กรณีคดีความเกี่ยวกับลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่างครูปรีชา ใคร่ครวญ และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ภายหลังจากเมื่อวานนี้ (1 พ.ค. 61) ศาลจังหวัดกาญจนบุรีเลื่อนการพิจารณาคดีแพ่งเพื่อรอผลการพิจารณาคดีอาญาที่ครูปรีชายื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ ในความผิดยักยอกทรัพย์และรับของโจร ด้านครูปรีชาเปิดเผยด้วยว่า ได้ฟ้องคดี ร.ต.ท.จรูญ เพิ่มฐานในข้อหาฟ้องเท็จ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
โดย
ร.ต.ท. จรูญ วิมูล เปิดเผยว่า คดีนี้มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งคดีอาญาและแพ่ง จึงมีการเลื่อนพิจารณาคดีแพ่งออกไปก่อน ส่วนตัวมองว่าการจะชนะคดีอาญาหรือไม่นั้น คงต้องรอให้เรื่องจริงปรากฏก่อนว่าใครผิดหรือถูก ซึ่งเรื่องต้องปรากฏกันในชั้นศาล แม้ตอนนี้จะบอกว่าใครถูกก็คงไม่ใช่ เพราะเรื่องถึงศาลแล้ว ต้องให้ท่านเป็นผู้พิจารณา ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกหนักใจ แต่รำคาญใจมากกว่า ว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่ามาเกิดในชีวิตตน ถ้ามันไม่มีคนโลภเกิดขึ้น ควรจะรู้ว่าอะไรผิดหรือถูก หากผิดก็ไม่สมควรทำ เรื่องที่ถูกก็ควรทำ หากคิดกันแบบนี้ เรื่องนี้คงไม่เกิดแน่นอน
สำหรับกรณีทนายความอีกฝ่ายระบุว่ามีพยานประมาณ 10 ปาก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามีใครบ้าง หรือจะมีคนใกล้ตัวตนไปเป็นพยานหรือไม่ ส่วนตัวไม่หนักใจในเรื่องพยานของอีกฝ่าย เพราะจะมีสักกี่คนที่สนใจตน รู้จักตน ซึ่งตอนนี้กลับมีเยอะแยะไปหมด ขอให้พิจารณาเอาเองแล้วกัน ส่วนที่พยานจะไม่เคยเห็นตนไปที่ตลาดนั้น ตนก็ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะขนาดไปแทบทุกสัปดาห์ ก็ยังไม่มีใครรู้จักตนเลย ไม่มีใครจำตนได้เลย เพราะไม่เคยพูดคุยกัน
ทั้งนี้ พยานที่ตนมีก็มีเพียงตนกับภรรยา และเน้นน้ำหนักไปที่หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ตนยังมั่นใจ เพราะรู้ตัวว่าตนผิดหรือถูก ตนได้ติดตามข่าวตัวเอง และมีคนให้กำลังใจตลอด ส่วนคนเมืองกาญ ก็มีมาให้กำลังใจเช่นกัน คงมีบางส่วนเท่านั้นที่ไม่เข้าใจตน
ด้าน
นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นภาพถ่ายหน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นไฟล์คลิปเสียงจำนวนมาก พร้อมกับระบุข้อความว่า "
ได้ฟังคลิปเสียงของปอท.ที่คัดมาจากศาลจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว อยากจะบอกว่า จารย์รับซะเหอะ" ซึ่งหากนำภาพดังกล่าวไปขยายจนกระทั่งเห็นตัวเลขซึ่งเป็นชื่อไฟล์คลิปเสียง มีส่วนหนึ่งคล้ายกับเบอร์โทรศัพท์ โดยเมื่อวานนี้ ทนายษิทราได้ไปขอคัดคลิปเสียงที่ ปอท. ส่งมาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี
ขณะที่
นายวรยุทธ บุญวงศ์ใส ทนายความครูปรีชา เปิดเผยว่า มองว่า การที่ทนายษิทรานำข้อมูลเป็นรูปภาพไฟล์คลิปเสียที่ได้จากศาลมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถือว่าเป็นการนำพยานหลักฐานของศาลมาเผยแพร่ และละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น เนื่องจากไฟล์เสียงนั้น มีหมายเลขโทรศัพท์ระบุอยู่ ทำให้อาจมีคนโทรไปต่อว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ได้ โดยศาลให้คลิปเหล่านั้นมา เพื่อให้ทนายษิทรานำไปศึกษาต่อสู้คดี แต่ทนายษิทรานำมาโพสต์เผยแพร่ต่อสาธารณะชน ดังนั้นจึงมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดีอาญาแน่นอน โดยในวันพรุ่งนี้ ตนได้ข่าวว่า ทนายคดีแพ่งของครูปรีชา จะไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ขอให้งดการเผยแพร่หลักฐานนี้
