เจอพิรุธ! ยิงพ่อค้าถั่วต่อหน้าเมียสมองพิการ แม่ยายปัดฆ่าแต่พยานแฉพูดเท็จ (คลิป)

กรณีเมื่อวันที่ 5 ม.ค.64 เวลาประมาณ 14.00 น.ร.ต.อ.อำนวย หมาดอี ร้อยเวร สภ.ละงู จ.สตูล รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่หน้าบ้านเลขที่ 284 หมู่ที่ 5 บ้านทุ่ง ต.ละงู อ.ละงู จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมชุดสืบสวน กก 9 บก.รน.

เมื่อไปถึงพบศพนายสุรินทร์ สุขขี อายุ 44 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ นอนเสียชีวิตที่หน้าบ้านของตัวเอง ถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบชนิด ที่บริเวณหน้าอก 3 นัด แขนขวา 1 นัด และที่บนแคร่หน้าบ้านพบน.ส.นฤมล เพ็ชนะ อายุ 46 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ซึ่งนอนป่วยอัมพาต ถูกกระสุนบริเวณหัวเข่าข้างขวา 1 นัด

เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีอาชีพเร่ขายถั่วต้ม ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนกลับจากตลาด เมื่อไปถึงหน้าบ้านก็จอดรถจักรยานยนต์ที่บริเวณหน้าบ้าน ชาวบ้านเห็นคนร้ายไม่ทราบชื่อ ปรี่เข้ามาใช้อาวุธปืนพกสั้นไม่ทราบชนิด ยิงไปที่ผู้ตาย ประมาณ 5-6 นัดจนเสียชีวิต

จากการสอบสวนเพิ่มเติมทราบว่า ผู้เสียชีวิตไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และไม่ถูกกับญาติฝ่ายภรรยา ขณะที่สาเหตุการเสียชีวิตเจ้าหน้าที่สันนิษฐาน เป็นเรื่องความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านหรือญาติฝ่ายภรรยา โดยตำรวจจะตั้งข้อหาแก่ผู้ก่อเหตุ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ล่าสุดวันนที่ 6 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ บ้านเลขที่ 284 หมู่ที่ 5 บ้านทุ่ง ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล เป็นบ้านชั้นเดียว ติดกัน 2 ห้อง ประตูเหล็กยืด ห้องของผู้เสียชีวิต พบรถจักรยานยนต์พ่วงข้างมีหลังคา 1 คัน ทะเบียน 1 กจ 1982 สตูล มีผักสด ข้าวสารและอาหารแห้ง ยังคงคาอยู่ที่ตระกร้าหน้ารถ

อีกทั้งในบ้านมีรถจักรยานยนต์จอดอยู่อีก 1 คัน ทะเบียน คขค 996 สงขลา หน้าบ้านเปิดไฟทิ้งไว้ 1 ดวง โดยขณะที่สำรวจ ไม่พบใครอาศัยอยู่ภายในบ้าน

ทั้งนี้นายรอสาก หลีนุ่ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ได้พาทีมข่าวดูจุดที่ผู้เสียชีวิตนอนเสียชีวิต จึงทราบว่าผู้เสียชีวิต นอนเสียชีวิตบริเวณเสาฝั่งซ้ายหน้าบ้าน ส่วนน.ส.นฤมล นอนบาดเจ็บอยู่บ้านรถจักรยานยนต์พ่วงข้างทะเบียน 1 กจ 1982 สตูล ที่ยังมีข้าวของ ยา และอาหารแห้ง ข้าวสาร ผักสด วางอยู่ในรถ และตะกร้าหน้ารถ

นายรอสาก เปิดเผยว่า ตนไม่คุ้นชินกับผู้เสียชีวิตเลย เพราะผู้เสียชีวิตไม่ชอบสุงสิงกับชาวบ้าน แต่ทราบว่าผู้เสียชีวิตมีอาชีพขายถั่วต้ม ที่ผ่านมาชาวบ้านไม่เคยมาฟ้องว่ามีปัญหาอะไรกับผู้ตาย มีแต่ญาติ อย่างแม่ยายผู้เสียชีวิต ที่เคยมีปัญหาเรื่องที่ดินเมื่อปี 2562 เรื่องไปถึงศูนย์ดำรงค์ธรรม ตนก็ไปช่วยไกล่เกลี่ย ตามเรื่องที่ดินเป็นของแม่ยาย ซึ่งรายละเอียดไม่สามารถพูดได้ แต่หลัก ๆ แล้วคู่สามีภรรยาดังกล่าวจะไม่สุงสิงกับใคร

โดยภรรยาของผู้เสียชีวิต ก่อนหน้านี้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และผู้เสียชีวิตพาไปอยู่ จ.นครศรีธรรมราช จนหายดี แต่ต่อมาภรรยาผู้เสียชีวิตป่วยเป็นอัมพาตซ้ำอีกรอบ ขณะนั้นก็ทราบว่าผู้เสียชีวิตได้พาย้ายกับมา อยู่ที่จ.สตูล โดยย้ายมาจาก ต.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ตรงนี้ตนมองว่าพฤติกรรมของผู้เสียชีวิต คล้ายกับว่าถ้าภรรยาตาย ก็คงหวังจะได้ที่ดินหรือไม่

ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปกครอง จะเข้าไปเยี่ยมภรรยาผู้เสียเสียชีวิต แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง กระทั่งแม่ยายไปฟ้องนายอำเภอ ขอให้เข้ามาช่วยดูแลลูกสาว แต่ก็ถูกผู้เสียชีวิตปฏิเสธอีกครั้ง กระทั่งเมื่อเดือน ธ.ค.63 ที่ผ่านมา จู่ ๆ ผู้เสียชีวิตก็อนุญาตให้ทางอัยการจังหวัด พร้อมญาติเข้าไปดูและภรรยาได้ ตอนนั้นตนเห็นสภาพที่นอนภรรยาผู้เสียชีวิตไม่มีอะไรเลย ตนก็ให้ผู้ช่วยทำแคร่ที่นอนให้

ส่วนปมเหตุที่โดนยิง ตนไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้คุ้นเคยกับผู้เสียชีวิต แต่ผู้เสียชีวิตเป็นคนต่างจังหวัด มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ยุ่งกับใคร ไม่ให้ใครยุ่ง ทั้งนี้จึงไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุตามมาจากภูมิลำเนาเดิมหรือไม่ ส่วนจะเป็นเรื่องที่ทะเลาะกับแม่ยายหรือไม่ ตนมองว่าคงไม่เกี่ยว เพราะศูนย์ดำรงค์ธรรมเคลียร์ให้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ตนคาดการณ์ว่าการที่ผู้เสียชีวิตไม่ให้ใครเข้าเยี่ยมภรรยา อาจจะเป็นเพราะกังวลคนที่ติดตามอยู่จะมาทำร้ายหรือไม่ จึงทำให้ระแวงมาโดยตลอด และผู้เสียชีวิตก็มักบ้านปิดเงียบ อยู่บ้านเดียว พฤติกรรมเวลาไปข้างนอก ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็นำภรรยาขึ้นรถพ่วงข้างไปด้วยทุกครั้ง ซึ่งการทำแบบนี้อาจใช้ไปเป็นเครื่องป้องกันตัวหรือไม่ เพราะถ้าผู้เสียชีวิตไม่มีอะไร หรือไม่เคยมีเรื่องกับใคร ระยะทางใกล้ ๆ ก็ไม่ควรนำภรรยาไปด้วย เพราะบ้านแม่ยาย บ้านญาติภรรยาก็อยู่ในละแวกเดียวกัน นอกจากนี้ ความคืบหน้าในคดี ตนได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละงู เพราะเป็นห่วงลูกบ้าน แต่ตอนนี้ไม่ได้เบาะแสคนร้ายเลย

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางเข้าเยี่ยม น.ส.นฤมล ผู้บาดเจ็บ ภรรยาผู้เสียชีวิต ซึ่งบาดเจ็บจากการถูกคนร้ายยิงบริเวณต้นขาขวาที่ รพ.ละงู พบนางสะเดียะ สวะหลัง อายุ 68 แม่น.ส.นฤมล เป็นผู้เฝ้าไข้ และได้พบกับ นายฟูเกียรติ วังนิล นักวิชาการยุติธรรมของสำนักงาน ยุติธรรมจังหวัดสตูล เดินทางเข้าเยี่ยมเพื่อแจ้งสิทธิ์ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ในคดีอาญา โดยจะมีการดำเนินการเข้าคณะอนุกรรมการระดับจังหวัด คาดว่าอย่างน้อย 1-2 เดือน จะสามารถมอบเงินเยียวยาให้ผู้เสียหายได้

ขณะที่ทีมแพทย์ รพ.ละงู บอกกับทีมข่าวว่า ขณะนี้ผู้บาดเจ็บเท่ากับว่า เป็นคนพิการ สืบเนื่องจากเดือน ต.ค.63 ที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บเกิดอาการไขมันอุตันในเส้นเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ จึงเกิดอาการสโตรก ซึ่งแพทย์อาจจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูกล้ามเนื้อต่ออีก 6 เดือน เป็นอย่างน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ทำให้ขณะนี้ น.ส.นฤมล กลายเป็นคนไร้ความรู้สึกและป่วยอัมพาต ทั้งร่างกายและสมองจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย โดยทีมข่าวเห็นน.ส.นฤมล อยู่ในอาการร้องไห้ มีน้ำตาอย่างเดียว

