กรณีพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธปืนยิงกันมีผู้เสียชีวิต ภายในร้านส้มตำแห่งหนึ่ง ทางเข้าหมู่บ้านสินธิวา ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยที่เกิดเหตุภายในร้านพบผู้เสียชีวิต น.ส.นีรนุช อายุ 24 ปี เป็นพนักงานของร้าน สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะ ข้างกันยังพบศพ นายหาญณรงค์ อายุ 28 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่บริเวณปากกระสุนทะลุท้ายทอย โดยเหตุเกิดจากฝ่ายชายพยายามตามง้อฝ่ายหญิง ซึ่งเป็นอดีตภรรยาแต่ไม่สำเร็จ ชักปืนยิงจนเสียชีวิตก่อนยิงตัวตายตาม
ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ลักษณะเป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น เปิดเป็นร้านขายส้มตำและยำต่าง ๆ ด้านหน้าร้านมีโต๊ะยาวและตู้ใส่อุปกรณ์ โดยพบว่าร้านปิดล็อก ไม่สามารถติดต่อเจ้าของร้านได้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายจิรวัฒน์ ป้อมคำ อายุ 26 ปี เพื่อนนายหาญณรงค์ ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ม.ค.64) เวลาประมาณ 23.30 น. นายหาญณรงค์ และตนกับนายศิวะ เพื่อนอีกคน รวม 3 คนขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันไปยังร้านขายของชำฝั่งตรงข้ามร้านยำที่เกิดเหตุเพื่อจะไปหาข้าวกินกลางดึก โดยตนกับนายศิวะ เดินข้ามฝั่งไปสั่งยำที่ร้านเกิดเหตุ ซึ่งมีน.ส.นีรนุช อดีตภรรยานายหาญณรงค์เป็นพนักงานอยู่ในร้านด้วย
หลังจากนั้นตนให้นายศิวะยินรอยำหน้าร้าน ส่วนตนข้ามฝั่งกลับมาเข้าห้องน้ำ โดยเดินสวนทางกับนายหาญณรงค์ที่กำลังจะเดินไปร้านยำ แต่ตนไม่ได้เอะใจคิดว่าเพื่อนอาจจะอยากเข้าไปเคลียร์ เมื่อตนเข้าห้องน้ำ จู่ ๆ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงรีบวิ่งออกมาดูที่เกิดเหตุ พบว่าน.ส.นีรนุช ล้มลงไปนอนแน่นิ่งแล้ว ขณะนั้นนายหาญณรงค์กำลังใช้ปืนจ่อศีรษะตัวเอง ลักษณะเหมือนจะยิงตัวตาย ตนจึงรีบเข้าไปแย่งปืนก่อนโยนเข้าไปในร้านแล้วรีบวิ่งออกมา พร้อมบอกให้นายศิวะ ที่ยืนรอยำอยู่หน้าร้านวิ่งหนีไป เพราะกลัวจะถูกลงหลง
จากนั้นนายหาญณรงค์ ได้เดินไปหยิบปืนที่ตนเขวี้ยงทิ้ง ก่อนอออกมายืนข้างศพ น.ส.นีรนุช พร้อมใช้ปืนจ่อปากตัวเอง และหันหน้ามามองตน ก่อนลั่นไกปลิดชีพตัวเอง ซึ่งเป็นภาพที่ติดตา และสะเทือนใจตนเป็นอย่างมาก
โดยตนเพิ่งรู้จักกับนายหาญณรงค์ ได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ เพราะเจอกันละแวกที่เกิดเหตุบ่อยครั้ง ทราบว่าอีกฝ่ายเช่าห้องรายวันอยู่คนเดียว จึงชวนไปอยู่ด้วยกัน ซึ่งนายหาญณรงค์ อ้างว่าเลิกกับน.ส.นีรนุช ที่ทำงานร้านยำ แต่โดนผู้หญิงหลอกเงิน รวมถึงหลอกให้ซื้อรถจักรยานยนต์ให้ จำนวน 2 คัน คิดว่าผู้หญิงน่าจะมีผู้ขายคนอื่น จึงพยายามตามไปดูและไปสืบว่ามีจริงหรือไม่ อีกทั้งเคยสัญญากันไว้กับฝ่ายหญิงว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป หากใครมีคนใหม่ต้องแลกด้วยชีวิต
อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่คิดว่านายหาญณรงค์ จะก่อเหตุดังกล่าว เพราะไม่ได้มีท่าทีว่าจะทำร้ายผู้หญิงและตนก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธปืน แต่ก่อนเกิดเหตุเจ้าตัวดูเหม่อลอย คล้ายคิดอะไรบางอย่าง และบอกตนแค่ว่าจะไปเคลียร์กับผู้หญิง หากเรื่องจบจะได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด
ด้านนายศิวะ คงอุบล อายุ 26 ปี เพื่อนผู้ก่อเหตุอีกราย เล่าว่า ขณะที่ตนยืนรอยำอยู่หน้าร้าน เห็นนายหาญณรงค์ เดินเข้าไปคุยกับ น.ส.นีรนุชที่กำลังขายยำอยู่ โดยพูดว่า “จะเอาไง” จากนั้นฝ่ายหญิงเดินหนีจะเข้าไปในร้านและมีการถกเถียงกันเล็กน้อย ก่อนนายหาญณรงค์จะชักปืนขึ้นมาจ่อยิง น.ส.นีรนุช จนล้มลงที่ประตูทางเข้าร้าน จากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุนขึ้น และนายหาญณรงค์ก็ยิงตัวเองเสียชีวิต โดยตนก็ไม่คิดว่านายหาญณรงค์ จะกล้าก่อเหตุดังกล่าว เพราะรู้แค่ว่านายหาญณรงค์ จะเข้าไปคุยกับฝ่ายหญิงเท่านั้น