ทนายวรยุทธ ยังบอกอีกว่า ถ้าแน่จริงก็ให้โพสต์คลิปลงเฟซบุ๊กเลย ส่วนทนายษิทราจะไปให้ข่าวที่ สภ.กระทุ่มแบน ในวันพรุ่งนี้ ตนไม่ได้กังวลอะไร เพราะไม่รู้ว่าทนายษิทรา จะไปแจ้งข้อหาอะไรอีก ขณะเดียวกันตนฝากเตือนทนายษิทรา ว่าทำอะไรอย่าใช้อารมณ์ อย่าใช้สังคมกดดันศาล คดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ไปว่ากันที่ศาลดีกว่า อย่ามาละเมิดสิทธิ์ อย่ามาละเมิดศาล ตนมองว่าที่ทนายษิทราออกมาโพสต์ข้อความ เพราะโดนฟ้อง จึงคุมอารมณ์ไม่อยู่ จิตไม่นิ่ง แค่คดีเดียวทำเป็นกลัว ส่วนตนเคยโดนฟ้องมาหลายคดีก่อนหน้านี้ โดนขู่มาเยอะ โดนไล่ยิง โดนยัดยาเสพติด ยังต้องใช้สติในการตอบโต้ อย่าคิดถึงแต่คดีหวย 30 ล้าน ให้คิดถึงคดีในอนาคตด้วย ออกมาว่าความนอกศาล ใช้โซเชียลชี้นำ มันจะเป็นบรรทัดฐานของสังคมต่อไปในอนาคต
สำหรับคลิปเสียงที่ทนายษิทราไปขอคัดมานั้น ทนายวรยุทธ ยอมรับว่า ตนเองยังไม่ได้ฟัง เพราะไม่ได้ไปขอ แต่มั่นใจพยานหลักฐานที่ตนจะเปิดในศาล สำหรับเรื่องที่ทนายษิทราบอกว่า ตนหลบหลังเด็ก ไม่ไปฟ้องร้องคดีด้วยตนเอง ทนายวรยุทธชี้แจงว่า ทนายที่ไปฟ้องก็อายุเท่ากับทนายษิทรา และตนไม่ได้หลบหลังทนายเด็ก อย่างที่ทนายษิทรา ออกมาให้สัมภาษณ์ เนื่องจากตนเองติดว่าความต่างจังหวัด จึงไม่สะดวก และในใจลึกๆ ก็ไม่ได้อยากฟ้องทนายด้วยกัน ซึ่งข้อเท็จจริงทนายคนไหนก็ฟ้องได้ อยู่ที่ตัวครูปรีชาว่ามอบหมายให้ทนายคนไหนดำเนินการ เรื่องเซ็นชื่อฟ้องไม่ต้องห่วง ตนเองเซ็นเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีอีกหลายคดีที่เตรียมฟ้องทนายษิทรา
ขณะเดียวกันทนายวรยุทธ ยังเปิดเผยอีกว่า มีทนายความหลายคน ที่อยากอยากฟ้องทนายษิทรา มีแต่คนมาขออาสา ฟ้องเรื่องมรรยาททนายษิทรา ที่สภาทนายความฯ
นอกจากนี้
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เปิดเผยว่า หากทนายษิทรา ไปขอคัดหลักฐานเป็นไฟล์คลิปเสียงมาจากศาล แล้วนำมาโพสต์บนเฟซบุ๊ก เช่น ไฟล์ภาพที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ให้เห็นว่ามีไฟล์เสียง นับว่ามีความผิดละเมิดศาล เพราะศาลยังไม่ได้วินิจฉัยคดี เป็นการรบกวนการพิพากษาของศาล ขณะเดียวกัน หากภาพดังกล่าวเป็นไฟล์ส่วนตัวของทนายษิทราที่ไม่ได้นำมาจากศาล หรือเป็นหลักฐานชิ้นเดียวกันที่ทนายษิทรามีอยู่แล้วเหมือนกับศาล ก็ถือว่าไม่มีความผิด
อย่างไรก็ตาม นายปรเมศศวร์ มองว่า คดีนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว ทนายความควรไปว่าความกันในศาล ไม่ควรนำเรื่องของตัวความมาพูดนอกศาล ไม่ควรนำหลักฐานมาโชว์ เป็นเรื่องที่ทนายความไม่ควรทำ คดีหวย 30 ล้าน เข้าสู่ศาลไปแล้ว ทนายทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ควรออกมาพูดถึงตัวความ หรือไม่ควรโพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องราวของตัวความ เพราะผิดมรรยาททนายความ