สาวโคโยตี้พี้ “เคนมผง” ช็อกตายคาบ้าน แฟนหนุ่มร่วมวงหวิดดับ เพื่อนงงนึกว่าหลับ (คลิป)

กรณีตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตและผู้หมดสติไม่ทราบสาเหตุ โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ภายในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 4 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ

โดยเหตุเกิดที่ชั้น 2 พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมา น.ส.พาณิภัค จันทราวราวรรค์ หรือ เอมมี่ อายุ 21 ปี สภาพนอนหงายกับพื้นห้อง สวมใส่เสื้อยืดคอกลม ลายทางสีขาวสลับสีดำ กางเกงวอร์มขายาวสีดำ

ส่วนผู้หมดสติเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายทัชชัย กล่อมใจ หรือ ดรีม อายุ 22 ปี ถูกช่วยเหลือส่ง รพ.เจริญกรุง บริเวณในห้องที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายทำงานย่านพัฒน์พงษ์ เป็นโคโยตี้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก่อนมาเช่าบ้านอยู่ที่นี่ ทั้งนี้เคยมีคนเตือนให้เลิกเสพยา แต่ไม่เลิก ส่วนฝาายชายไม่ได้ทำงานอะไร คบหากับฝ่ายหญิงมาหลายปีแล้ว

โดยก่อนเกิดเหตุ ทั้งหมดไปงานวันเกิดเพื่อน ก่อนจะพากันเข้ามานั่งเล่นกันต่อที่บ้านหลังนี้ 5 คน จากนั้นพากันหลับไปตอนประมาณ 03.00 น. จากนั้นเวลา 11.00 น. เพื่อนพากันกลับไปอาบน้ำที่บ้าน ก่อนจะพบว่ามีคนเสียชีวิตและอาการสาหัสดังกล่าว

ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.สตางค์ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี เพื่อนร่วมงาน สาวโคโยตี้ที่เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า ตนและผู้ตายทำงานเป็นโคโยตี้ด้วยกัน สมัยยังรับงานตะเวนตามจังหวัดต่าง ๆ 7 วันบ้าง 15 วันบ้าง ที่ผ่านมาผู้ตายเป็นคนนิสัยใจคอดี สนุกสนาน รักเพื่อนฝูง เฮฮา อยู่ด้วยไม่เครียด เวลาไปทำงานโคโยตี้ตามต่างจังหวัดก็ไปด้วยกันบ่อย ตนไม่เคยเห็นผู้ตายไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พอทราบข่าวว่าผู้ตายเสียชีวิตก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะมาตายแบบนี้ เพราะเป็นคนขยันหาเงิน เคยบอกตนว่า มาหาเงินคนเดียว ไม่เคยพูดถึงญาติพี่น้อง ถามว่ามาจากไหน พ่อแม่อยู่ที่ไหน ผู้ตายก็ไม่บอก จึงไม่เคยรู้เรื่องครอบครัว

ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่า ผู้ตายเสพยาเคนมผง ประกอบกับ ช่วงนี้ผู้ตายได้งานทำที่ร้านย่านพัฒน์พงษ์ และไปอยู่กับแฟนหนุ่มที่คบกันมานานแล้ว ตนจึงเริ่มห่างและทักทายกันแค่ในเฟซบุ๊ก ส่วนแฟนหนุ่มเห็นทั้งคู่รักกันดี ไม่เคยทะเลาะกันให้เห็น ในเฟซบุ๊กก็โพสต์ปกติ ไม่มีลางบอกเหตุอะไร

น.ส.สตางค์ เล่าว่า วงการงานกลางคืน อย่างพีอาร์และโคโยตี้อย่างพวกตนเข้าถึงยาเคได้ง่ายมาก แต่ละสถานที่เที่ยวสถานบันเทิงต่าง ๆ มักจะมีปะปนอยู่แล้ว ส่วนตนเคยมีคนชักชวนให้เสพเหมือนกัน แต่ตนไม่อยากยุ่ง เคยปฏิเสธไป เพราะเคยเห็นเพื่อน ๆ ที่เสพ จะเห็นมีอาการช็อก และน็อกหายใจไม่ออกเกร็ง คล้ายกับเสพหนัก เกินขนาด ประกอบกับดื่มแอลกอฮอล์ด้วยอาจทำให้ร่างกายรับไม่ไหว

ทั้งนี้ตนอยากเตือนว่า ใครเสพอยู่หรือยุ่งเกี่ยวกับกับ ยาเค หรือสารเสพติดทุกอย่าง ให้เลิกเถอะ เห็นใจคนข้างหลังบ้าง เกิดการสูญเสียขึ้นจะลำบาก อย่างเคสน้องเอมมี่ ตนไม่รู้ว่าไปแอบไปลองตอนไหนกระทั่งเสียชีวิต แต่ในเฟซบุ๊กก็มีโพสต์ปกติ ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย ตนเสียใจและตกใจมาก

ต่อมาทีมข่าว ลงพื้นที่ไปยังบ้านเช่าที่เกิดเหตุ ภายในซอยเจริญราษฎร์ 7 แยก 4 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ พบว่าเป็นบ้าน 2 ชั้น ที่เกิดเหตุอยู่ชั้น 2 ตัวบ้าน เปิดประตูทิ้งไว้ ไฟส่องสว่างยังเปิดอยู่ ที่ชั้นล่าง ก็พบว่าประตูเปิดอยู่เช่นกัน แต่รั้วบ้านปิด

