หลังจากที่ทางอมรินทร์ ทีวี ได้นำเสนอเรื่องราวของป้ามหาภัย หรือป้ารักแร้เหนียว ซึ่งออกมาก่อเหตุล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ม.ค.64 ที่ผ่านมา และผู้เสียหายรายหนึ่งไปพบตัวป้าคนดังกล่าวไปโผล่ในพื้นที่แถวมหาวิทยาลัยกรุงเทพ แล้วบุกประชิดตัวป้า แต่ป้ากลับใช้มีดขู่และรีบขึ้นแท็กซี่หลบหนีไปได้
ล่าสุดวันที่ 6 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับน.ส.แอน (นามสมมติ) พนักงานร้านสะดวกซื้อ เล่าให้ทีมข่าวถึงเหตุการณ์ที่พบเจอป้ารักแร้เหนียวอีกครั้งว่า วันที่ 5 ม.ค.64 เวลาประมาณ 21.00 น. ตนไปหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้ออีกแห่งใกล้คลอง 1 ตรงข้ามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กระทั่งเวลาประมาณ 21.09 น. ป้ารักแร้เหนียว โผล่มาถามเพื่อนของตนว่า “มีกล้วยน้ำหว้าไหมจ๊ะ?” เพื่อนตนจึงตอบกลับไปว่า มีแต่กล้วยหอม แล้วก็สะกิดตนให้ดูว่าใช่ป้าคนเดียวกันที่ตนเจอหรือไม่
เมื่อตนชะเง้อหน้าดูแล้วพบว่าเป็นคนเดียวกัน ตนจำได้ว่าป้าติดกิ๊ฟเหมือนเดิม ใช้สายคล้องหน้ากากอนามัยเหมือนเดิม ใช้กระเป๋าใบเดิม แต่มีการทำสีผมเป็นสีแดง และเปลี่ยนหน้ากากอนามัยเป็นสีชมพูแทน ตนจึงเดินเข้าไปทวงถามถึงเงิน 500 บาท ที่ป้าฉกเงินทอนไปเมื่อวันที่ 3 ม.ค.64 ที่ผ่านมา และบอกเพื่อนให้ช่วยพยายามรีบล็อกตัว จากนั้นตนก็โทรแจ้งตำรวจ สภ.คลองหลวง
ทั้งนี้เมื่อป้ารักแร้เหนียวเห็นว่าตนโทรแจ้งตำรวจ จึงพยายามบ่ายเบี่ยงและเดินหลบหนีไปทางห้องน้ำในปั๊ม พอตนเข้าไปที่ห้องน้ำก็พบว่าป้าใช้มีดทำครัว ความยาวประมาณ 20 ซม. ซึ่งล้วงออกมาจากกระเป๋า แล้วพูดขู่ตนว่า “อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาจะแทง” ตนจึงวิ่งหนีออกจากห้องน้ำ เนื่องจากกลัวป้าใช้มีดแทง
จากนั้นคนร้ายได้เดินหนีตนออกปั๊ม ตนจึงถ่ายคลิปไว้ ซึ่งป้าก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ใช่ และพยายามเดินหนี ซึ่งตนพยายามตะโกนบอกว่า “โจร ๆ ๆ” บอกให้คนบริเวณนั้นช่วยจับ แต่ก็ไม่มีใครช่วยจับ หลังจากนั้นป้าก็ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งตนก็รีบข้ามสะพานลอยตามไป แต่ขณะนั้นป้าก็วิ่งไปขึ้นรถแท็กซี่ ทะเบียน 1 ฆข 3176 กรุงเทพฯ สีเขียวเหลือง มุ่งหน้าไปทางนวนคร
แต่อย่างไรก็ตาม ป้าทำสมุดตกทิ้งไว้ ตำรวจเก็บหลักฐานไปตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งภายในสมุดเป็นการจดลักษณะสีเสื้อ และสถานที่ก่อเหตุในแต่ละวัน ซึ่งป้าอาจจะดูวันสีเสื้อตามวันมงคล เนื่องจากมีข้อความเขียนว่า โชคดีมีชัย อาจจะหมายความว่า "ไม่โดนจับ" แต่วันที่ 5 ม.ค.64 อาจจะลืมดูสีเสื้อประจำวันแล้วสีขาวเป็นกาลกิณี ทำให้บังเอิญเจอตนเข้า ตนเสียดายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาไม่ทัน ไม่เช่นนั้นก็คงจับตัวป้ามหาภัยได้แล้ว ส่วนตัวอยากให้จับตัวได้ไว ๆ ป้าจะไม่ได้ไปก่อเหตุแบบนี้อีก
ส่วนเรื่องการงาน ตนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังจากที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อออกไป ตนขอยืนยันว่า มีเจตนาที่จะเตือนภัยสังคมในฐานะพลเมืองดี ไม่ได้มีเจตตนาไปพาดพิง หรือต้องการสร้างความเสียหายให้กับบริษัทอย่างไร
ทั้งนี้น.ส.แอนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.คลองหลวงอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้ง เนื่องจากเข้าใจว่าผู้เสียหายคือบริษัท แต่ตนยืนยันว่าตนคือผู้เสียหาย เพราะเงินที่หายไปตนเป็นผู้รับผิดชอบในการคืนร้านค้าไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวน น.ส.แอนอีกครั้ง และกำลังเร่งติดตามตัวของคนขับรถแท็กซี่
เมื่อทีมข่าวถอดรหัสสมุดบันทึกของป้ารักแร้เหนียว วันที่ 1 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมชุดสีชมพู" พิกัดก่อเหตุที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี
วันที่ 2 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมชุดกันหนาวสีแดง" พิกัดก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ย่านรังสิต จ.ปทุมธานี
วันที่ 3 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมเสื้อลายเสือ" พิกัดก่อเหตุที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในปั๊มน้ำมัน ย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมกับระบุว่า "โชคดีมีชัยคลาดแคล้ว"
วันที่ 4 ม.ค.64 จดบันทึกว่า "สวมชุดสีชมพู กระดุมติดคอ" พิกัดก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อย่านประตูน้ำพระอินทร์ จ.ปทุมธานี พร้อมระบุว่า "โชคดีมีชัยคลาดแคล้วกับสิ่งต่าง ๆ"
ทั้งนี้เมื่อประเมินความเสียหายเบื้องต้นตลอดทั้งปี 63 ที่ป้ารักแร้เหนียวก่อเหตุ สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้ ก่อเหตุ 1 วันได้เงิน 500 บาท ซึ่งเมื่อทำทุกวันติดต่อกัน และถ้าหนีคดี 363 วัน ความเสียหายจะเท่ากับ 181,500 บาท แต่พนักงานที่เป็นเหยื่อของป้ารักแร้เหนียว กลับมีเงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ 13,000 บาท