หลังจากที่ทางอมรินทร์ ทีวี นำเสนอเรื่องราวของป้ามหาภัย หรือป้าจักแร้เหนียว ซึ่งก่อเหตุด้วยการไปซื้อของ และหลอกเอาเงินทอนซ่อนใต้รักแร้ อ้างทอนเงินไม่ครบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจับกุมตัว ล่าสุดป้ามหาภัยก่อเหตุอยากต่อเนื่อง กระทั่งโผล่ก่อเหตุวันที่ 9 ม.ค.64 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุร้านค้าสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง อยู่ภายในซอยกุศลศิลป์ ถนนสรรพาวุธ เขตบางนา แขวงบางนา กรุงเทพฯ โดยทีมข่าวสอบถามวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าร้าน บอกว่าจำไม่ได้ และไม่เคยเห็นมาก่อน
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับนายสุรศักดิ์ ปิ่นแก้ว อายุ 33 ปี พนักงานร้านสะดวกซื้อ เล่าให้ฟังว่า ตนทำงานที่ร้านแห่งนี้กับแฟนสาวมานาน 4 เดือน โดยปกติจะเข้ากะดึก โดยเหตุเกิดเวลาประมาณ 15.40 น. ของวันที่ 9 ม.ค.64 ที่ผ่านมา วันนั้นตนเข้ากะกลางวัน โดยป้ามหาภัยเดินเข้ามาในร้าน พร้อมถามว่า “มีไอ้ตัวที่เอาไว้ถอนขนคิ้วมั้ย เขาเรียกว่าอะไรนะ?” ตนจึงตอบกลับไปว่ามันคือแหนบหรือไม่ พร้อมพาเดินไปตรงจุดที่ขายแหนบ แล้วตนก็เดินกลับมาที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์
จากนั้นป้ารักแร้เหนียวก็เดินมาจ่ายเงินพร้อมสินค้า 3 อย่าง ได้แก่ แหนบ ราคา 25 บาท ทิชชู ราคา 14 บาท และน้ำส้มกล่องละ 18 บาท รวมเป็นเงิน 57 บาท แต่รอบแรกป้ามหาภัยให้เงินมา 40 บาท ซึ่งตนก็บอกป้าไปว่าเงินไม่พอ จากนั้นป้าก็ควักเงินรอบที่สองให้เงินเป็นเหรียญเพิ่มอีก 4 บาท ซึ่งก็ยังไม่พอ ตนก็บอกป้าอีกครั้งว่าไม่พอ จากนั้นป้าจึงเอาเงิน 44 บาทกลับคืน แล้วจ่ายด้วยเงินแบงก์ 1,000 บาท ตนจึงทอนเงินให้ 943 บาท หลังจากนั้นป้าก็บอกตนว่า ตนถอนเงินไม่ครบ ได้เงินมาแค่ 400 กว่าบาทเอง ขาด 500 บาท
ทั้งนี้ตนค่อนข้างมั่นใจว่าทอนเงินครบ เนื่องจากผู้จัดการสาขากำชับเสมอว่า เรื่องของการนับเงินทอนต้องนับให้ครบ ตนจึงตรวจสอบด้วยการสังเกตมองว่ามีเงินตกบริเวณนั้นหรือไม่ ทันใดนั้นตนก็เห็นว่าแบงก์ 500 บาท เหน็บไว้ตรงรักแร้ของป้ามหาภัย ตนจึงชี้ไปที่แบงก์แล้วบอกว่า “นั่นไงป้า เงินอยู่นั่น ทำไมป้าทำทุเรศแบบนี้” จากนั้นป้าขอโทษ “ป้าคงทำเงินตกเอง” แล้วรีบเดินออกจากร้านไปทันที
นาทีนั้นตนก็รู้สึกว่าต้องใช่มิจฉาชีพแน่ ๆ ซึ่งก็สองจิตสองใจว่าจะตามเอาเรื่องดีหรือไม่ แต่ตนก็ยังติดลูกค้าในร้าน จึงไม่ได้ตามตัวออกไป จากนั้นตนก็แจ้งไปยังผู้จัดการสาขา ทำให้ผู้จัดการสาขาย้อนดูกล้องวงจรปิดดูแล้วก็พบว่าเป็นป้ารักแร้เหนียวจริง ๆ
อย่างรไก็ดี ส่วนตัวแล้วอยากให้ตำรวจจับตัวป้ามหาภัยให้ได้ เพราะป้าตระเวนก่อเหตุซ้ำ ๆ แบบนี้ไปเรื่อย แล้วก็สร้างความเดือดร้อนให้กับคนทำมาหากิน
นอกจากนี้ ผู้จัดการสาขาร้านสะดวกซื้อ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเพิ่มเติมว่า ป้ามหาภัยได้ขโมยครีมอาบน้ำ ราคา 55 บาท ก่อนหน้าที่จะเดินมาคิดเงิน ซึ่งตนไม่ได้มีการแจ้งความแต่อย่างใด แต่ต้องการแชร์เตือนสังคมให้ระมัดระวังบุคคลดังกล่าว และขอให้เขารับผิดกับความผิดทุกโรงพักที่ถูกแจ้งความ
ในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้พบเห็นป้ามหาภัย ในวันที่ 9 ม.ค.64 ที่บริเวณป้ายรถเมล์หน้าโรงแรมตั๊กหลักเกี้ย ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โดยมีการถ่ายคลิปไลฟ์สดในเฟซบุ๊กไว้อีกด้วย
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับน.ส.อาย (นามสมมติ) อายุ 27 ปี พลเมืองดี เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเลิกงานเวลาประมาณ 21.00 น. แล้วจะต้องเดินมาขึ้นรถเมล์กลับบ้านที่ป้ายรถเมล์นี้ประจำ สักพักป้ามหาภัยเดินเข้ามาหาตน บอกกับตนว่า “หนู ๆ ป้าขอยื้มโทรศัพท์เปิดดูข่าวในยูทูบหน่อย” ตนเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้าเลยปฏิเสธไปว่าต้องใช้โทรศัพท์
ในขณะเดียวกัน ตนก็เอะใจสงสัยว่าไมป้าคนดังกล่าวลักษณะคุ้น ๆ เหมือนป้ารักแร้เหนียวที่เป็นข่าว ด้วยท่าทาง การแต่งตัว กระเป๋าที่ใช้ เหมือนกับในคลิปที่น.ส.แอน ได้ถ่ายไว้หน้า ม.กรุงเทพ วันที่ 5 ม.ค.64 ที่ผ่านมา
จากนั้นตนจึงตัดสินใจไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก เพื่อให้ช่วยแจ้งเบาะแสว่าเจอป้ารักแร้เหนียว อยู่แถวบางรัก ฝากให้เพื่อน ๆ ที่ดูไลฟ์สดช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในขณะนั้นตนก็ไม่ทราบว่า ป้ารักแร้เหนียวไปพูดคุยอะไรกับพี่คนที่รับจอดรถหลังป้ายรถเมล์
จากนั้นป้ามหาภัยก็เดินมานั่งที่ป้ายรถเมล์ข้าง ๆ ตน และขึ้นรถเมล์สาย 1 มุ่งหน้าถนนตก แต่ตนลงป้ายเยาวราชเลยไม่รู้ว่าป้ามหาภัยนั่งรถเมล์ไปลงป้ายไหน แต่หลังจากที่ตนลงจากรถ ตนก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ขอคลิปกับตนไปแล้ว
ส่วนตัวติดตามข่าวป้ารักแร้เหนียวมาเรื่อย ๆ ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมตำรวจ 2 แสนกว่านายไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงคนนี้ได้ อยากให้ตำรวจเร่งจับตัวให้ได้ไว ๆ จะได้ไม่ต้องไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นอีก
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยังจุดป้ายรถเมล์ที่มีการพบตัวป้ารักแร้เหนียว อยู่บริเวณหน้าโรงแรมตั๊กหลักเกี้ย ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
ทีมข่าวสอบถามข้อมูลผู้ดูแลลานจอดรถ บอกกับทีมข่าวว่า ช่วงวันที่ 9 ม.ค.64 เวลา 21.00 น. หลายชายของตนเข้ามาช่วยดูแล ป้ารักแร้เหนียว เดินเข้ามาขอใช้โทรศัพท์ ซึ่งหลานของตนก็กดโทรแบบเปิดลำโพงให้ โดยปลายสายโทรหาคนชื่อ "ตึ๋ง"
จากนั้นทีมข่าวโทรไปสอบถามเบอร์โทรดังกล่าว ปรากฎว่า นายตึ๋ง บอกว่า จำไม่ได้ ปกติไม่ค่อยรับสายเบอร์แปลก จากนั้นทีมข่าวถามถึงเรื่องหญิงสาวฉกเงินทอน ที่เป็นข่าวอยู่ นายตึ๋งบอกว่า ตนไม่ค่อยได้ติดตามข่าว จึงไม่รู้รายละเอียด จากนั้นทีมข่าวส่งภาพของป้ารักแร้เหนียวไปให้นายตึ๋งในไลน์ แต่นายตึ๋งก็ยังไม่การตอบกลับอย่างใด คาดว่าได้บล็อกทีมข่าวไปแล้ว