จากนั้น ทีมข่าวพบเห็นหญิงวัยรุ่น 2 คน เดินออกมาจึงเข้าไปสอบถาม พบว่าเป็นเพื่อนที่อยู่บ้านเช่า หลังเดียวกับ น.ส.พาณิภัค ผู้เสียชีวิต แต่ทั้ง 2 คนไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เดินหนีแหล่งข่าว โดยระบุว่าวันนี้ไม่พร้อม และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อช่องใด ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ พร้อมขอโทษทีมข่าว เพราะไม่สะดวกจริง ๆ ก่อนจะเดินหลบไป

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางชวนพิศ จันทร์สมบูรณ์ อายุ 57 ปี ที่เช่าบ้านอยู่ติดกัน บอกกับทีมข่าวว่า ตนเช่าอยู่ในซอยนี้มาประมาณเกือบ 10 ปี แต่ผู้ตายและแฟนหนุ่มเพิ่งมาอยู่ได้ 1 ปีกว่า โดยอยู่กัน 3 คู่หนุ่มสาว และพ่อแม่เพื่อนผู้ตาย รวมทั้งสิ้น 8-9 คน ทั้งนี้ที่ผ่านมาเวลาจัดงานวันเกิดถึงจะมีพูดคุยกันเสียงดังบ้าง แต่ไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร

นอกจากนี้ตนไม่ทราบว่าผู้ตายเสพยาเคนมผงมานานแค่ไหน หรือเสพตอนไหน เห็นแค่สูบบุหรี่จัด แต่ก่อนจะเกิดเหตุ ผู้ตายมีอาการเดินเซ ตกบันไดบ้านมา 2 ครั้งแล้ว ในช่วง 2 สัปดาห์ ไม่รู้เป็นเพราะฤทธิ์ยาหรือไม่ แต่ตนเคยได้ยินเขาคุยกันว่า "รู้ว่าไม่ไหว ก็เดินจัง" ก่อนจะพะยุงกันขึ้นไป แต่เท่าที่สังเกต ผู้ตายเป็นคนรูปร่างผอมทรงโคโยตี้

อย่างไรก็ตาม ตนทราบข่าวตอนประมาณ 11.00 น. ก็ตกใจมาก เพราะได้ยินเสียงโวยวายว่า มีคนตายแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปดู ตนรอฟังข่าวจากที่บ้าน ส่วนผู้ชายที่อาการสาหัส ตนเห็นถูกเจ้าหน้าที่หามใส่เปลไปโรงพยาบาล ไม่รู้อาการเป็นอย่างไร แต่ที่ผ่านมาตนไม่เห็นทำงานอะไร ส่วนฝ่ายหญิงก็อยู่บ้านเพราะร้านปิดจากโควิด-19 เลยมีเวลาเสพยากันหรือไม่ แต่สงสารผู้ตายเพราะทราบว่าไม่มีญาติ เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทั้งนี้อยากให้วัยรุ่นเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะตนก็มีลูกเหมือนกัน

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังวัดเรืองยศสุทธาราม แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ภายในศาลา 1 ถูกจัดงานฌาปณกิจศพของ ซึ่งบรรยากาศภายในงานมีเหล่าบรรดาเพื่อน ๆ มาร่วมสวดอภิธรรมอยู่ ท่ามกลางความโศกเศร้าของเหล่าบรรดาเพื่อน ๆ

จากนั้นทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับน.ส.บีม (นามสมมติ) อายุ 32 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเป็นผู้ที่อยู่กับน.ส.เอมมี่ มา 15 ปี นับถือกันเป็นพี่น้องเหมือนคนในครอบครัว ก่อนที่น.ส.เอมมี่ จะเดินทางออกไปอยู่กับเพื่อนโคโยตี้ด้วยกันอีกกลุ่มหนึ่งได้ 2-3 ปี

ในอดีตทางครอบครัวของตนเคยช่วยเหลือน.ส.เอมมี่ไว้ เมื่อครั้งก่อนแม่ของน.ส.เอมมี่ ป่วยเสียชีวิตที่ประเทศไทย แต่เนื่องจากตัวแม่และน.ส.เอมมี่ เป็นคนสัญชาติเมียนมา ไม่มีเลขบัตรประชาชน ทำให้การสมัครงานไม่ใช่เรื่องง่าย โคโยตี้จึงเป็นอาชีพเดียวที่น.ส.เอมมี่ทำได้ และได้เงินดีเช่นกัน

แต่โดยปกติแล้วน.ส.เอมมี่ เป็นคนที่ชอบเป็นห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง เวลาได้เงินจากการทำงานก็จะมาเลี้ยงเพื่อนฝูง ซึ่งน.ส.เอมมี่ ไม่เคยลืมบุญคุณกับผู้ที่ช่วยเหลือ ตนก็ไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาคนที่เข้าหาน.ส.เอมมี่ มีแต่คนเห็นผลประโยชน์ของน.ส.เอมมี่ เพราะเขาทำงานหาเงินชอบเปย์เพื่อน

อย่างไรก็ตาม สภาพจิตใจของตนในตอนนี้ ก็ยังอยู่ในความเสียใจ เนื่องจากตนรักน.ส.เอมมี่ มาก ๆ การจากไปในลักษณะแบบนี้ ตนมองว่ากะทันหันไป ก่อนหน้านี้ 3 วัน น.ส.เอมมี่ เดินทางมาหาตน โดยมากอดตน แล้วบอกว่า "หนูรักพี่นะ รักมาก ๆ" ซึ่งตนก็ไม่คิดว่านี่จะเป็นลางสังหรณ์หรือไม่