ถ้าพูดถึงพิธีกรมืออาชีพตัวท็อปของวงการ หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อของพิธีกรสาวหมวย "ได๋ ไดอาน่า" อย่างแน่นอน ทำให้สาวคนนี้แทบไม่เคยหายหน้าไปจากวงการบันเทิงเลย ล่าสุดรีบเคลียร์คิวว่างให้รายการ ต้มยำอมรินทร์ ทันที มานั่งพูดคุย เปิดเส้นทางชีวิตการเป็นพิธีกร พร้อมเผยเรื่องหัวใจที่เจ้าตัวยอมตอบแล้วว่าแต่งแน่ปีนี้!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ล้วงหัวใจ Top 5 มิสยูนิเวิร์ส 2019 "ฟ้าใส ปวีณสุดา" เผยชีวิตนี้ไม่เคยมีความรัก!!
- "แจ็ค แฟนฉัน" ไม่ธรรมดาจับไมค์ครั้งแรกวิวทะลุ 10 ล้าน รับแต่งแน่กับแฟนสาวคนนี้
- "ชาย ชาตโยดม" รับติดลูกติดภรรยาจนเพื่อนเลิกคบ พร้อมเล่ากว่าจะได้ลูกคนที่สองเกือบท้อ
- เปิดเรื่องหลอน! จากปากคนดัง "ป๋อง กพล & เอ้ ชุติมา" เผยชีวิตคลุกคลีกับผีเป็นกิจวัตร!
- ปีหน้าปังแน่!! "หมอต๊อกแต๊ก A4" เปิดดวง 12 ราศี พร้อมเผยเคล็ดลับไหว้เสริมดวง ปี 2564
- "หมอต๊อกแต๊ก A4" เปิดดวงปีชง 2564 พร้อมเผยเคล็ดลับการแก้ปีชงแบบครบสูตร
- ดูบังเกิดเกล้าย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ได๋ ไดอาน่า : คือจะบอกว่าอยู่ในวงการมานานมากจริงๆ ผู้ที่ตัดสายสะดือให้กับ อั๋น ภูวนาถ คือ ดิฉันเอง เพราะวันแรกที่คุณภูวนาถ ประกวดร้องเพลงก็เป็นงานแรกที่ดิฉันเป็นพิธีกรครั้งแรกในชีวิตเหมือนกัน ตอนที่เราเข้าวงการอายุประมาณ 13 ย่าง 14 ปีนี้อายุ 40 แล้ว แต่อย่าไปสนเรื่องอายุเลยเนอะ อายุเป็นเพียงตัวเลข
ถาม เป็นคนจีนที่ฟิวชันมาก
ได๋ ไดอาน่า : คนจะถามเราเยอะมาก เราก็บอกเขาว่าเราเป็นคนจีนฟิวชันค่ะ คุณตามาจากเซี่ยงไฮ้ คุณยายเป็นคนกวางตุ้ง คุณปู่เป็นคนจีน คุณย่าเป็นคนจีนมาเลเชีย ส่วนตัวเราเกิดที่ฮ่องกง แต่เรามาโตที่เมืองไทย จริงๆ แล้วเราคือคนจีนที่พูดภาษาไทยได้ เพราะตอนแรกที่เราเข้าวงการใหม่ๆ พูดภาษาไทยไม่ชัดเลย เราเรียนโรงเรียนไทยถึงป.4 จากนั้นเราก็เรียนโรงเรียนนานาชาติ แต่ภาษาที่เราพูดกับภาษาพิธีกรไม่เหมือนกัน อย่างเช่น ประสบการณ์ โลกาภิวัตน์ เราได้เรียนรู้คำพวกนี้จากการที่เราเป็นพิธีกร
ถาม เป็นคนที่มีงานเยอะมาก ในหนึ่งวันรับกี่งาน
ได๋ ไดอาน่า : เคยรับงานเยอะที่สุดคือ 1 วันรับงาน 1 โลเคชั่นคือ 5 งาน อย่างเราอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ก็จะรับตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 4 แล้วกลับมารับที่ชั้น 1 ใหม่ เพราะเวลาที่งานได้ เลยรับ เพราะอยู่ที่เดียวกันด้วย แต่เราก็เปลี่ยนชุดและหน้าผมด้วยนะคะ ให้เข้ากับงานที่เราทำหน้าที่พิธีกร วันนั้นสนุกมาก อยากให้เป็นแบบนั้นทุกวัน แต่ถามว่าเราเหนื่อยไหม ก็เหนื่อยนะคะ แต่พอเราเห็นเงินเราก็หายเหนื่อย
ถาม แต่ก็มีคนเมาท์มานะว่าได๋เป็นคนรักการทำงานมาก ไม่เคยหวังดัง แต่อยากได้เงินอย่างเดียว