นางสะเดียะ แม่ของน.ส.นฤมล ผู้บาดเจ็บ หรือแม่ยายนายสุรินทร์ ผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนไปอ่านหนังสืออิสลาม ที่สุเหร่าห้วยมะพร้าว เพื่อนบ้านไปตามว่า ลูกเขยถูกยิง ตอนนั้นเข้าพิธีละมาดแล้ว จึงไม่ทันได้ดูศพลูกเขย และไม่ทันได้เยี่ยมลูกสาว เพราะแพทย์งดเยี่ยมแล้ว แต่ได้รับการสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ตนยอมรับว่า เคยมีปากเสียงกับลูกเขย เพราะลูกเขยติดยาเสพติด เวลาขาดยาจะพูดไม่รู้เรื่อง และมักจะทำร้ายลูกสาว แต่ตนช่วยเหลืออะไรลูกสาวไม่ได้เลย เพราะลูกเขยขึงขัง ไม่ให้ยุ่ง และเคยมีปัญหากันเรื่องที่ดิน เนื่องจากก่อนที่ลูกสาวตนจะอยู่กินกับลูกเขยคนนี้ ตนได้ยกที่ดินทั้งผืนให้กับลูกสาว แต่ต่อมาตนได้เห็นพฤติกรรมลูกเขย จึงบอกลูกสาวว่าให้ทำพินัยกรรมให้ตนเป็นคนดูแลที่ดิน ไม่เช่นนั้นลูกเขยขายหมดแน่ ๆ ซึ่งต่อมาลูกเขยพยายามจะนำที่ดินผืนดังกล่าวไปขาย แต่ทำไม่ได้เนื่องจากพินัยกรรมระบุไว้ว่า ตนเป็นคนดูแล จนลูกเขยไปอายัดที่ดิน เรื่องไปถึงอำเภอ จังหวัด และศูนย์ดำรงธรรม จึงมีการเคลียร์กันว่าให้ลูกเขยสามารถอยู่ที่ดินผืนนี้ได้ แต่ตนไม่อนุญาตให้ขาย โดยตั้งแต่นั้นมาตนก็ไม่เคยสุงสิง และเข้าไปพูดคุยกับลูกเขยอีกเลย

ขณะเดียวกันตนยอมรับว่า เจ็บใจทุกครั้งที่ลูกเขยทำลูกสาว และไม่ให้ใครเข้าให้ความช่วยเหลือ แต่ตนก็คิดว่าคิดว่าอัลเลาะห์กำหนดไว้ ซึ่งยอมรับว่าความดีของลูกเขยก็มี และรู้ว่าเสียชีวิตก็ส่งสาร เพราะที่ผ่านมาลูกเขยก็ช่วยดูแลลูกสาว แต่มีความชั่วอย่างเดียวคือติดยา พูดไม่รู้เรื่อง และลูกเขยเคยบอกว่าไม่กลัวใคร แต่อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ชอบลูกเขยขนาดไหน ก็ไม่เคยคิดทำร้าย และตอนนี้ก็คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนลงมือฆ่าลูกเขย และทำร้ายลูกสาว

ทีมข่าวจึงเดินทางมาที่ มัสยิดอัลมูฮาญีรีน พบว่าวันนี้มีผู้มาเรียนหนังสือวิชา อัลกุรอาน แต่วันนี้พบแต่ชาวอิสลามเพศชายมาเรียน ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พบกับหญิงสาว อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าเรียนหนังสือเมื่อวันที่ 5 ม.ค.64 เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เริ่มเรียนหนังสือกันเวลา 13.00 น. แต่ไม่พบนางสะเดียะ มาเข้าเรียนด้วย เหมือนเคย พบเพียงพี่สาวของนางสะเดียะ ที่มาเรียน

แต่เรียนได้ประมาณ 30 นาที เวลาประมาณ 14.00 ก็เห็นนางสะเดียะ ขี่รถจักรยานยนต์ มากับหลานชาย เพื่อขออนุญาตคุณครูว่าจะพาพี่สาวไปทำธุระ เมื่อคุณครูอนุญาต ทั้ง 3 คนก็พากันขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทันที ซึ่งตนก็ได้สังเกตนางสะเดียะไม่พบพฤติกรรมเร่งรีบแต่อย่างใด จากนั้นก็ไม่ทราบว่าพากันขี่รถไปทางไหน เพราะตนอยู่ด้านในสุเหร่า จึงมองไม่เห็น ขณะเดียวกันตนไม่ได้สนิทกับ นางสะเดียะ จึงไม่รู้จักนิสัยใจคอ ส่วนเมื่อวานนี้ก็มีตำรวจมาพบครูสอนที่สุเหร่าเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สภ.ละงู ให้ข้อมูลว่า คดีนี้ไม่น่าจะยาก ขอแค่พยานแวดล้อมเปิดปาก เพราะคาดว่าคนก่อเหตุน่าจะเป็นคนในหมู่บ้านทุ่ง ขณะที่ตำรวจไปถึงจุดเกิดเหตุศพนายสุรินทร์แล้ว และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มา ในระยะก่อนถึงบ้านนายสุรินทร์ ประมาณ 14.00 น. ขณะเดียวกันจากการสอบสวน ยืนยันว่าคนร้ายมายิงขู่ก่อนก่อเหตุยิงนายสุรินทร์ จนเสียชีวิต