เวลา 14.30 น. ญาตินายหาญณรงค์ ผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้าไปที่ร้านยำจุดเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีจุดธูปเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน
น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี พี่สาวนายหาญณรงค์ กล่าวว่า หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่รู้รายละเอียดเพราะต่างคนต่างแยกครอบครัวออกมา คุยกันล่าสุดเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว น้องชายก็ไม่ได้พูดระบายหรือมีสัญญาณว่าจะก่อเหตุ ส่วนน้องชายกับ น.ส.นีรนุช คบกันมาหลายปีแล้ว แต่ตนไม่เคยเจอฝ่ายผู้หญิง ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่าต้นเหตุที่น้องชายตัดสินใจแบบนี้ เพราะน้องไม่ได้ปรึกษาใคร
จากนั้นทีมข่าววิดีโอคอลพูดคุยกับนางวิชญาพร แก้ววังน้ำ อายุ 34 ปี เพื่อนของน.ส.นีรนุช ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนเคยทำงานที่ร้านยำที่เกิดเหตุ โดยน.ส.นีรนุช เพิ่งเข้ามาทำงานประมาณ 3 เดือน และเล่าว่าได้แยกทางกับนายหาญณรงค์ อดีตสามี ฝ่ายชายพยายามตามมาง้อ แต่เจ้าตัวไม่อยากกลับไปคืนดี
โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 23 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา หลังปิดร้านในเวลาประมาณ 01.00 น. ตนขี่รถจักรยานยนต์ มีน.ส.นีรนุช ซ้อนท้ายกำลังจะเดินทางกลับที่พัก จู่ ๆ นายหาญณรงค์ ซึ่งหลบอยู่ที่มืดข้างทางก็วิ่งออกมา และชักสิ่งของบางอย่างคล้ายอาวุธปืนออกมาจากในกระเป๋า พร้อมทำท่ายิงใส่ น.ส.นีรนุช แต่ยิงไม่ออกมีเสียงดัง “แป๊ก แป๊ก” ตนจึงรีบขี่รถจักรยานยนต์ต่อไปยังสถานีตำรวจ พร้อมพาน.ส.นีรนุชเข้าแจ้งความ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจงใจเข้ามาทำร้าย น.ส.นีรนุช โดยนายหาญณรงค์ได้เข้าไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมยืนยันว่าไม่มีอาวุธปืน
แต่ช่วงเกิดเหตุ ตนสังเกตเห็นเพื่อนอีกคนที่รออยู่ข้างรถจักรยานยนต์ คาดว่านายหาญณรงค์ อาจจะฝากอาวุธไว้กับเพื่อนรายดังกล่าว หลังจากนั้นตนก็พยายามเตือน น.ส.นีรนุช ไม่ให้กลับบ้านคนเดียว หากไม่ได้กลับพร้อมตนก็ต้องมีคนไปส่ง เพราะคิดว่าฝ่ายชายจ้องจะทำร้าย ก่อนที่ตนจะลาออกจากร้านยำ และออกมาอยู่ต่างจังหวัดได้ประมาณ 4-5 วัน ซึ่งวันที่ 10 ม.ค.64 ตนโทรศัพท์คุยกับ น.ส.นีรนุช อีกฝ่ายเล่าว่า นายหาญณรงค์ ยังมาวนเวียนอยู่เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา ตนก็เตือนให้ระวังตัว ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าว
โดยน.ส.นีรนุช เคยบอกตนว่า นายหาญณรงค์ไม่กล้าทำ เพราะเป็นคนขี้ขลาด รักชีวิตตัวเอง อาจจะเป็นจุดที่ทำให้น.ส.นีรนุช ชะล่าใจ ซึ่งน.ส.นีรนุช กับนายหาญณรงค์ มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุประมาณ 2 ขวบเศษ ๆ ขณะนี้แม่ของฝ่ายชายเลี้ยงอยู่ที่ต่างจังหวัด ก่อนหน้านี้ฝ่ายชายพยายามเอาเรื่องลูกมาอ้าง จะขอลูกไปเลี้ยงเอง ให้น.ส.นีรนุช เซ็นยกลูกให้ เมื่อฝ่ายหญิงเซ็นแล้วก็ยังไม่ยอมจบ ส่วนที่ฝ่ายชายอ้างว่าผู้หญิงหลอกเงินไม่เป็นความจริง เพราะฝ่ายชายไม่ได้ทำงาน มีแค่น.ส.นีรนุช ที่ทำงานหาเงินอยู่คนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินให้หลอก
นางวิชญาพร กล่าวต่อว่า นายหาญณรงค์เป็นคนชอบโกหก หลอกลวง ไม่สามารถเชื่อถือคำพูดได้และชอบพูดให้ร้ายฝ่ายหญิงตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กนายหาญณรงค์ ผู้ก่อเหตุ พบมีการโพสต์ข้อความในวันที่ 23 และ 24 ธ.ค.63 จำนวน 4 ข้อความ ระบุว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะจบลงในวันนี้" และ "กูจะยอมรับผลกรรมที่มันกำลังจะเกิดขึ้น"