หลังจากที่ทางอมรินทร์ ทีวี ประกาศตามหาเจ้าของรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 ฆข 3176 กทม. กระทั่งวันที่ 7 ม.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.คลองคลวง ได้มีการสืบหาข้อมูลจนสามารถเรียกผู้ขับขี่รถมาสอบปากคำที่โรงพักในช่วงเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา
ภายหลังจากเมื่อวันที่ 3 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ป้ารักแร้เหนียวถูกพบตัวในพื้นที่รังสิต ในวันที่ 5 ม.ค.64 ทำให้น.ส.แอน ผู้เสียหายคนล่าสุดบังเอิญเจอกับป้า แล้วบุกประชิดตัว แต่ป้าใช้มีดขู่และหลบหนีไปได้
ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นร้านค้าสะดวกซื้อ ร้าน mr.DIY สาขาคลองพยอม ในพื้นที่ ต.พยอม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด ความยาวคลิป 26 วินาที จับภาพป้ารักแร้เหนียวเดินเข้าร้าน ซึ่งวินาทีที่ 0.11 ป้ารักแร้เหนียวเดินผ่าน ติดกิ๊ฟ ใส่ชุดรายดอกสีขาว ใส่หน้ากากสีชมพู
น.ส.ฟ้า (นามสมมติ) อายุ 27 ปี พนักงานร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง (ผู้เสียหาย) ในพื้นที่คลองพยอม ซึ่งถูกป้ามหาภัยก่อเหตุฉกเงินทอนหนีบรักแร้ เล่าให้ทีมข่างฟังว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.64 เวลา 20.47 น. โดยปกติแล้วหน้าที่ตนไม่ใช่คนคิดเงิน แต่ขณะนั้นพนักงานคนอื่นกำลังวุ่นอยู่หลังร้าน
จังหวะนั้นป้ามหาภัย หรือป้ารักแร้เหนียว เดินเข้ามาในร้าน ซื้อของ 1 อย่างเป็นช้อนส้อม 3 คู่ในราคา 63 บาท แต่ให้เงินมา 40 บาท ตนจึงบอกไปว่า "ป้าคะ เงินไม่พอค่ะ ราคาสินค้า 63 บาท" ป้าก็พูดว่า "ทำไมช้อนที่นี่แพงจัง" พร้อมควักเงินให้อีก 40 บาทแล้วออกจากร้านไป
เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาที ป้ามหาภัยกลับเข้าที่ร้านอีกครั้ง โดยเดินเข้าไปหยิบช้อนส้อมเหมือนเดิม แล้วเดินมาจ่ายเงินกับตน จู่ ๆ ป้าก็พูดขึ้นมาเองเลยว่า "สามีให้พี่มาซื้อช้อน" พร้อมหัวเราะ ตนก็ยังเข้าใจว่าเป็นลูกค้าปกติที่พูดเล่นกัน จากนั้นป้ามหาภัยยื่นแบงก์ 1,000 บาทมาให้ ตนก็ทอนเงินไป 937 บาท ในจำนวนนั้นเป็นแบงก์ 500 บาท 1 ใบ
จังหวะที่ตนยื่นเงินทอนให้แล้วหันหน้ากลับเพื่อจะดันลิ้นชักเงินกลับเข้าที่ ทันใดนั้นป้ามหาภัยก็ขึ้นเสียแข็งบอกว่า "หนูทอนตังค์ให้ป้าไม่ครบ" ขณะนั้นตนก็เข้าใจว่าทอนเงินผิด เลยหยิบให้ไปอีก 500 บาท จากนั้นป้าก็รีบเดินออกจากร้านไป
ทั้งนี้ตนมาทราบอีกทีก็ตอนเช้าวันที่ 5 ธ.ค.64 เนื่องจากจำเป็นต้องเอาเงินไปเข้าธนาคาร แต่พบว่าเงินหายไป 500 บาท เลยมาย้อนดูกล้องวงจรปิดอีกครั้ง พบว่าป้ามหาภัยเอาเงินหบีบใต้จักแร้ ตนเลยรับผิดชอบด้วยการเอาเงินตัวเองใส่คืนให้ร้าน 500 บาท แล้วตัดสินใจไปแจ้งป้อมตำรวจในพื้นที่
