วันที่ 2 ม.ค. 64 เมื่อเวลา 12.00 น. ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับเเจ้งมีผู้ถูกอาวุธมีดปาดคอและเเทงเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 44/10 ซอยบ้านโนน 1 ชุมชนโนนวัฒนา ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี จึงรีบไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ
พบศพนางอนงค์ เลิศอำนวยลาภ อายุ 66 ปี อยู่ภายในห้องนอน คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 4 ชั่วโมง ตรวจสอบตามร่างกายพบถูกแทงตามลำตัว 10-15 แห่ง และถูกปาดคอหลอดลมขาดเสียชีวิต นอนจมกองเลือด
ผู้ก่อเหตุคือ นายกิตติภัฏ อายุ 22 ปี หลานชายของผู้เสียชีวิต โดยหลังจากก่อเหตุฆ่าย่าของตัวเองเสร็จเเล้ว ได้ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีฟ้า ทะเบียน 1กฎ-9152 อุดรธานี ออกไปก่อเหตุใช้มีดพับไล่แทง น.ส.อาริยา เมืองมา อายุ 24 ปี หมอนวดแผนโบราณ
บาดเจ็บบริเวณด้านหลัง 4 แห่ง และพยายามปาดคอจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยผู้บาดเจ็บวิ่งออกจากร้านนวดไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีที่หน้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ห่างกันราว 100 เมตร
จากนั้น คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์บุกเข้าไปในโรงพยาบาลวัฒนา ที่ห่างจากร้านนวดแผนโบราณประมาณ 500 เมตร ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่แขนด้านขวา น.ส.ศิริรัตน์ พรมวงศ์ หรือ ออย อายุ 24 ปี ผู้ช่วยพยาบาล กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้เเจ้ง 3 ข้อกล่าวหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธปืนและอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ หรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร และทำร้ายร่างกายผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส
โดยนายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี ,พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมตำรวจสายตรวจ 191 ตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวนายกิตติภัฏ ที่บ้านเปิดเป็นฟิตเนสและสปา ทุกคนตกใจเพราะที่บ้านพักในห้องนอนพบศพนางอนงค์ ย่าของนายกิตติภัฏเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน
ตรวจค้นในบ้านและห้องนอน พบกล่องกระสุนขนาด 11 มม. มีกระสุนปืน 50 นัด ยารักษาโรคทางจิตประสาทจำนวนมาก พบว่าเพิ่งไปรับยามาล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 63
นายกิติภัฏ รับสารภาพด้วยความสับสนว่า "ตนเป็นผู้ที่ก่อเหตุฆ่าย่าแท้ ๆ ของตัวเอง เริ่มจากได้ไปบอกย่าว่าอยากได้ปืนที่ย่าเก็บไว้ในตู้เซฟ เอาออกมาขอถ่ายรูป ซึ่งตนอยากได้ปืนมายิงหัวตัวเอง เพราะอยากตาย มีคนมายุ่งเรื่องส่วนตัว มายุ่งกับโทรศัพท์ของตน โดยตนไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่คนข้างบ้านและทุกคนเขารู้หมด ตนอยากตาย แต่ไม่ได้อยากจะทำกับย่าแบบนี้ ตนฝืนตัวเองทำกับย่า ตนป่วยเป็นโรคจิตเวช และก็เคยถูกรถชน บ้านนี้ตนอยู่กับปู่ย่ารวมกัน 3 คน"
นายพรรคพล ทองศรี พนักงานประจำรถกู้ชีพ โรงพยาบาลนอร์ทอีสเทิร์นวัฒนา เล่าว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มีชายขี่รถจักรยานยนต์มาจอด ก่อนชักอาวุธปืนออกมายิงผู้ช่วยพยาบาล 1 นัด ตนเข้าไปสู้กับคนร้าย แล้วมีพี่อีกคนก็ช่วยเข้าจับคนร้ายเอาไว้ด้วย ในตอนนั้นตนคิดอย่างเดียวว่าไม่ให้คนร้ายยิงใครเพิ่มอีก
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวคนร้ายไป พบอาวุธปืน 11 มม. พร้อมมีดพับยาวประมาณ 6 นิ้ว และเป็นคนร้ายคนเดียวกับที่ก่อเหตุแทงพนักงานนวด ห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 800 เมตร เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปที่บ้านพักที่ห่างจากโรงพยาบาล ประมาณ 200 เมตร และพบศพของย่าคนร้ายที่ถูกฆาตกรรม
นายขจรศักดิ์ เลิศอำนวยลาภ อายุ 73 ปี ปู่ของนายกิติภัฏ บอกว่า นายกิติตภัฏเป็นหลานของตน เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ของนายกิตติภัฏไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ แล้วพานายกิตติภัฏไปเรียน จนประมาณ 3 เดือนที่แล้ว นายกิตติภัฏกลับมาเมืองไทย เพื่อรักษาตัว และยังไม่สามารถกลับไปได้ เพราะติดสถานการณ์โควิด-19 และก่อนหน้านี้ หลานก็ไม่เคยมีความก้าวร้าว ส่วนยารักษาของหลาน ย่าเขาก็จะเป็นคนเอาให้กินทุกวัน
โดยเช้าวันนี้ตนออกไปตกปลา หลานก็สั่งอาหารมากินปกติ และก็ชอบหยอกเล่นกับย่า ส่วนปืนเป็นของตนที่ซื้อมาเมื่อ 40 ปีที่แล้วที่มีทะเบียนถูกต้อง โดยให้ย่าเขาเป็นคนเก็บเอาไว้ ตนก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปเก็บที่ไหน เมื่อมาเกิดเหตุขึ้น คิดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ หลานก็ไม่พูดอะไร ตนอยากจะถามหลานว่าทำไมถึงทำแบบนี้
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านหลังเกิดเหตุ สภาพเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ไม่พบคนอยู่ในบ้าน นายจักรภพ เปรมปรี อายุ 33 ปี เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ตรงข้ามบ้านเกิดเหตุ เล่าว่า ตั้งเเต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เลย จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยง ตำรวจได้มาที่บ้านหลังดังกล่าว จึงทราบว่ามีเหตุฆาตกรรมขึ้น
ที่ผ่านมา บ้านหลังดังกล่าวจะมีผู้อาศัย 2 คน คือผู้เสียชีวิต กับสามี ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นคนอัธยาดี คนในพื้นที่ต่างรักใคร่ ส่วนผู้ก่อเหตุตนไม่รู้จัก เนื่องจากเพิ่งมาอาศัยอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน เเต่จากการสังเกตพบว่าส่วนใหญ่อาศัยอยู่เเต่ในบ้าน ซึ่งตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่ามีอาการทางประสาท เพราะดูท่าทางปกติ "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าทั้ง 3 เหตุการณ์ ผู้ก่อเหตุจะเป็นเพื่อนบ้านที่เห็นกันทุกวัน"