานเลี้ยงออกมา หลังจากนั้น 5 นาที ผู้ก่อเหตุก็เดินเข้ามาในวงงานเลี้ยง แล้วเกิดเหตุยิงกันขึ้น
ตนคาดว่า ส.ต.อ.ธีรยุทธ กลับมาที่งานเลี้ยงของตนหลายรอบ เพราะเขาเห็นว่าในวงมีผู้หญิงอยู่ด้วยกันหลายคน และพอมีเรื่องกับผู้ตาย แล้วผู้ตายขอโทษเขาก็กร่าง อยากจะโชว์เพื่อนผู้หญิง ตนอยากให้เพื่อนตนที่เสียชีวิตได้รับความยุติธรรม เขาเป็นคนดี อยากให้ผู้ก่อเหตุรับโทษให้ถึงที่สุด
นายบอย ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองกับผู้ก่อเหตุ และเพื่อนกว่า 10 คน ได้ย่างหมูและดื่มกินกันอยู่หลังแฟลตตำรวจ ห่างจากจุดที่กลุ่มผู้เสียชีวิตจัดงานเลี้ยงกันประมาณ 5 เมตร ตนก็กินเลี้ยงอยู่แต่ฝั่งตน มีเพียงผู้ก่อเหตุเท่านั้นที่เดินไปเดินมาระหว่างกลุ่มตนกับกลุ่มผู้เสียชีวิต
โดนเหตุที่เกิดขึ้น กลุ่มเพื่อนผู้ตายผลักและรุมกระทืบและต่อย ส.ต.อ.ธีรยุทธ ทำให้ ส.ต.อ.ธีรยุทธ ถึงกับต้องชักปืนมายิงขู่ลงพื้น 1 นัด แต่ฝั่งกลุ่มเพื่อนผู้ตายก็ยังไม่ยอมหยุดทำร้าย ส.ต.อ.ธีรยุทธ กลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตได้ดันร่างของ ส.ต.อ.ธีนยุทธ ที่ตัวคนเดียวจากฝั่งแฟลตตำรวจมาจนมุมที่ข้างศาลพระภูมิฝั่งโรงพัก กลุ่มผู้เสียชีวิตได้รุมตำรวจอีกครั้ง ส.ต.อ.ธีรยุทธ จึงต้องชักอาวุธปืนมายิงอีกครั้งหลายนัด อาจเป็นจังหวะที่นายปิยะพงษ์ ผู้เสียชีวิต เข้ามาจึงถูกกระสุนปืนจนเสียชีวิต ตนยืนยันว่า ส.ต.อ.ธีรยุทธ ไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อน
นายตู่ เพื่อนของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนขอชี้แจงว่าตอนช่วงเกิดเหตุที่ผู้ก่อเหตุไม่พอใจที่ผู้ตายมาตบศีรษะตนนั้น ตนกับผู้ก่อเหตุไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น แค่รู้จักกันเพราะพักอาศัยแฟลตเดียวกันเท่านั้น เขาเจาะจงจะก่อเหตุกับผู้ตาย เพื่อนคนอื่นก็ตบศีรษะตน แต่เขาไม่หาเรื่องเพื่อนคนอื่น ๆ กรณีที่เพื่อนผู้ก่อเหตุให้ข่าวว่าฝั่งตนเริ่มรุมทำร้ายผู้ก่อเหตุก่อน จนกระทั่งเขาจนมุม และชักปืนมาก่อเหตุนั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง ในที่เกิดเหตุตนและกลุ่มเพื่อนแค่เข้าไปห้ามเท่านั้น ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายใคร ทั้งนี้ ตนได้เข้าไปรดน้ำศพเพื่อน ตนเห็นหน้าเพื่อนก็พูดอะไรไม่ออก เสียใจที่ช่วยเพื่อนไว้ไม่ได้
นางจันทร์เพ็ญ สิทธิบุ่น แม่ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ นายปิยะพงษ์ ลูกชายตนได้ไปกินเลี้ยงอยู่กับเพื่อนที่แฟลตตำรวจ ข้าง สน.ดุสิต ตอนนั้นตนได้คุยโทรศัพท์กับลูก ลูกชายก็บอกว่าเขาไม่ได้กลับบ้าน จะอยู่กินกับเพื่อน ตนเองน้อยใจและตอบกลับลูกชายว่า "ถ้าจะมาพรุ่งนี้ ก็ไม่ต้องมาแล้ว" ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่าสิ่งที่ตนพูดกับลูกจะเป็นเรื่องจริง
จากการสอบถามเพื่อนของลูกชายที่อยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่าตอนเกิดเหตุลูกชายเล่นกับเพื่อนสนิทที่ชื่อตู่รุนแรง ถึงขั้นตบศีรษะกัน ด่ากัน ผู้ก่อเหตุที่รู้จักนายตู่อยู่แล้วจึงเข้าใจผิดว่าลูกชายเล่นรุนแรงเกินไป เข้ามาต่อว่าลูกชาย จากนั้นลูกชายก็พูดกับผู้ก่อเหตุทำนองว่ามายุ่งอะไรด้วย กระทั่งเพื่อนในกลุ่มก็พยามเคลียร์ให้ แต่ก็เกิดเหตุขึ้นจนลูกชายตนถูกยิง ส่วนตัวคาดว่ากระสุนนัดแรกน่าจะโดนลูกชาย เพราะจากผลชันสูติ กระสุนฝังที่ขั้วหัวใจ
ทั้งนี้ ตนเกรงว่าการตายของลูกชายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เมื่อเช้าเพื่อน ๆ ของลูกชายขอดูกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ตำรวจ สน.ดุสิต ก็บอกว่ากล้องไม่ได้เสียบปลั๊ก ตนอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถ้าลูกหลานของท่านถูกกระทำแบบนี้ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ตนเป็นแค่คนธรรมดา หาเช้ากินค่ำ ตนเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ส่วนลูกชายก็เพิ่งจะทำงานใช้หนี้ให้ตน เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่กลับมาเสียชีวิตเสียก่อน
คนก่อเหตุเหมือนเห็นลูกชายเป็นนก เป็นหนู เหมือนลูกตนไม่ใช่คน เมื่อเช้านี้ตนได้เจอหน้าผู้ก่อเหตุในห้องขัง เขาได้ยกมือไหว้ตน แต่ไม่ได้พูดกับตน ซึ่งลูกชายตนสู้มือเปล่า ไม่สู้คน ยอมยกมือไหว้ทุกคนได้ก่อนเสมอ ตนอยากให้ผู้ก่อเหตุเขารับโทษให้ถึงที่สุด และอยากให้ครอบครัวของเขารับผิดชอบการตายของลูกชายด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับ ส.ต.อ.ธีรยุทธ จันทร์คง ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น, พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะ