กรณีนางยลกมล มีหวานหลึม อายุ 48 ปี ร้องเรียนกับสื่อมวลชนเกี่ยวการเสียชีวิตของนายวรพงษ์ พันเสนา อายุ 28 ปี ผู้เป็นลูกชาย เนื่องจากวันที่ 29 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา มีชาย 2 คน อ้างตัวว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปรื้อค้นบ้านพักในพื้นที่ ต.เมืองหงส์ อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ก่อนจะคุมตัวนายวรพงษ์ไป
หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง ก็โทรศัพท์ให้คนไปรับกลับบ้าน แต่เมื่อกลับถึงบ้านนายวรพงษ์ ก็มีอาการชักเกร็งและอาเจียนน้ำลายฟูมปาก และบอกว่าถูกตำรวจฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกาย และสุดท้ายนายวรพงษ์ ก็เสียชีวิต แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ล่าสุดวันที่ 5 ม.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ล้านเลขที่ 83 บ้านดอนมะหรี่ หมู่ 7 ต.เมืองหงส์ อ.จตุรพักตร์พิมาน จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ พบว่าศพของนายวรพงษ์ พันเสนา ได้ถูกฌาปนกิจไปตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.64 ที่ผ่านมา หลังจากที่ส่งผ่าชันสูตรเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้ยังต้องรอผล 45 วัน
โดยทีมข่าวได้เข้าไปดูในห้องนอนของนายวรพงษ์ที่เคยถูกรื้อค้น พบว่าญาติได้จัดของให้เป็นระเบียบตามเดิมแล้ว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางยลกมล มีหวานหลึม อายุ 48 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ มีเพียงยายของผู้ตาย และเพื่อนของยายที่อยู่ในเหตุกาณ์ ซึ่งจากคำบอกเล่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.63 เวลาประมาณ 11.00 น. ขณะที่นายวรพงษ์นอนอยู่ในห้องนอน ก็มีชายฉกรรจ์ 2 คน ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้าน และเข้ามาขอตรวจค้นบ้านพร้อมอ้างตัวเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบในสังกัด สภ.จตุรพักตรพิมาน
หลังจากนั้นชายทั้ง 2 คนได้ไปเคาะห้องของนายวรพงษ์ และขู่ว่าถ้าไม่เปิดประตูจะพังประตูเข้าไป จนผู้ตายยอมเปิดและให้ชายทั้ง 2 คน เข้ารื้อค้นหายาเสพติดภายในห้องของนายวรพงษ์ แต่ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้จับนายวรพงษ์ใส่กุญแจมือ และโทรให้พรรคพวกมารับ ซึ่งก็มีรถกระบะสีขาวสี่ประตูขับมารับคุมตัวไป และทราบภายหลังว่าตำรวจได้ตามจับชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงไปอีก 2 คน ทราบภายหลังว่าถูกคุมตัวไปที่ ห้องสืบสวน สภ.จตุรพักตรพิมาน
กระทั่งเวลา 15.00 น. ทั้ง 3 คนที่ถูกจับได้ถูกปล่อยตัวออกมา โดยมีนายเจ๋ง คนในหมู่บ้านไปรับจากห้องสืบสวน และได้ขับรถเก๋งมาส่งนายวรพงษ์ที่บ้าน ซึ่งช่วงที่ผู้ตายอยู่ที่ สภ.จตุรพักตรพิมาน นายวรพงษ์ เริ่มมีอาการป่วยปัสสาวะราด ตัวแข็ง ซึ่งเมื่อกลับมาส่งได้เพียงครึ่งชั่วโมง นายวรพงษ์ก็มีอาการชักเกร็งและอาเจียนน้ำลายฟูมปาก
ที่สำคัญลูกชาย บอกว่า ถูกตำรวจฉีดสารบางอย่างเข้าร่างกาย เมื่อญาติได้ยินดังนั้น จึงได้รับนำตัวนายวรพงษ์ส่งโรงพยาบาล สุดท้ายก็เสียชีวิต ด้วยอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
หลังจากลูกชายเสียชีวิตไป กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะรู้สึกสงสัยในการทำงานของตำรวจ เนื่องจากในสำนวนระบุว่า ลูกชายของตนกลับจากกระท่อมและมาพักที่บ้าน สุดท้ายก็เสียชีวิต ซึ่งในสำนวนไม่มีการระบุเลยว่า ก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิตนั้น เพิ่งกลับจาก สภ.จตุรพักตรพิมาน ซึ่งตนมองว่าทางโรงพัก ผลักภาระเรื่องที่ลูกชายตนเสียชีวิต
ทั้งนี้ยอมรับว่าลูกชายมีประวัติเสพยาเสพติดจริง แต่ถ้าเขาผิดก็ควรดำเนินคดีเขาตามกฎหมาย และในช่วงเกิดเหตุนั้น โรงพยาบาลก็อยู่ใกล้ ๆ แต่ตำรวจก็ไม่นำตัวลูกชายไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนมั่นใจว่าลูกน่าจะเสียชีวิตด้วยยาบางอย่าง เพราะลูกชายเป็นคนร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวและเคยสมัครเป็นทหารเกณฑ์มาแล้วด้วย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางทา โนนอาสา อายุ 78 ปี ยายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุนั้น เวลา 11.00 น. ตนก็นั่งอยู่หน้าบ้าน แต่ชาย 2 คนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ บุกเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่พูด และไม่อธิบายอะไรให้ตนฟังเลย เดินเข้าไปเคาะประตูห้องพักของหลานชาย และขู่ว่าจะพังประตูถ้าไม่เปิดห้อง จนทำให้หลานชายต้องเปิดห้อง ชายทั้ง 2 คนจึงค้นห้อง แต่ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมาย สุดท้ายก็จับหลานชายใส่กุญแจ และเรียกรถกระบะสีขาวสี่ประตูมารับไปโรงพัก กระทั่งเวลา 15.00 น. นายเจ๋ง ก็ขับรถเก๋งมาส่งหลานชายที่บ้าน และหลานชายก็เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนเลี้ยงหลานชายมาตั้งแต่เด็ก ๆ ที่ผ่านมาเขาก็ช่วยหาเห็ด เก็บผัก เลี้ยงดูตนมาตลอด เมื่อขาดหลานชายไปตนก็คงใช้ชีวิตอย่างลำบาก จึงอยากขอให้ตำรวตให้ความยุติธรรมกับหลานชายของตนด้วย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเจ๋ง (สงวนชื่อ-นามสกุล) อายุ 40 ปี ผู้ที่รับผู้ตายกลับจากโรงพักมาส่งบ้าน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุนายวรพงษ์โทรหาตนให้ช่วยไปรับที่โรงพัก ซึ่งตนก็ขับรถไปรับเขาที่หน้าห้องสืบสวน สภ.จตุรพักตรพิมาน ซึ่งช่วงที่อยู่ที่โรงพัก นายวรพงษ์ก็ปัสสาวะราด และเมื่อขึ้นรถเก๋งของตน เจ้าตัวก็เริ่มขาเกร็ง แข็งขยับไม่ได้ กระตุกไปมาและปัสสาวะราดบนรถอีกครั้ง ตนก็ถามว่าเขาไหวหรือไม่ ด้านนายวรพงษ์ก็ตอบเพียงว่า "ไหวครับ"
ทั้งนี้ตนก็รีบนำตัวเขาไปส่งที่บ้าน ซึ่งทันทีที่ถึงบ้านและลงจากรถ นายวรพงษ์ ก็ปัสสาวะราดที่หน้าบ้านอีก ซึ่งสุดท้ายตนก็มาทราบข่าวว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจและร้องไห้ติดต่อถึง 2 วัน
นอกจากนี้ ตอนขับรถกลับไปส่งนายวรพงษ์ที่บ้าน เจ้าตัวก็ไม่ได้บอกว่าถูกฉีดยาอะไรเข้าร่างกาย แต่การเสียชีวิตในครั้งนี้ ตนมองว่าในช่วงที่ตำรวจบุกค้นบ้าน นายวรพงษ์ อาจจะกลืนยาเสพติดเข้าไปเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายยาออกฤทธิ์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนไม่รู้ข้อมูลที่ว่าตำรวจฉีดยาให้ผู้ตาย และตนก็ไม่ได้เป็นคนบอกญาติผู้ตาย แต่ผู้ตายเป็นคนที่พูดเรื่องนี้กับญาติเอง
พล.ต.ต.ไพโรจน์ มังคลา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า จากการได้รับรายงานข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นข่าว ทราบว่าวันเกิดเหตุวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนอกเครื่องแบบ ได้ไปยังบ้านผู้ตาย เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้จับกุมผู้เสพยาเสพติด ได้และซัดทอดไปยังผู้ค้ายารายหนึ่งที่ตามจับกุมได้พร้อมยาบ้า 99 เม็ด และซัดทอดว่าผู้ตายเป็นคนนำมาขายให้ จึงเข้าไปจับกุมตามอำนาจที่ไม่ต้องใช้หมายค้น
แต่ผู้ตายไม่ยอมเปิดประตู และน่าจะหาที่ซุกซ่อนของผิดกฎหมายเป็นเวลานาน จึงยอมเปิดประตูค้นในห้อง ไม่พบยาและสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้จับกุมผู้เสียชีวิตมาสอบสวนที่สถานีตำรวจ และบันทึกปากคำก่อนที่จะปล่อยตัวกลับบ้านกับเพื่อน 2 คน แต่มาทราบว่าเสียชีวิตเป็นไปได้ว่าผู้ต้องหากลืนยาเสพติดลงท้องหนีความผิด ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