เบื้องต้นเป็นการลงบันทึกประจำวันเท่านั้น ตนยังไม่มีเวลาไปแจ้งความที่ สภ.วังน้อย ซึ่งตนก็มองว่าการที่ป้าเดินเข้าออก 2 รอบ โดยรอบแรกน่าจะมาดูลาดเลา แล้วค่อยมาลงมือจริงในรอบที่ 2 หลังจากนั้นพอมีการนำเสนอข่าวว่า ป้าไปเที่ยวก่อเหตุหลายพื้นที่ เลยตัดสินใจแชร์เรื่องราวเตือนภัยให้กับสังคม
ส่วนตัวอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งมือจับกุมป้าให้ได้ เนื่องจากตนสงสารผู้เสียหายคนอื่น บางคนก็เป็นเด็ก Part Time ซึ่งได้ค่าแรงน้อยกว่าพนักงานประจำ ส่วนตนที่ต้องควักเงินจ่ายเองก็มองว่า ตนทำงานได้วันละ 320 บาท แล้วคิดดูว่าป้าลงมือไม่กี่นาที ก็ได้ไปแล้ว 500 บาท
จากเบาะแสจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง ระบุว่า แท็กซี่เขียวเหลือง ทะเบียน 1 ฆข 3176 กรุงเทพฯ ได้พาตัวป้ามหาภัยมาส่งที่หน้าสถานีตำรวจทางหลวง 1 (อยุธยา) แล้วมีการเปลี่ยนรถแท็กซี่ โดยอ้างว่ากลัวเมียหลวงจับได้ ซึ่งขึ้นรถแท็กซี่คันสีชมพูออกไป
ทั้งนี้ทางชุดสืบสวน สภ.คลองหลวง รู้ตัวคนขับแท็กซี่สีชมพูคันดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นแท็กซี่ ทะเบียนรถ ทฬ 4247 กรุงเทพฯ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยนายผล ดอนดี แท็กซี่คันสีชมพู เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ขณะนั้นตนกำลังจอดรถรอผู้โดยสารอยู่ที่ด้านหน้าสถานีตำรวจทางหลวง 1 (อยุธยา) โดยป้ามหาภัยก็ขึ้นรถตนมาด้วยท่าทีที่ค่อนข้างเร่งรีบ โดยบอกกับตนแค่ว่าไปรังสิต ตนจึงขับรถออกไป
แต่ป้ามหาภัย ได้เร่งตนว่า "ขับเร็ว ๆ หน่อย" ตนก็สงสัยว่าทางรถก็โล่ง ป้าจะรีบไปไหน จึงไม่ได้เพิ่มความเร็วอะไร เพราะส่วนใหญ่ตนไม่ชอบให้ผู้โดยสารมาเร่ง เนื่องจากตนต้องคำนึกถึงความปลอดภัยเสมอ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม ได้แต่อดทนและไม่ได้ตอบโต้
เมื่อขับมาสักพัก ป้ามหาภัยก็พูดขึ้นมาว่า มีเรื่องทะเลาะวิวาทและถูกทำร้าย โดยเรียกให้ตนดูหน้าที่แก้มขวา มีรอดขีดแดง ๆ ตนก็มองจากกระจก ซึ่งเห็นว่ามีรอยจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร พอขับมาถึงใกล้ ๆ ม.กรุงเทพ ป้าตอบกลับมาว่า ให้ไปส่งที่เมเจอร์รังสิต กระทั่งขับมาใกล้ถึงเมเจอร์รังสิต ป้ามหาภัยเปลี่ยนใจ ขอไปลงที่ รพ.ปทุมเวช
พอมาถึงที่ รพ.ปทุมเวช ค่าแท็กซี่ 153 บาท ป้ามหาภัยยื่นเงินมาเพียงแค่ 120 บาท ตนจึงทวงเงินกับป้า เนื่องจากขาดไป 33 บาท แต่ป้ามหาภัยตีมึน พูดว่าเงินน่าจะตกอยู่แถวนั้นแหละ แล้วลงจากรถไป
ส่วนตัวรู้สึกว่าที่ป้าต้องเปลี่ยนรถ เพราะป้าอาจจะพูดไม่เข้าหูคันก่อนหรือไม่ และการที่ให้ตนมาส่งที่โรงพยาบาล อาจจะทำทีว่าตัวเองถูกทำร้าย
โดยส่วนตัวยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ทราบจริง ๆ ว่าป้ามหาภัยเป็นโจรที่ตำรวจตามล่า พอทราบข่าวก็รู้สึกตกใจที่รับโจรเข้ามา สุดท้ายนี้ก็ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งจับตัวให้ได้ไว ๆ