ได๋ ไดอาน่า : ใช่ค่ะ เข้าวงการมาตอนที่เขาชวนมาเป็นพิธีกร เพราะเราอยากได้กางเกงยีนส์ตัวหนึ่งมากแค่นั้นเอง เพราะกางตัวนั้น 1800 บาท ค่าพิธีกร 3000 บาท แต่พอเราได้เงินมา เราไม่ซื้อ เราก็เก็บ เป็นโรคจิตมาก เก็บตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังชอบเก็บอยู่ แต่เห็นว่าเราเป็นคนชอบเก็บแบบนี้ แต่ชอบลืมรับเช็ค จนลูกค้าต้องโทรมาตาม จนบางครั้งก็หมดอายุไปเลย
ถาม และอีกเรื่อง เป็นพิธีกรที่ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมดีมาก จนบางครั้งมากกว่าพรีเซ็นเตอร์อีก
ได๋ ไดอาน่า : เพราะเราเป็นคนที่เป๊ะกับการบรีฟของลูกค้ามาก ถ้าลูกค้าบรีฟ เราจะต้องเป๊ะหรือมากกว่า เพราะเรารู้สึกมันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด จนบางทีไปเป๊ะ เกินพรีเซ็นเตอร์ไป (หัวเราะ)
ถาม แต่มีเรื่องอีกว่า ได๋เป็นคนหยิ่ง
ได๋ ไดอาน่า : เราเป็นคนที่เต็มที่กับการทำงานมากถึงมากที่สุด แล้วใครที่มาเจอเราก่อนขึ้นเวที มันมีหลายอย่างที่เราต้องโฟกัส เราต้องจำรายละเอียดงานให้แม่น เรื่องชื่องาน ชื่อผู้บริหาร เวลาที่เราโฟกัสอยู่กับพวกนี้แล้วมีคนเดินมาคุยกับเรา เราจะไม่ได้ยินอะไรเลย แล้วคนก็จะชอบบอกเราว่าเราหยิ่ง แต่จริงๆ สมองเราตอนนั้นคือโฟกัสอยู่กับสิ่งที่เราทำอย่างเดียวคือสคริปต์ ทำให้ตัดสิ่งรอบตัวออกไป
ถาม เป็นคนจริงจังกับงานทุกเรื่อง แต่มีอีกงานที่ทำไมยังไม่จริงจังสักที เรื่องแต่งงาน
ได๋ ไดอาน่า : ทุกครั้งที่ได๋เจอคุณภูวนาถ จะถามเราทุกครั้งเจอกัน 100 ครั้งคือถามทุกครั้ง ว่าถ้าใช่แล้วรออะไร อย่างที่บอกเราเป็นคนที่จริงจังทุกอย่าง หน้าที่ของการเป็นลูก เราต้องทำให้ดีที่สุด หน้าที่ของการเป็นพิธีกร แต่ ณ ตอนนี้เรายังคงต้องดูแลครอบครัว ผ่อนบ้าน ผ่อนรถอยู่ เราคิดว่าถ้าเราแต่งงานไปแล้ว เราต้องมานั่งขอเงินแฟน เพราะแต่งเราอยากท้องเลย เราคิดว่าถ้าเราแต่งงาน เราต้องทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดี แม่ที่ดี เราต้องให้ลูกและสามีเป็นอันดับหนึ่ง เราก็ถามตัวเองทุกวันนะว่าพร้อมหรือยัง ถามว่าอยากแต่งไหม เฉยๆ การมีคู่ไม่ได้สำคัญเท่ากับการมีลูก เพราะทุกวันนี้แม่จะพูดตลอดเวลาว่าหน้าเราโบท็อกซ์ได้นะ แต่มดลูกเราโบท็อกซ์ไม่ได้ 40 แล้วรออะไร ก็คงเร็วๆ นี้ เพราะเราตั้งใจว่าถ้าแต่งแล้ว จะมีน้องเลย ก็น่าจะปีนี้ค่ะ จะได้ไม่ต้องพาดหัวข่าวว่า ได๋แต่งงานฟ้าแลบ เพราะนางคิดมานานแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ดี เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จบ แล้วงานแต่งที่เราคิดไว้นะ แต่งเงียบๆ ไม่บอกใคร ตัวเองก็ไม่บอก (หัวเราะ) งานแต่งมันฟุ่มเฟือยนะ แต่เราก็คิดนะ พ่อกับแม่เขาเลี้ยงเรามา น่าจะเป็นวันเดียวที่เขาจะได้ส่งลูกสาว ถ้าเราจะจัดงาน เราต้องจัดให้พ่อกับแม่ ส่วนตัวเรายังไงก็ได้ สบายๆ