จากกรณีโลกออนไลน์ แชร์คลิปจากเพจเฟซบุ๊ก จึงจริง ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 5 นาที เป็นเหตุการณ์ระหว่างกลุ่มชายฉกรรจ์ 10 คน อ้างตัวว่าเป็นตำรวจบุกเข้าค้นห้องเช่า กับกลุ่มเจ้าของบ้าน และชาวบ้านอีกประมาณ 10 คน ภายในชุมชนซอยราชพัสดุ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ที่ออกมาเพื่อที่จะเจรจากับกลุ่มตำรวจโดยไม่มีการแสดงหมายค้น และไม่มีการแสดงบัตรของเจ้าหน้าที่ จึงมีการโต้เถียงกัน
จากนั้น ขอให้ตำรวจอธิบายถึงการบุกเข้าค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีการอธิบายว่ากำลังจะนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ จนกระทั่งมีชาวบ้านสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งมีกลิ่นสุราด้วย จึงขอให้มีการแสดงบัตร ต่อมาจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.สามเสน เข้ามาระงับเหตุไว้ได้
วันที่ 11 ม.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ชุมชนซอยราชพัสดุ ถนนสามเสน แขวงนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ เป็นห้องเช่า และบ้านของเจ้าของบ้านอยู่ติดกัน
นายผไท คล้ายอ่างทอง อายุ 36 ปี เจ้าของบ้านเช่าดังกล่าว เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุ 8 ม.ค. 64 เวลาประมาณ 07.30 น. มีชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน เดินทางมาหน้าบ้านด้วยรถตู้ 1 คัน และรถกระบะ 1 คัน เปิดประตูเข้ามาในห้องเช่า ตนเองเป็นเจ้าของ และสังเกตเห็นว่าเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปหลายคน เริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเดินเข้าไปดู กลุ่มชายดังกล่าวบอกว่าตนเองเป็นตำรวจ และไม่ต้องเข้ามา ตำรวจมีการฉุดกระชากลากตัวเองออกมา มีการดึงแขนและกระชากคอ เพื่อไม่ให้ตนเองเข้าไปดู โดยผู้ที่ตำรวจบุกจับ คือ นายภารดร คล้ายอ่างทอง อายุ 38 ปี พี่ชายของตนเอง
จากนั้น มีชาวบ้านใกล้เคียงออกมาดู เพราะช่วงนั้นค่อนข้างเสียงดังตนเองเริ่มโวยวายแล้วว่าเหตุใดตำรวจถึงปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ และตำรวจเกือบจะทำร้ายร่างกายตนเองด้วย เจ้าหน้าที่แขวนบัตรประมาณ 3 คนเท่านั้น ยอมรับว่าตกใจ ตนเองในฐานะที่เป็นผู้ดูแลชุมชน ต้องเข้าไปดูได้ และอยากทราบการทำงานของตำรวจว่าจริง ๆ แล้วต้องให้เจ้าของบ้านเข้าไปดูหรือไม่ เพื่อที่จะได้เป็นพยาน แต่วันนั้นตำรวจพยายามไล่ตนออก รวมทั้งไม่มีหมายค้น และไม่ได้แสดงบัตรของตำรวจตั้งแต่แรก หลังจากเกิดเหตุตนเองลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.สามเสน เพราะกังวลความปลอดภัย
ตนเองติดใจที่ตำรวจให้สัมภาษณ์กับสื่อบางช่องว่าจะมีการจับยาล็อตใหญ่ที่บ้านของตนเอง จึงเข้าตรวจค้น ตนเองยืนยันว่าตอนนี้บ้านตนยังจนอยู่เลย จะไปทำแบบนั้นได้อย่างไร เพราะที่บ้าน ก็ไม่ใช่คนมีฐานะร่ำรวย อย่างไรก็ตาม ก็ยังยืนยันบริสุทธิ์ใจว่าที่บ้านตนเองไม่มียาเสพติดแน่นอน
นายโยธิน สารอด อายุ 52 ปี ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตนเองได้ยินเสียงดังภายในซอยจึงออกมาดูเหตุการณ์ มีการฉุดกระชากชายคนหนึ่งอยู่ ตนเองจึงสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทราบว่าเป็นการจับยาเสพติด ค่อนข้างชุลมุนมาก ตนเองมองว่าตำรวจน่าจะปฏิบัติอย่างละมุนละม่อมมากกว่านี้ ครั้งนี้รุนแรงเกินไป
ตนเองอยากจะฝากถึงการทำงานของภาครัฐว่าจริง ๆ แล้วสามารถพูดคุยกันได้ ไม่ต้องใช้วิธีนี้ก็ได้ หลังจากที่ชาวบ้านลุกฮือไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีท่าทีใจเย็นลง มองว่าถ้าหากเจ้าหน้าที่มาแสดงตน และพูดคุยอย่างช่วงหลังเกิดเหตุน่าจะดีกว่า สมัยนี้ตำรวจจริงก็เยอะ ตำรวจปลอมก็เยอะ ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนการแสดงบัตรของเจ้าหน้าที่ ก็มีการแสดงบัตรที่แขวนคอ แต่ลักษณะท่าทางตำรวจบางนายมีอาการงัวเงีย ไม่ทราบว่าตำรวจไม่ได้พักผ่อน หรือดื่มจนเมาหรือไม่ เพราะก็ได้กลิ่นเหล้า
ด้าน พ.ต.อ.สินเลิศ สุขุม รองผบก.น.4 เปิดเผยว่า การบุกเข้าไปจับกุมครั้งนี้ เป็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ปราบปรามยาเสพติด ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล 4 จริง โดยมีเจ้าหน้าที่ 7-8 นาย ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำไปตามหน้าที่ และสถานที่จับกุมเป็นบ้านเช่าบริเวณลานจอดรถ และประตูใหญ่เปิดเอาไว้ เมื่อเข้าไปก็พบว่าห้องเป้าหมายที่จะจับกุมนั้น ไม่มีการล็อกประตู และพบอุปกรณ์การเสพ และยาเสพติดข้างตัวของผู้ต้องหา ห่างจากประตู 1 เมตร ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้า เจ้าหน้าที่จึงต้องจับกุมอยู่แล้ว
ส่วนเหตุชุลมุนที่เกิดขึ้น เริ่มจากเจ้าของบ้านที่ขอดูการบุกจับ ทางตำรวจก็ให้ดูแล้ว เจ้าของบ้านก็เห็นแล้ว จึงมีการจะเชิญตัวออก แต่เจ้าของบ้านไม่ยอมออก และยังขัดขวางพามวลชนมาล้อมตำรวจด้วย จึงได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เข้ามาระงับเหตุ และเพื่อความสบายใจของชาวบ้านมีการนำตัวผู้ต้องหาออกมาบันทึกการจับกุมที่ สน.สามเสน และนำตัวขยายผลส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย ยืนยันว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า จึงไม่ต้องมีหมายค้น และเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลุกแก่อำนาจจะเข้าไปบุกทลายทันที
ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านได้กลิ่นสุรา ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วเจ้าหน้าที่ไม่มีใครทำอะไรชาวบ้านเลย มีแต่ชาวบ้านมาล้อม